กรุงเทพฯ 27 พ.ย. – นายคมศร ประกอบผล หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ กล่าวว่า หลังจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดี เงินทุนต่างชาติไหลออกจากตลาดหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง จากนโยบายของนายทรัมป์ที่เน้นกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศผ่านการลดภาษีและเพิ่มการใช้จ่ายภาครัฐ ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็วและจุดชนวนให้เกิดเงินทุนไหลออกจากตลาดเกิดใหม่
นายคมศร กล่าวว่า ตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคมจนถึงวันที่ 23 พฤศจิกายนที่ผ่านมานักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยประมาณ 50,000 ล้านบาท ประเมินแนวโน้มเงินทุนไหลออกจากตลาดหุ้นไทยต่อจากนี้ โดยเปรียบเทียบกับการขายหุ้นของนักลงทุนต่างชาติใน 2 ช่วง ได้แก่ ช่วงไตรมาส 4 ปี 2558 ที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศขึ้นดอกเบี้ยในเดือนธันวาคมและเหตุการณ์ Taper Tantrum ในปี 2556 โดยกรณีแรกไตรมาส 4 ปี 2558 นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยรวม 65,000 ล้านบาท มากกว่าการขายรอบนี้ประมาณ 15,000 ล้านบาท และหากประเมินจากยอดขายสุทธิของนักลงทุนต่างชาติเฉลี่ยรายวันในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาที่ประมาณวันละ 2,000 ล้านบาท คาดว่าจะมีแรงเทขายลักษณะนี้อีกประมาณ 8 วันทำการ หรืออีก 1-2 สัปดาห์
ส่วนกรณี Taper Tantrum เริ่มต้นโดยนายเบน เบอร์นันเก ประธานเฟด กล่าวถึงการทยอยลดการเข้าซื้อพันธบัตรตามมาตรการ QE ทำให้เกิดเงินทุนไหลออกจากตลาดเกิดใหม่อย่างรุนแรง เหตุการณ์ดังกล่าวมีระยะเวลา 4 เดือน (ตั้งแต่เดือน พ.ค. ถึง ก.ย. 2556) และมีเงินทุนไหลออกจากตลาดหุ้นไทย 110,000 ล้านบาท หากเทียบกับกรณีนี้นักลงทุนต่างชาติอาจมีโอกาสขายหุ้นไทยอีกประมาณ 60,000 ล้านบาท หรืออีก 1-2 เดือนนับจากนี้ ซึ่งมองว่าจะเป็นกรณีเลวร้ายที่สุด .-สำนักข่าวไทย