กรุงเทพฯ 14 ก.ย. – ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เผยตลาดจับตาประชุมเฟดลดดอกเบี้ย-การเมืองในประเทศ-ทิศทางเงินทุนต่างชาติ มองกรอบค่าเงินบาทที่ 31.20-32.00 บาท/ดอลลาร์ คาดดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,275 และ 1,255 จุด แนวต้านอยู่ที่ 1,300 และ 1,315 จุด
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เผยสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทแข็งค่าผ่านแนว 32.00 บาทต่อดอลลาร์ ไปแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบกว่า 4 ปี ที่ 31.58 บาทต่อดอลลาร์ ในช่วงต้นสัปดาห์ สอดคล้องกับการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำในตลาดโลก ทิศทางการแข็งค่าของเงินหยวนและสกุลเงินอื่นๆ ในภูมิภาค ขณะที่เงินดอลลาร์ ยังเผชิญแรงขายต่อเนื่อง เงินบาทอ่อนค่ากลับมาบางส่วนในช่วงกลางสัปดาห์ตามการย่อตัวลงของราคาทองคำในตลาดโลก และแรงซื้อคืนเงินดอลลาร์ ก่อนพลิกกลับไปแข็งค่าอีกครั้งช่วงปลายสัปดาห์
สัปดาห์นี้ (15-19 ก.ย.) ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทที่ระดับ 31.20-32.00 บาทต่อดอลลาร์ ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ผลการประชุมนโยบายการเงิน ประมาณการเศรษฐกิจและ dot plot ใหม่ของเฟด (16-17 ก.ย.) ทิศทางฟันด์โฟลว์ของต่างชาติและราคาทองคำในตลาดโลก ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่สำคัญ ได้แก่ ยอดค้าปลีก การผลิตภาคอุตสาหกรรม ดัชนีราคานำเข้าและส่งออก ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านเดือน ส.ค. ผลสำรวจกิจกรรมภาคการผลิตของเฟดสาขานิวยอร์กและสาขาฟิลาเดลเฟีย และดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือน ก.ย. ตลอดจนจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามผลการประชุม BOE (18 ก.ย.) และ BOJ (18-19 ก.ย.) ตัวเลขเศรษฐกิจเดือน ส.ค. ของจีน รวมถึงอัตราเงินเฟ้อเดือน ส.ค. ของอังกฤษ ยูโรโซน และญี่ปุ่น ด้วยเช่นกัน
ด้านความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทย สัปดาห์ที่ผ่านมาแตะจุดสูงสุดในรอบกว่า 7 เดือน ที่ 1,299.19 จุดช่วงท้ายสัปดาห์ ท่ามกลางปัจจัยบวกจากทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มค้าปลีก ท่ามกลางแรงหนุนจากความหวังว่าการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ของไทยจะเป็นไปอย่างราบรื่นและจะมีการออกมาตรการตามมาเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ประกอบกับตลาดมีปัจจัยบวกเพิ่มเติมจากคาดการณ์เรื่องการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟดในการประชุม 16-17 ก.ย.นี้ แต่หุ้นกลุ่มแบงก์ปรับตัวลงสวนทางภาพรวม เนื่องจากมีการขึ้นเครื่องหมาย XD ในระหว่างสัปดาห์
ส่วนสัปดาห์นี้ (15-19 ก.ย.) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่าดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,275 และ 1,255 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,300 และ 1,315 จุด ตามลำดับ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ การประชุมเฟด (16-17 ก.ย.)ประเด็นการเมืองในประเทศ รวมถึงทิศทางเงินทุนต่างชาติ ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่สำคัญ ได้แก่ ยอดค้าปลีก ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมและข้อมูลการเริ่มสร้างบ้านเดือน ส.ค. รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ปัจจัยเศรษฐกิจต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ การประชุม BOE และ BOJ ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือน ส.ค. ของญี่ปุ่น ยูโรโซนและอังกฤษ ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือน ก.ค. ของยูโรโซน ตลอดจนข้อมูลเศรษฐกิจเดือน ส.ค. ของจีน อาทิ ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม ยอดค้าปลีก และการลงทุนในสินทรัพย์ถาวร.-516-สำนักข่าวไทย