เรือนจำคลองเปรม 11 ก.ย. – “ราชทัณฑ์” เผยนอนคุกคลองเปรมคืนสองของ “ทักษิณ” ปรับตัวได้ดี หลับสนิท ทานข้าวได้ครบมื้อ
ความคืบหน้าหลังเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ได้รับตัวนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จากศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ไว้คุมขังตามคำพิพากษาของศาลให้บังคับโทษจำคุกแก่จำเลย โดยให้จำคุก 1 ปี ต่อมาเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ซึ่งกรมราชทัณฑ์ กำหนดให้เป็นเรือนจำศูนย์ระหว่างการพิจารณาคดี (HUB) ได้ดำเนินการย้ายนายทักษิณ ไปควบคุมยังเรือนจำกลางคลองเปรม เนื่องจากเป็นนักโทษเด็ดขาด เพื่อแยกการปฏิบัติตามประเภทของผู้ต้องขังอย่างเหมาะสม โดยวันนี้ (11 ก.ย.) เป็นวันที่ 2 ที่นายทักษิณคุมขังตามคำพิพากษาของศาล ส่วนบรรยากาศในช่วงเช้าวันนี้มีสื่อมวลชนจำนวนหนึ่งมาติดตามความเคลื่อนไหวบริเวณด้านหน้าเรือนจำกลางคลองเปรม ทั้งนี้ ในวันพรุ่งนี้ (12 ก.ย.) เวลา 10.30 น. ทางกลุ่มคปท. กองทัพธรรม และ คปปส. จะเดินทางไปกรมราชทัณฑ์ จ.นนทบุรี เพื่อยื่นหนังสือคัดค้าน หากจะมีการนำนายทักษิณ ออกไปคุมขังนอกเรือนจำ
มีรายงานภายในกรมราชทัณฑ์ว่า นายทักษิณ ที่อยู่ระหว่างการกักโรคโควิด-19 เป็นระยะเวลา 5 วัน ภายในเรือนจำกลางคลองเปรม โดยอาการนอนห้องกักโรคคืนที่ 2 พบว่า คืนวานนี้ (10 ก.ย.) นายทักษิณ แม้ว่ามีอายุ 76 ปี ยังคงนอนหลับได้ปกติ ไม่มีอาการนอนกระสับกระส่าย รวมถึงไม่มีอาการเครียดหรือซึมเศร้าปรากฏให้เห็น ค่อนข้างปรับตัวได้เป็นอย่างดี การรับประทานอาหาร สามารถรับประทานอาหารได้ครบมื้อ ให้ความร่วมมือปฏิบัติตนตามคำแนะนำของราชทัณฑ์
ส่วนกรณีศาลฎีกาฯ บังคับโทษนายทักษิณ 1 ปี การพักการลงโทษมีเงื่อนไข ดังนี้ ต้องเป็นนักโทษเด็ดขาดชั้นเยี่ยม ชั้นดีมาก ชั้นดี ซึ่งนักโทษแต่ละชั้นก็จะมีคุณสมบัติแตกต่างกัน ดังนี้ ชั้นเยี่ยม เหลือโทษจำคุกไม่เกิน 1 ใน 3 (เหลือโทษไม่เกิน 4 เดือน) ชั้นดีมาก เหลือโทษจำคุกไม่เกิน 1 ใน 4 (เหลือโทษไม่เกิน 3 เดือน) ชั้นดี เหลือโทษจำคุกไม่เกิน 1 ใน 5 (เหลือโทษไม่เกิน 2 เดือน 15 วัน) แต่ตอนนี้เมื่อนายทักษิณเข้าไปครั้งแรก จะถูกจัดให้เป็นนักโทษเด็ดขาดชั้นกลางก่อน และประมาณเดือน ธ.ค.68 จึงจะได้รับการปรับเลื่อนชั้น ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับการประพฤติระหว่างคุมขังในเรือนจำ ฉะนั้น อย่างน้อยๆ ในโทษจำคุก 1 ปี นายทักษิณต้องจำคุกมาแล้วไม่น้อยกว่า 6 เดือน จึงจะเข้าเกณฑ์ได้รับการพักโทษ
