fbpx

ร้อง รมว.พม.ปรับทัศนคติชาย ลดละเลิกเหล้าใช้ความรุนแรง

พม.24 พ.ย.-มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล  นำเครือข่ายหยุดความรุนแรง  ยื่นหนังสือถึง รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ปรับทัศนคติชายเป็นใหญ่มุ่งสู่ ความเท่าเทียม ลดละเลิกเหล้าหลังผลสำรวจน่าห่วงผู้ชายยังเคยชินใช้ความรุนแรงเมาคุกคามบังคับมีเพศสัมพันธ์


ก่อนยื่นหนังสือมูลนิธิฯ ได้จำลองสถานการณ์ให้ผู้ชายเป็นผู้ถูกทำร้ายร่างกายและรับภาระดูแลงานบ้านเลี้ยงลูก  เพื่อสะท้อนให้ผู้ชายเข้าใจถึงหัวอกของผู้หญิงที่เป็นฝ่ายถูกกระทำ

นายจะเด็จ เชาวน์วิไล ผู้อำนวยการมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล กล่าวว่าปัจจุบันสถานการณ์ความรุนแรงต่อผู้หญิงและเด็กไม่มีแนวโน้มที่จะลดลง ซึ่งรากของปัญหามาจากทัศนคติความคิดชายเป็นใหญ่ รวมถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่เป็นปัจจัยร่วมสำคัญ  ขณะที่เดือนพฤศจิกายนที่เป็นเดือนรณรงค์ยุติความรุนแรง ยังพบผลสำรวจที่มูลนิธิทำ  พบว่ากลุ่มผู้ชายอายุ 20-35 ปีมีทัศนคติลบต่อผู้หญิง -57.3 เปอร์เซ็นต์ ทำลายข้าวของในบ้านเมื่อเกิดอารมณ์โมโห 68.9เปอร์เซ็นต์ออกไปดื่มเหล้านอกบ้าน และที่น่าห่วงคือ44.8เปอร์เซ็นต์เมื่อเมาแล้วจะทำร้ายภรรยาหรือแฟน ขณะที่ 42.4เปอร์เซ็นต์ยังบังคับให้มีเพศสัมพันธ์


นอกจากนี้ยังมีผู้ชายอีกกว่าร้อยละ 80 หรือพูดตะคอกเสียงดังต่อภรรยา 74.1เปอร์เซ็นต์ใช้คำหยาบคายและมีการยอมรับว่า 71.7เปอร์เซ็นต์แอบมีกิ๊ก

 

ข้อเสนอของมูลนิธิ คือขอให้มีกิจกรรมรณรงค์กับผู้ชาย  ปรับทัศนคติเรื่องความไม่เท่าเทียมระหว่างเพศ ไม่ใช้ความรุนแรงต่อเด็ก สตรี คนในครอบครัว, เปิดช่องทางประชาสัมพันธ์หน่วยงานช่วยเหลือของ พม.อย่างต่อเนื่องให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย, ที่สำคัญขอให้ พม.ทำงานกับภาคประชาสังคมมากขึ้นในการรณรงค์ลดละเลิกเหล้าและอบายมุขทุกชนิดที่เป็นปัจจัยร่วมในความรุนแรงที่เกิดขึ้น


 

ขณะที่ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รมว.พัฒนาสังคมฯ กล่าวว่า กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ จะนำข้อเสนอนี้ไปพิจารณาประกอบการขับเคลื่อนนโยบายแก้ไขปัญหาความรุนแรงต่อเด็กและสตรีต่อไป นอกจากนี้ พม.ยังมีกลไกการขับเคลื่อน  เช่น เบอร์สายด่วน 1300 จะขยายผลไปยังเจ้าหน้าที่ พม.ต่างจังหวัด ให้มีการตระหนักรู้  จัดกิจกรรมร่วมกันกับเครือข่ายมากขึ้น .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบศพโบลท์หญิงวัย 47 ในป่าหญ้าริมทาง คาดถูกฆ่าชิงรถ

