คดีที่นำไปสู่การออกหมายจับพระธัมมชโย

 


กทม. 16 ก.พ.-พระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ถูกออกหมายจับในข้อหาร่วมกันฟอกเงินและรับของโจร ในคดีที่เกี่ยวข้องกับการยักยอกทรัพย์สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ซึ่งดีเอสไอมีหลักฐานเชื่อมโยงชัดเจน

80 81 82  84


ต้นปี 59 พระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ตกเป็นผู้ต้องหา ฐานสมคบกันฟอกเงิน ร่วมกันฟอกเงิน และรับของโจร หลังกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ พบพยานหลักฐานสำคัญที่ชี้ให้เห็นว่าพระธัมมชโยมีส่วนรู้เห็นที่นายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานดำเนินงานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ยักยอกเงินสมาชิกสหกรณ์ฯ 1,200 ล้านบาท มามอบให้พระธัมมชโยและผู้ต้องหาอีกหลายคน ซึ่งวัดพระธรรมกาย พระธัมมชโย และมูลนิธิมหารัตนอุบาสิกาจันทร์ขนนกยูง ไม่มีมูลหนี้ใดๆ กับสหกรณ์ฯ

83 87

คดีนี้มีผู้ต้องหาทั้งหมด 5 คน ซึ่งนายศุภชัย ผู้ต้องหาที่ 1 อยู่ระหว่างถูกดำเนินคดียักยอกทรัพย์ และอยู่ในเรือนจำตั้งแต่ปี 58 เนื่องจากศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัว คดียักยอกทรัพย์ที่นายศุภชัยถูกอัยการโจทก์ยื่นฟ้องเมื่อกลางปี 58 ความเสียหายมูลค่ากว่า 27 ล้านบาท แต่ก่อนเริ่มกระบวนพิจารณา นายศุภชัยแถลงต่อศาลขอกลับคำให้การเดิมที่ปฏิเสธ เป็นให้การรับสารภาพ  ศาลชั้นต้นจึงมีคำพิพากษาเมื่อเดือนมีนาคม 59 ตัดสินจำคุก 16 ปี ถือเป็นคดีแรกที่ศาลมีคำพิพากษา จากคดียักยอกทรัพย์สหกรณ์ฯ คลองจั่นทั้งหมด ที่ดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษ ซึ่งมีมูลค่าความเสียหายมากกว่า 10,000 ล้านบาท ที่สำคัญคำรับสารภาพของนายศุภชัยยังเชื่อมโยงจนได้หลักฐานชัดเจนในการเอาผิดพระธัมมชโย


89 91

การสอบสวนพบว่าระหว่าง 5 มีนาคม 52 ถึง 15 กุมภาพันธ์ 54 สหกรณ์ฯ คลองจั่น ที่มีนายศุภชัยเป็นประธานขณะนั้น ได้สั่งจ่ายเช็คให้กับพระธัมมชโย และวัดพระธรรมกาย รวม 15 ฉบับ มูลค่ากว่า 800 ล้านบาท โดยพนักงานสอบสวนดีเอสไอชุดเดิมสรุปไว้ว่าพระธัมมชโยยอมรับว่ารับเช็ค 13 ฉบับ ซึ่งเช็คบางฉบับมีการสลักหลังและโอนเงินหลักร้อยล้านบาทกลับไปยังบัญชีบุคคลอื่นแทน และมีชื่อกลุ่มพระเป็นผู้รับโอนเงิน อาทิ พระวิรัช 100 ล้านบาท, พระมนตรี 100 ล้านบาท, พระครูปลัดวิจารณ์ 119 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีพระเครือข่ายวัดพระธรรมกายอีก 20 รูป ที่ได้รับเช็คจากนายศุภชัย อีก 400 ล้านบาท

86 85

ดีเอสไอออกหมายเรียกพระธัมมชโยให้เข้าชี้แจงข้อเท็จจริง 3 ครั้ง แต่ทนายความขอเลื่อน อ้างติดศาสนกิจ และอาพาธ หลังจากออกหมายเรียกครั้งที่สาม 1 วัน ดีเอสไอจึงยื่นต่อศาลอนุมัติหมายจับพระธัมมชโย จากนั้นอีก 1 เดือน ได้ส่งสำนวนคดีพร้อมความเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 5 คน ไปยังอัยการ