ส่วนโครงการพักการลงโทษกรณีมีเหตุพิเศษ เนื่องจากเจ็บป่วยร้ายแรง หรือพิการ หรือมีอายุตั้งแต่ 70 ปีขึ้นไป ก็ต้องจำคุกมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ของกำหนดโทษ หรือก็คือจำคุกมาแล้วไม่น้อยกว่า 6 เดือน ซึ่งการจะได้รับการพักโทษกรณีมีเหตุพิเศษฯ นอกจากได้รับการพิจารณาจากคณะทำงาน เพื่อพิจารณาวินิจฉัยการพักการลงโทษในชั้นเรือนจำแล้ว จากนั้นต้องเสนอความเห็นต่อผู้บัญชาการเรือนจำพิจารณาส่งรายชื่อไปยังอธิบดีกรมราชทัณฑ์พิจารณา เมื่ออธิบดีกรมราชทัณฑ์ให้ความเห็นชอบแล้วให้เสนอต่อคณะอนุกรรมการเพื่อพิจารณาวินิจฉัยการพักการลงโทษพิจารณาอนุมัติ แต่หากเป็นกรณีการพักการลงโทษกรณีพิเศษ ต้องเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมพิจารณาอนุมัติด้วย และเมื่อคณะอนุกรรมการเพื่อพิจารณาวินิจฉัยการพักการลงโทษหรือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมอนุมัติพักการลงโทษและให้ปล่อยตัวนักโทษเด็ดขาดซึ่งได้รับการพักการลงโทษแล้ว ให้อธิบดีกรมราชทัณฑ์แจ้งผลการอนุมัติให้ผู้บัญชาการเรือนจำทราบ ผู้บัญชาการเรือนจำต้องออกหนังสือสำคัญปล่อยตัวพักการลงโทษให้แก่นักโทษเด็ดขาดผู้นั้นและแจ้งเงื่อนไขการคุมประพฤติให้นักโทษเด็ดขาดทราบ รวมทั้งมีหนังสือแจ้งให้พนักงานคุมประพฤติและพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจในท้องที่ที่นักโทษเด็ดขาด ซึ่งได้รับการปล่อยตัวเข้าไปพักอาศัยทราบด้วย โดยนักโทษเด็ดขาดผู้นั้นต้องไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติในท้องที่ที่ไปพักอาศัยภายใน 3 วันนับแต่วันที่ได้รับการปล่อยตัว
ยังมีรายงานภายในกรมราชทัณฑ์ อีกว่า การป้องกันความปลอดภัยในการคุมขังนายทักษิณ ทางกรมราชทัณฑ์ค่อนข้างเข้มงวด มีการมอบหมายผู้ต้องขังที่ได้รับการพิจารณาแล้วว่าผ่านการอบรมทักษะต่างๆ ทั้งการช่วยเหลือพยาบาล หรือการช่วยงานเรือนจำมีความประพฤติดีเยี่ยม มาเป็นผู้ช่วยเหลือดูแล นายทักษิณระหว่างคุมขัง เพราะต้องยอมรับว่าด้านในนั้น ไม่มีใครรู้ได้ว่าใครมีการชอบไม่ชอบกันอย่างไร อาจเกิดอันตรายได้ ราชทัณฑ์จึงต้องวางมาตรการดูแลให้เหมาะสม
ส่วนกรณีว่านายทักษิณ จะได้ออกมาบริการงานสาธารณะของเรือนจำฯ เกี่ยวกับเชิงวิชาการตามงานหนังสือหรือไม่นั้น มีรายงานว่า การที่เรือนจำจะนำผู้ต้องขังเด็ดขาดออกบริการงานสาธารณะจะต้องมีการเขียนโครงการขึ้นมาก่อนเพื่อขออนุมัติ เช่น กรณีของนายเสกสรรค์ ศุขพิมาย หรือเสก โลโซ ก็ได้ออกมาเล่นดนตรีเพราะเป็นโครงการฝึกอบรมเกี่ยวกับทักษะดนตรี จึงจะออกมาบริการงานสาธารณะได้. -419- สำนักข่าวไทย