ทำเนียบฯ 29 มิ.ย.-นายกรัฐมนตรี ยืนยันความจำเป็นต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน 1 เดือน เพื่อควบคุมโควิด-19 ส่วนการผ่อนคลายระยะ 5 เพราะเห็นใจผู้มีรายได้น้อย ผู้ไม่มีงานทำ เตรียมพร้อมมาตรการรองรับ แต่ทุกอย่างขึ้นอยู่กับคนไทยทุกคน
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.ชุดใหญ่ ว่า สิ่งสำคัญที่สุด อยากให้ย้อนดูว่า ไทยมีผู้ติดเชื้อในประเทศไม่มากนัก เป็นเพราะมาตรการควบคุมอย่างเข้มงวด ตั้งแต่ระยะแรกในช่วงปลายเดือนมกราคมเป็นต้นมา มีการใช้มาตรการพิเศษ และใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ จึงทำให้ควบคุมสถานการณ์ได้อย่างเช่นปัจจุบัน ซึ่งนี่คือเหตุผลและความจำเป็นที่ต้องมี พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เนื่องจากมีกฎหมายกว่า 40 ฉบับที่หลายหน่วยงานถืออยู่ ทำให้หลายกิจกรรมไม่สามารถดำเนินการได้โดยทันที ไม่ว่าจะเป็นการเปิดปิดกิจการและกิจกรรม การเข้าออกประเทศ เพราะต้องผ่านหลายขั้นตอน ซึ่งอาจจะทำให้ไม่ทันต่อเวลาในการแก้ไขปัญหาโรคโควิด-19
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ไม่ได้มุ่งหวังที่จะปิดกั้นใครทั้งสิ้น เพราะทุกคนคือลูกหลาน แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือเป็นห่วงการแพร่ระบาดที่ในต่างประเทศยังมีการแพร่ระบาดอยู่ และส่วนหนึ่งมาจากการรวมกลุ่มทำกิจกรรมในจำนวนมาก และประเทศเหล่านั้นมีการติดเชื้อเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก เพราะฉะนั้นสิ่งเหล่านี้ต้องนำมาประกอบการพิจารณา
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สำหรับวันนี้มีหลายเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของ ศบค. โดยเฉพาะการผ่อนคลายกิจการและกิจกรรมระยะที่ 5 เช่น สถานประกอบการต่าง ๆ การเข้าออกประเทศของนักธุรกิจ ซึ่งจะต้องมีการทำงานเชิงรุกต่อไป เพื่อรองรับในวันข้างหน้า เกี่ยวกับมาตรการด้านการท่องเที่ยว การค้าขาย และการประกอบกิจการต่าง ๆ ซึ่งเป็นห่วงการดำเนินธุรกิจของโรงแรม
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เหตุผลและความจำเป็นที่ต้องผ่อนคลายในระยะที่ 5 ซึ่งถือเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงมากที่สุด เพราะเห็นใจผู้มีรายได้น้อย ผู้ไม่มีงานทำ และผู้ที่มีครอบครัว มีภาระต้องใช้จ่าย รวมถึงมาตรการความพร้อมด้านสาธารณสุขที่จะรองรับมาตรการผ่อนคลาย เพื่อให้ทุกคนเห็นร่วมกันว่าเรามีความพร้อม แต่ไม่ขอรับรองว่าจะปลอดภัย 100% หรือไม่ ทั้งหมดต้องขึ้นอยู่กับคนไทยทุกคนที่จะร่วมมือกัน จึงจะผ่านพ้นไปได้ด้วยดี.-สำนักข่าวไทย