“สมคิด – 4 กุมาร” ยื่นลาออกแล้ว

ทำเนียบฯ 16 ก.ค.-  “สมคิด – 4 กุมาร” ยื่นลาออกแล้ว  ยืนยัน ตัดสินใจเอง เป็นการจากกันด้วยดี เพื่อลดแรงกดดัน ให้บ้านเมืองเดินหน้า เปิดโอกาสให้ปรับ ครม. ยังไม่คิดถึงอนาคตทางการเมือง เชื่อนายกฯ เลือกคนมีความสามารถร่วมทีมเศรษฐกิจใหม่


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลาประมาณ 09.59 น. วันนี้ (16 ก.ค.) นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมด้วย นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน  นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เดินทางมายังทำเนียบรัฐบาล เพื่อยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี  ผ่านนายดิสทัต โหตระกิตย์ เลขาธิการนายรัฐมนตรี ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล

จากนั้น นายอุตตม นายสนธิรัตน์ นายสุวิทย์ และนายกอบศักดิ์ ได้เข้าสักการะท้าวมหาพรหม บนตึกไทยคู่ฟ้า ศาลพระภูมิเจ้าที่ ศาลตา-ยายบริเวณหน้าตึกไทยคู่ฟ้า ซึ่งเป็นสิ่งศักดิ์ประจำทำเนียบรัฐบาล ก่อนที่จะแถลงข่าวลาออก


นายอุตตม กล่าวว่า วันนี้ได้ยื่นหนังสือลาออกจากการปฏิบัติหน้าที่ถึงนายกรัฐมนตรี ผ่านทางเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเรียบร้อยแล้ว  มีผลตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ขณะที่ นายกอบศักดิ์ได้รับมอบหมายจากนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี นำหนังสือลาออกมายื่นพร้อมกันด้วย 

“หลังยื่นหนังสือลาออกแล้ว รู้สึกโล่งอก การลาออกครั้งนี้ ทุกคนเห็นตรงกันว่า เป็นวลาที่เหมาะสมที่จะออกจากตำแหน่ง เพื่อให้ประเทศชาติเดินหน้าไปได้ และความคลุมเครือต่างๆ จะได้หายไป และหวังว่า การลาออกครั้งนี้จะช่วยลดแรงกดดันทางการเมืองที่มีต่อนายกรัฐมนตรีในขณะนี้ ที่อาจจะส่งผลให้เกิดความชะงักในการบริหารบ้านเมืองได้  และเพื่อให้เกิดความชัดเจนในการปรับคณะรัฐมนตรีต่อไป  ยืนยันว่าไม่มีแรงกดดันทางการเมือง และเป็นการตัดสินของทุกคนเอง” นายอุตตม กล่าว


นายอุตตม กล่าวว่า การยื่นหนังสือครั้งนี้ไม่ได้แจ้งให้นายกรัฐมนตรีทราบก่อน แต่เข้าใจว่านายกรัฐมนตรีคงรับทราบแล้ว  นายสมคิด ไม่ได้เล่าให้ฟังว่าได้พูดคุยอะไรกับนายกรัฐมนตรีบ้าง แต่ก็ได้บอกกับนายสมคิดถึงเหตุผลการตัดสินใจแล้ว โดยนายสมคิดไม่ได้ขอให้ทั้ง 4 คนลาออกไปพร้อมกัน และคิดว่าเหตุผลการลาออกของนายสมคิด มาจากปัญหาเรื่องสุขภาพ 

“ยืนยันว่า การลาออกครั้งนี้ เป็นการจากกันด้วยดี ทุกคนได้ทำหน้าที่ของตัวเองแล้ว และเห็นว่า จากสถานการณ์บ้านเมืองตอนนี้ ทุกคนต้องช่วยกันประคับประคอง  ส่วนอนาคตทางการเมือง เรื่องใดที่สามารถทำประโยชน์ให้บ้านเมืองได้ ก็พร้อมที่จะดำเนินการ” นายอุตตม กล่าว

นายอุตตม กล่าวว่า ในนามของทั้ง 4 คน ขอขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่ให้ความไว้วางใจ และให้โอกาสเข้ามาทำงานให้บ้านเมืองในระยะหนึ่ง ผ่านเหตุการณ์ต่างๆ มาพอสมควร นี่คือสิ่งสำคัญที่สุด ที่ทุกคนได้มาในครั้งนี้ และทุกคนไม่ยึดติดกับตำแหน่ง  เมื่อได้รับโอกาส ก็ทำงานเต็มที่ และไม่ถือว่าเจ็บตัว เมื่อถึงเวลาก็มีการปรับเปลี่ยน ไม่ว่าจะใส่หมวกใบไหน ก็สามารถทำประโยชน์ให้บ้านเมืองได้ 

