ร้อง DSI รับกรณีตรวจสอบปมจัดซื้อ ATK-วัคซีน เป็นคดีพิเศษ

ดีเอสไอ 27 ส.ค. – ร้อง “DSI” รับกรณีตรวจสอบปมจัดซื้อชุดตรวจ ATK – วัคซีนซิโนแวค สมัยโควิด-19 ระบาดเป็นคดีพิเศษ


นายวรา จันทร์มณี เลขาธิการเครือข่ายประชาชนเข้มแข็ง เข้ายื่นหนังสือต่อ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กรณีขอให้ตรวจสอบย้อนไปในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ถึงความโปร่งใส ประสิทธิภาพ ประสิทธิผลในการบริหารจัดการ และการใช้งบประมาณแผ่นดินจำนวนหลายหมื่นล้านบาท จัดซื้อชุดตรวจหาเชื้อโควิด-19 แบบ Antigen Test Kit (ATK) และวัคซีน Sinovac ของกรมควบคุมโรค และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมีนายสมเกียรติ เพชรประดับ ผอ.ส่วนพิจารณาสำนวนร้องทุกข์ กองบริหารคดีพิเศษ เป็นผู้แทนรับเรื่อง

เลขาธิการเครือข่ายประชาชนเข้มแข็ง กล่าวว่า วันนี้เดินทางเข้ายื่นหนังสือถึงอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อขอให้ตรวจสอบการจัดซื้อวัคซีนโควิด-19 (Sinovac) และชุดตรวจ ATK ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของกรมควบคุมโรค และรวมไปถึงหน่วยงาน โรงพยาบาลอื่น ๆ ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมถึงประเด็นอื่นที่เห็นว่าจะส่งเสริมการสร้างธรรมาภิบาลในการบริหารจัดการภาครัฐ เนื่องด้วยจากปัญหาอุบัติภัยโควิด-19 ที่ผ่านมา มีคำถามจากสังคมถึงความโปร่งใส ประสิทธิภาพ ประสิทธิผลในการบริหารจัดการ และการใช้งบประมาณแผ่นดินจำนวนหลายหมื่นล้านบาทของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นการจัดซื้อวัคซีนซิโนแวค (Sinovac) และชุดตรวจ ATK นอกจากนี้ ยังมีประเด็นที่พรรคฝ่ายค้านในขณะนั้นได้ตั้งคำถามเกี่ยวกับการจัดซื้อวัคซีนซิโนแวค อาทิ 1.เรื่องส่วนต่างราคา มีการตั้งข้อสังเกตว่ามีการอนุมัติงบประมาณการจัดซื้อวัคซีนชิโนแวคในราคาที่สูงกว่าราคาซื้อจริง ทำให้เกิดส่วนต่างมูลค่าหลายพันล้านบาท และตั้งคำถามว่าเงินส่วนต่างนี้ไปอยู่ที่ใด 2.เรื่องการจัดซื้อแบบพิเศษ มีการกล่าวหาว่ารัฐบาลเลี่ยงการจัดซื้อจัดจ้างตามระเบียบปกติ และใช้ช่องทางพิเศษเพื่อให้องค์การเภสัชกรรมเป็นผู้จัดซื้อ ซึ่งเป็นการจัดซื้อแบบเชิงพาณิชย์ ไม่ใช่แบบรัฐต่อรัฐ 3.เรื่องการขาดความหลากหลายของวัคซีน โดยฝ่ายค้านกล่าวหาว่ารัฐบาลพึ่งพิงวัคซีนชิโนแวคมากเกินไปและตัดสินใจช้าในการจัดหาวัคซีนชนิดอื่น ๆ ที่มีประสิทธิภาพสูงกว่า เช่น mRNA ซึ่งทำให้ประชาชนขาดทางเลือกในการรับวัคซีนที่มีคุณภาพ 4.เรื่องประสิทธิภาพของวัคซีน เพราะนอกจากประเด็นเรื่องราคาแล้ว ฝ่ายค้านยังตั้งคำถามเกี่ยวกับประสิทธิภาพของวัคซีนซิโนแวค โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับวัคซีนชนิดอื่น ๆ และประสิทธิภาพในการป้องกันไวรัสสายพันธุ์ใหม่ 5.เรื่องการทุจริตและการเอื้อประโยชน์ มีการกล่าวหาว่าการจัดซื้อดังกล่าวอาจเข้าข่ายการทุจริตหรือเอื้อประโยชน์ให้กับพวกพ้อง โดยมีการเปิดเผยข้อมูลที่อ้างว่าบริษัทชิโนแวคเคยมีประวัติการติดสินบนเจ้าหน้าที่ในต่างประเทศ