โบลท์หญิงวัย 47 ปี หายตัวจากบ้านพักย่านดินแดง 9 วัน ล่าสุดพบเป็นศพในป่าหญ้าริมถนนสายนครชัยศรี-ห้วยพลู อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ส่วนรถยนต์โผล่ที่ จ.ภูเก็ต คาดถูกคนร้ายฆ่าชิงรถ

pagers on display

ทำไมยังมีการใช้ “เพจเจอร์” ในยุคสมาร์ทโฟน

ลอนดอน 19 ก.ย.- เพจเจอร์ หรือวิทยุติดตามตัวเป็นอุปกรณ์การสื่อสารยอดนิยมในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1990 ที่ต้องหลีกทางให้แก่โทรศัพท์เคลื่อนที่ เนื่องจากเป็นการสื่อสารทางเดียว แต่ยังคงมีการใช้งานในบางกลุ่ม รวมถึงกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ที่เพจเจอร์ระเบิดพร้อมกันหลายพันเครื่องทั่วเลบานอนเมื่อวันที่ 17 กันยายน แหล่งข่าวเผยว่า ฮิซบอลเลาะห์ใช้เพจเจอร์ เนื่องจากเป็นช่องทางสื่อสารเทคโนโลยีต่ำ ส่งข้อความผ่านสัญญาณวิทยุ จึงตรวจจับสัญญาณและตำแหน่งได้ยากกว่าโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ส่งสัญญาณไปยังเสาส่งที่อยู่ใกล้ที่สุด อีกทั้งไม่มีเทคโนโลยีระบุพิกัดบนพื้นโลกอย่างจีพีเอสด้วย อดีตเจ้าหน้าที่สำนักงานสอบสวนกลางหรือเอฟบีไอ (FBI) ของสหรัฐเผยว่า ในอดีตแก๊งอาชญากรรมโดยเฉพาะแก๊งค้ายาเสพติดในสหรัฐเคยนิยมใช้เพจเจอร์ แต่ขณะนี้หันมาใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่แบบเติมเงินราคาถูกที่สามารถเปลี่ยนเครื่องและหมายเลขได้อย่างง่ายดาย ทำให้เจ้าหน้าที่ติดตามแกะรอยได้ยาก อย่างไรก็ดี  ศัลยแพทย์โรงพยาบาลใหญ่แห่งหนึ่งในสหราชอาณาจักรเผยว่า เพจเจอร์เป็นอุปกรณ์ที่แพทย์และพยาบาลสังกัดสำนักงานบริการสุขภาพแห่งชาติหรือเอ็นเอชเอส (NHS) ต้องพกติดตัวอยู่เสมอ เพื่อรับแจ้งข่าวในการปฏิบัติหน้าที่ เป็นช่องทางที่ถูกที่สุดและมีประสิทธิภาพมากที่สุดในการแจ้งข่าวทางเดียวกับคนจำนวนมาก เพจเจอร์หลายรุ่นสามารถส่งเสียงไซเรนและมีข้อความเสียงแจ้งให้ทีมแพทย์ไปรวมตัวที่ห้องฉุกเฉินได้ทันที ข้อมูลล่าสุดในปี 2562 ระบุว่า เอ็นเอชเอสใช้เพจเจอร์ประมาณ 130,000 เครื่อง คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 1 ใน 10 ของที่ใช้ทั่วโลก คอกนิทีฟมาร์เก็ตรีเสิร์ช  (Cognitive Market Research) ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยคาดการณ์ว่า ตลาดเพจเจอร์จะเติบโตร้อยละ 5.9 ต่อปี จากปี 2566 ถึงปี 2573 […]

ข่าวแนะนำ

“อนุทิน” ลุยเชียงใหม่ร่วมบิ๊กคลีนนิ่ง ฟื้นฟูหลังน้ำลด

“อนุทิน” ลงพื้นที่เชียงใหม่ ร่วมทีม จนท.-กู้ภัย-อาสาสมัคร “บิ๊กคลีนนิ่ง” ฟื้นฟูเมืองหลังน้ำลด เร่งจ่ายเยียวยาผู้ประสบภัย