ส่วนที่ถูกมองว่า เป็นการเปลี่ยนม้ากลางศึก ที่อยู่ในช่วงการฟื้นฟูเศรษฐกิจ จะเป็นงานหนักสำหรับคนที่เข้ามาคุมเศรษฐกิจหลังจากนี้หรือไม่ นายอุตตม กล่าวว่า ทุกคนมีเหตุผลในการตัดสินใจลาออก   เชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ต่อการบริหารบ้านเมือง และเชื่อว่าจะนำพาบ้านเมืองผ่านพ้นวิกฤตต่างๆ ไปได้ ส่วนใครจะมารับหน้าที่ต่อ ก็ยังไม่ทราบ แต่เชื่อว่านายกรัฐมนตรีมีความสามารรถเลือกคนที่มีความสามารถมาร่วมทีมได้  

“ไม่ขอฝากอะไรเป็นพิเศษไปถึงทีมเศรษฐกิจใหม่ที่จะเข้ามาทำงาน   ทุกคนทราบดีว่าการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ทุกคนต้องร่วมมือร่วมใจกันทุกฝ่าย ส่วนรายชื่อทีมเศรษฐกิจที่ปรากฎออกมาตามสื่อฯ นั้น ก็ไม่ขอแสดงความเห็น และต้องรอให้มีการปรับ ครม.ที่ชัดเจนก่อน” นายอุตตม กล่าว

ส่วนเหตุผลที่นายกรัฐมนตรีแจ้งนายสมคิดว่า การปรับ ครม.ครั้งนี้เป็นเหตุผลทางการเมืองนั้น นายอุตตม กล่าวว่า ไม่สามารถแสดงความเห็นได้ เพราะไม่ทราบว่าผู้ใหญ่ทั้ง 2 ได้พูดคุยอะไรกัน และขณะนี้ยังไม่มีพรรคการเมือง หรือกลุ่มการเมืองอื่นๆ มาทาบทามให้ร่วมงาน  และว่า ไม่ได้ตั้งใจว่าจะลาออกในวันที่ครบรอบการทำงาน 1 ปีของรัฐบาล แต่เป็นการประเมินจากสถานการณ์ 

ด้าน  นายสนธิรัตน์ ยืนยันว่า ขณะนี้ยังไม่คิดถึงเรื่องการตั้งพรรคการเมือง และยังไม่คิดถึงการกลับเข้ามาทำงานทางการเมือง ขอคิดเรื่องพักผ่อนก่อน  แต่ทุกคนมีความพร้อมที่จะช่วยกันคิดเพื่อบ้านเมือง และสิ่งใดที่เป็นประโยชน์ก็ยินดีสนับสนุน    สิ่งที่เป็นห่วง คือสถานการณ์บ้านเมืองที่เป็นสถานการณ์ที่ต้องการพลังในการทำงาน และไม่ต้องการเห็นการเมืองเป็นอุปสรรคต่อการขับเคลื่อนบ้านเมือง และทุกคนต้องการมีส่วนช่วยทำให้บรรยากาศบ้านเมืองมีการพัฒนา หรือปรับให้กลไกการบริหารบ้านเมืองไม่มีความคลุมเครือต่อไป 

“สิ่งที่อยากเห็นหลังจากนี้ คือ เห็นการเมืองในเชิงพัฒนา ให้สอดรับกับสภาวะของโลกและของประเทศ  การเข้ามาทำงานทางการเมือง ถือว่าได้บทเรียน และเรียนรู้ทางการเมืองระดับหนึ่ง  ขอเป็นกำลังใจในการพัฒนาการเมือง อยากฝากให้การเข้ามาทางการเมืองของทุกคนในครั้งนี้  เป็นแรงบันดาลใจกับคนดีๆ ที่อยากเข้ามาช่วยบ้านเมือง เพื่อจะได้มีโอกาสเช่นเดียวกัน ถือเป็นบทเรียนที่ดีของชีวิตไม่ว่าแง่มุมใดก็ตาม” นายสนธิรัตน์ กล่าว .- สำนักข่าวไทย  