นายวรา กล่าวอีกว่า ในส่วนของชมรมแพทย์ชนบท ซึ่งอยู่หน้างานและมีบทบาทในช่วงสถานการณ์โควิดสูง ได้ตั้งคำถามต่อการบริหารจัดการของรัฐบาลในเรื่องต่าง ๆ เป็นระยะ คือ 1.เรื่องประสิทธิภาพของวัคซีนซิโนแวคที่ต่ำกว่าวัคซีนชนิดอื่น ๆ เช่น ไฟเซอร์ หรือ แอสตราเซเนกา โดยเฉพาะในการป้องกันการติดเชื้อและลดความรุนแรงของโรคที่เกิดจากสายพันธุ์เดลต้า ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่ระบาดอย่างหนักในขณะนั้น 2.เรื่องการจัดซื้อที่ล่าช้าและไม่หลากหลาย ชมรมแพทย์ชนบทได้วิจารณ์การตัดสินใจของรัฐบาลที่ไม่เข้า ร่วมโครงการจัดหาวัคซีน โคแวกซ์ (COVAX) ซึ่งเป็นกลไกสากลที่ช่วยให้ประเทศต่าง ๆ สามารถเข้าถึงวัคซีนได้อย่างเท่าเทียม โดยตั้งคำถามถึงการที่รัฐบาลมุ่งเน้นจัดซื้อวัคซีนซิโนแวคและแอสตร้าเซเนกาเป็นหลัก โดยที่วัคซีนไฟเซอร์และโมเดอร์นาเข้ามาอย่างล่าช้า 3.เรื่องการจัดการวัคซีนส่วนเกิน วัคซีนล้นคลัง และมีการกระจายวัคซีนที่ใกล้หมดอายุไปยังโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลจำนวนมาก ทำให้เกิดคำถามว่าเป็นการนำวัคซีนไปทิ้งที่ปลายทางหรือไม่ แทนที่จะรวบรวมเพื่อนำไปทำลายอย่างถูกวิธี

นายวรา กล่าวอีกว่า ทั้งหมดนี้คือประเด็นตกค้างของสังคม จึงขอให้ทางดีเอสไอช่วยดำเนินการตรวจสอบและเชิญบุคคลที่มองว่ามีส่วนเกี่ยวข้องมาให้ข้อมูลอันเป็นประโยชน์ และรวมไปถึงหากพบว่ามีการกระทำความผิดตามกฎหมายเกี่ยวข้องใด ก็ขอให้ดีเอสไอได้รับพิจารณาเป็นคดีพิเศษ ผ่าน 4 ประเด็นเบื้องต้น ดังนี้ 1.ราคาการจัดซื้อวัคซีนซิโนแวค และชุดตรวจ ATK ที่สูงเกินสมควร เมื่อเปรียบเทียบกับราคาตลาดและการจัดซื้อในช่วงเวลาใกล้เคียงกันกับหน่วยงานอื่น 2.ประสิทธิภาพของวัคซีนซิโนแวค ซึ่งขณะนั้นมีข้อมูลว่ามีข้อจำกัดในการป้องกันการติดเชื้อ โดยเฉพาะสายพันธุ์ใหม่ แต่ยังมีการสั่งซื้อจำนวนมากในช่วงหลัง 3.กระบวนการคัดเลือกผู้จัดจำหน่ายวัคซีน และ ATK ขาดความโปร่งใส มีข้อสงสัยว่ามีการใช้อำนาจแทรกแซงทางนโยบาย หรือข้ามกลไกขององค์การเภสัชกรรม หรือสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) 4.การละเลยต่อคำเตือนของผู้เชี่ยวชาญและภาคประชาสังคม ซึ่งมีการแสดงเหตุผลทางวิชาการ และจุดยืนชัดเจนไม่เห็นด้วยกับคุณภาพของ ATK และประสิทธิภาพของวัคซีนในช่วงเวลาดังกล่าว