92 93

อีก 5 เดือนต่อมาอัยการมีคำสั่งคดี สั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้งหมด และให้นำตัวผู้ต้องหาคือ พระธัมมชโย มาส่งตัวให้พนักงานอัยการภายในอายุความ 15 ปีนับแต่วันที่ผิด นอกจากคดีในความรับผิดชอบของดีเอสไอ ในคดียักยอกทรัพย์ที่เกี่ยวเนื่องกับสหกรณ์ฯ คลองจั่น ยังมีคดีบุกรุกที่ดินในความรับผิดชอบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติอีกกว่า 300 คดี โดยตำรวจแยกเป็น 10 กลุ่มคดี และเป็นคดที่เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ ทั้งที่อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี ที่จังหวัดตาก จังหวัดเลย และจังหวัดพังงา ซึ่งเป็นคดีประเภทบุกรุกที่ดิน และเกี่ยวข้องกับ พ.ร.บ.ป่าไม้ โดยมีร้อยละ 70 ของจำนวนดังกล่าวเป็นการดำเนินคดีกับพระธัมมชโยโดยตรง.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รับชันสูตรศพ “ผกก.โจ้” ยาก เหตุศพไม่อยู่สภาพเดิม

ผู้ช่วย ผบ.ตร. รับชันสูตรศพ ผกก.โจ้ ยาก เพราะศพไม่อยู่ในสภาพเดิม ยันดูวงจรปิดไม่พบพิรุธ ยังยิ้มแย้มทักทายผู้ต้องขัง ยกมือไหว้ผู้คุม แต่พบเลือดหยดข้างศพ และแขนซ้ายมีรอยกัดของสัตว์ขนาดเล็ก

โผล่อีก 2 ราย! เหยื่อสาวแบงก์แอบถอนเงินลูกค้า

กรณีสาวแบงก์ แอบถอนเงินลูกค้า 8 ล้านบาท สารภาพเอาไปซื้อบ้าน-รถ และส่งลูกเรียนต่างประเทศ ล่าสุด เหยื่อโผล่แจ้งความเพิ่มอีก 2 ราย วงเงิน 2 ล้าน ยอดรวมเสียหายถึง 10 ล้านบาท

ผบ.ทบ. สั่งระดมทหารช่วยเหตุเพลิงไหม้ รพ.รามาธิบดี

ผบ.ทบ. สั่งระดมทหาร พร้อมกำลังพลจิตอาสากองทัพบก เข้าช่วยอำนวยความสะดวกด้านการจราจร และอพยพผู้ป่วย จากเหตุเพลิงไหม้ รพ.รามาธิบดี

ข่าวแนะนำ

ญัตติซักฟอก

“วันนอร์” นัดถกญัตติซักฟอก สะพัดฝ่ายค้านยอมตัดชื่อ ​”ทักษิณ”

“วันนอร์” นัด ​“ณัฐพงษ์” ถกญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ อีกรอบ สะพัดฝ่ายค้านยอมตัดชื่อ ​“ทักษิณ” ออก เหลือ​คำว่า “พ่อ” ขอซักฟอก 2 วัน​ “พิเชษฐ์” รับนั่งหัวโต๊ะ​ วิป 3 ฝ่าย​ ถกกรอบเวลาให้จบวันนี้

อุตุฯ เผยภาคเหนืออากาศร้อนจัด-ฝนฟ้าคะนอง

กรมอุตุฯ เผยภาคเหนือ มีอากาศร้อนจัด โดยมีฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง ส่วนภาคใต้ยังคงมีฝนฟ้าคะนอง กรุงเทพฯ-ปริมณฑล ฝนฟ้าคะนอง 30% กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง

เปิดโปง สร้างคดีอุบัติเหตุเป็นฆาตกรรมหวังเงินประกัน

คดีฆาตกรรมสะเทือนขวัญ อำพรางเพื่อหวังเงินประกัน 14 ล้านบาท ที่ จ.สกลนคร เมื่อคดีพลิกจากอุบัติเหตุ เป็นการลวงผู้เสียชีวิตไปฆ่า ซึ่งบริษัทประกันภัยพบข้อพิรุธหลายอย่าง จนนำไปสู่การร้องให้ตำรวจรื้อฟื้นคดีจนจับกุมผู้ก่อเหตุทั้งหมดพร้อมขยายผลไปถึงเจ้าของสำนวน ความซับซ้อนของคดีนี้เป็นอย่างไร ติดตามจากรายงาน