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พ่อเลี้ยงล่วงละเมิด

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA ส่วนเด็กอาการดีขึ้น

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA เชื่อ แม่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แค่เชื่อผัวเพราะลูกเคยโกหก เผย ตอนแม่รู้ความจริงว่าใครทำลูกถึงกับร้องไห้โฮโผกอดลูก ส่วนเด็ก 10 ขวบอาการดีขึ้น แต่ต้องรักษาตัวอีกหลายสัปดาห์

งานแต่งธนกร

วิวาห์ชื่นมื่น “ธนกร-แคทลีน” คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น

งานวิวาห์ “ธนกร-แคทลีน” ชื่นมื่น คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น ด้าน “ทักษิณ” ไม่ได้มาร่วม แต่ส่งของขวัญแสดงความยินดี

ทรัมป์สั่งปลด

“ทรัมป์” สั่งปลดประธานคณะเสนาธิการร่วมตามแผนปรับปรุงกลาโหม

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ออกคำสั่งในวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นปลด พลอากาศเอก ซี. คิว. บราวน์ จูเนียร์ (Charles Quinton Brown Jr.) เป็นประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมของสหรัฐออกจากตำแหน่ง

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส กลับมาในรอบ 19 ปี

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส บอกคนนราธิวาสน่ารักเสมอ ต้อนรับอบอุ่นกับการกลับมาในรอบ 19 ปี ก่อนเดินทางต่อตามกำหนดเดิม แม้มีระเบิดที่สนามบิน

บึ้มรถกระบะ สนามบินนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่

บึ้มรถกระบะจอดใกล้กับหอบังคับการบิน ท่าอากาศยานนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่สนามบินบ้านทอน ในอีก 50 นาที ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ

น้ำป่าหลากท่วม อ.ไทรโยค กลางดึก

ระทึกกลางดึก น้ำป่าหลากท่วมบ้านเรือนประชาชน อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ถนนหลายเส้นถูกน้ำป่าพัดขาด จนท.เร่งอพยพประชาชนด้วยความยากลำบาก

Pope at Vatican on Feb 5, 2025 says have a strong cold

โป๊ปฟรันซิสพระอาการวิกฤต

วาติกัน 23 ก.พ.- พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรันซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก ทรุดลงอยู่ในขั้นวิกฤตในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา สำนักวาติกันออกแถลงการณ์ฉบับล่าสุดเมื่อวันเสาร์ว่า พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาทรุดลงในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา และระบุเป็นครั้งแรกว่า พระอาการของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤตจากโรคระบบทางเดินหายใจคล้ายกับโรคหอบหืดในช่วงเช้าวันเสาร์ ทำให้ขณะนี้พระองค์จำเป็นต้องได้รับออกซิเจนเสริมและการถ่ายเลือด โดยรวมแล้วถือว่า พระอาการอยู่ในขั้นวิกฤตและยังไม่พ้นขีดอันตราย อย่างไรก็ดี พระองค์ยังทรงตื่นตัว และประทับนั่งบนเก้าอี้ตลอดวัน แม้ว่าทรงประชวรมากกว่าวันก่อนหน้านี้ก็ตาม พระสันตะปาปาฟรันซิส พระชนมายุ 88 พรรษา ทรงเข้ารับการถวายการรักษาที่โรงพยาบาลเจเมลลี ในกรุงโรม ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ หลังทรงมีพระอาการหายใจติดขัดต่อเนื่องหลายวัน และตรวจพบว่าปอดอักเสบทั้งสองข้าง ทรงร้องขอให้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับพระอาการของพระองค์อย่างตรงไปตรงมา สำนักวาติกันจึงออกแถลงการณ์ชี้แจงความคืบหน้าอาการประชวรของพระองค์ต่อเนื่องทุกวัน แต่แถลงการณ์ฉบับล่าสุดถือเป็นครั้งแรกที่มีเนื้อหาระบุชัดเจนว่า อาการประชวรของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤต ขณะที่แพทย์คาดการณ์ว่า พระองค์จะต้องประทับอยู่ในโรงพยาบาลอย่างน้อยตลอดสัปดาห์หน้า ภารกิจต่อสาธารณชนทั้งหมดของพระสันตะปาปาจึงถูกยกเลิกตลอดสัปดาห์ ทั้งพิธีมิสซาประจำวันอาทิตย์ รวมถึงการสวดภาวนาแองเจลัส (Angelus) ตามปกติทุกสัปดาห์ด้วย.-815(814).-สำนักข่าวไทย