นายวรา กล่าวด้วยว่า ส่วนเหตุผลว่าทำไมจึงมายื่นขอให้ดีเอสไอตรวจสอบในช่วงนี้นั้น ก็ต้องยอมรับว่ามีความเกี่ยวข้องกับกรณีที่ นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผอ.โรงพยาบาลสะบ้าย้อย จ.สงขลา และประธานชมรมแพทย์ชนบท ถูกกระทรวงสาธารณสุขสอบวินัยร้ายแรงเรื่องการจัดซื้อชุดตรวจ ATK สมัยโควิด-19 ระบาด เพราะมันทำให้ตนคิดย้อนไปในช่วงนั้นว่า ในการจัดจัดซื้อยุคเดียวกัน แต่ละหน่วยงานมีการจัดซื้อในราคากี่บาท มีความโปร่งใสเหมือนกันหมดหรือไม่ เพราะในช่วงนั้นชมรมแพทย์ชนบทได้มีการตั้งคำถามว่าเหตุใดกรมควบคุมโรคมีการจัดซื้อจำนวนมาก แต่กลับใช้น้อย จนวันนี้ก็ยังไม่มีการตรวจสอบชัดเจน ตนจึงไม่เห็นที่จะพุ่งเป้าไปที่กรณีของ นพ.สุภัทร เพียงรายเดียว โดยถ้าหาก นพ.สุภัทร มีความผิดจริง ก็ต้องถูกลงโทษไปตามระเบียบวินัย แต่ขณะเดียวกันก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับ นพ.สุภัทร ส่วนเรื่องการจัดซื้อวัคซีนซิโนแวคเชิงลึกที่ตนอยากให้ตรวจสอบนั้น ก็ขอให้เป็นการพิจารณาของดีเอสไอต่อไป เพราะหน่วยงานตอนนั้นที่มีการจัดซื้อ ก็เกี่ยวกับกรมควบคุมโรค และ ยังมี รพ.อื่น ๆ ทั้งใน กทม. และปริมณฑล ยืนยันว่า ตนไม่ได้มีอคติอะไรกับใคร เพราะตนเป็นภาคประชาชน ส่วนการตรวจสอบจะดำเนินไปถึงบุคคลใดนั้น ก็อยู่ที่ดีเอสไอ ซึ่งทางดีเอสไอก็แจ้งว่า จะนำเอาข้อมูลที่ตนยื่นในวันนี้เข้าสู่การพิจารณาต่อไป


ส่วนกรณีของ รมว.สธ. ที่ต้องติดตามวาระการประชุมนั้น เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ตนได้ทำเรื่องถึงคณะกรรมาธิการ สภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้เรียกผู้รับผิดชอบ ปลัด สธ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาชี้แจงเหตุผล และขอทราบข้อมูลที่มีการตัดสินให้ นพ.สุภัทร ออกจากราชการ แต่ขณะเดียวกัน ตนก็ต้องยื่นให้กับดีเอสไอเพื่อดำเนินการคู่ขนาน คาดว่าไม่น่าจะเกินเดือนที่ทางกรรมาธิการจะนัดประชุม ส่วนกรณีที่ นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัด สธ. ใกล้จะเกษียณแล้วนั้น ตนก็มีความกังวล แต่ไม่ใช่กังวลเรื่องที่ นพ.สุภัทร จะถูกไล่ออก แต่กลัวเรื่องกระบวนการยุติธรรมที่จะไม่เป็นธรรมมากกว่า เพราะตอนนี้ ปลัด สธ. ยังอยู่ในอำนาจ ตนจึงเห็นด้วยที่ควรย้ายปลัด สธ. ออกไปก่อน และสังคมควรกังวลเรื่องการตรวจสอบข้าราชการคนหนึ่งอย่างไม่เป็นธรรม อย่าให้เป็นการกลั่นแกล้งและควรตรวจสอบให้ทั่วถึง. -119-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย

กทม. 18 ก.ย.-เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย คาดไฟฟ้าลัดวงจรและลุกลามไปยังห้องข้างเคียง ไม่พบผู้บาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรง เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 18 ก.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดเหตุห้องอาหาร 50 จากตู้ควบคุมวงจรไฟฟ้ามีเพลิงไหม้ (ไฟฟ้าลัดวงจร) และลุกลามไปยังพื้นที่ข้างเคียงตึกกองบัญชา บกทท. บริเวณชั้น6 ข้างห้อง เสธนาธิการทหาร เจ้าหน้าที่เวรยาม และสารวัตรทหาร ได้ช่วยกันใช้ถังดับเพลิงในการดับเพลิงแต่ไม่สามารถเข้าถึงต้นเพลิงในการระงับดับไฟได้ จึงได้ประสานรถตับเพลิงและขอส่วนสนับสนุนรถดับเพลิง นทพ. มาช่วยในการระดับดับเพลิง โดยมีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้เข้าตรวจสอบและดำเนินการระงับเหตุในทันที เบื้องต้นสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ พล.ต.วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น คาดว่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร ทั้งนี้ ยังไม่พบผู้ได้รับบาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรงต่อโครงสร้างอาคารแต่อย่างใด กองบัญชาการกองทัพไทย ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างใกล้ชิด และจะรายงานความคืบหน้าให้ประชาชนและสื่อมวลชนรับทราบต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ

กทม. 18 ก.ย.-โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ ขณะ “นายกฯ หนู” ยังนั่งดินเนอร์อาหารอีสานอย่างสบายใจ ท่ามกลางข่าวลือ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 17 ก.ย. มีกระแสข่าวลือว่ากระบวนการทูลเกล้าฯ รายชื่อคณะรัฐมนตรี ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี มีปัญหา ถูกตีกลับ เนื่องจากพบรายชื่อว่าที่รัฐมนตรีบางคน ติดปัญหาคุณสมบัตินั้น ล่าสุด แหล่งข่าว ยืนยันว่า รายชื่อคณะรัฐมนตรี ที่นำทูลเกล้าฯไปนั้น ไม่ได้มีปัญหาแต่ย่างใด ทุกอย่างลงตัวเรียบร้อยตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมาแล้ว โดยเรื่องคุณสมบัติ ได้ผ่านการตรวจสอบจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกามาแล้ว ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ในช่วง ค่ำวันนี้ (17 ก.ย.) ปรากฏภาพ นายอนุทิน นั่งรับประทานอาหารอีสานอย่างสบายใจ ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งกับคนใกล้ชิด ท่ามกลางข่าวลือที่เกิดขึ้น.-319.-สำนักข่าวไทย

“รังสิมันต์” เบรกกัมพูชากลางวง AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนปมเปิดด่าน

มาเลเซีย 17 ก.ย.- “รังสิมันต์” เบรกกัมพูชา กลางวงประชุม AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนประเด็นขัดแย้งไทย-กัมพูชา หารือปมเปิดด่าน หวั่นเป็นประเด็นการเมือง-ละเอียดอ่อน ชี้ มีกระบวนการ IOT และ GBC อยู่แล้ว นายรังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะผู้แทนรัฐสภาไทยในการประชุมคณะกรรมการบริหาร AIPA กล่าวถึงข้อเสนอของกัมพูชาผ่านเวที AIPA ว่าเป็นการเสนอในระยะเวลากระชั้นชิดเป็นช่วงสุดท้าย ที่เปิดให้ประเทศสมาชิกเสนอวาระเร่งด่วนได้ ดังนั้นทีมไทยแลนด์ที่นำโดยนายฉลาด ขามช่วง เมื่อทราบ ข้อเรียกร้องของกัมพูชาจึงได้เตรียมการในเรื่องนี้ ซึ่งจากเดิมได้เรียกร้อง 2 ข้อ คือ 1. เรื่องเฉลยศึก ที่ทหารกัมพูชาถูกควบคุมตัว ในช่วงเวลาที่มีการปะทะ และ 2. เรื่องการเปิดด่านชายแดน แต่ท้ายที่สุดทางกัมพูชากลับเรียกร้องบนเวที AIPA เพียงเรื่องการเปิดด่านชายแดนเท่านั้น จึงรู้สึกแปลกใจว่าทำไมถึงหยิบยกมาเพียงเรื่องนี้ ในเมื่อกระบวนการของคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว หรือ IOT ผ่านไป และค่อนข้างราบรื่น ดังนั้นการหยิบยกประเด็นดังกล่าวมาพูดคุยอีกครั้ง จากการแก้ปัญหาแบบทวิภาคี ระหว่างไทย และ […]

แม่ใจสลาย รับร่างลูกสาววัย 2 เดือนถูกพิตบูลขย้ำ ส่งชันสูตร

อุทัยธานี 17 ก.ย. – ครอบครัวเศร้า ติดต่อรับร่างลูกสาววัย 2 เดือน ส่งชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิต หลังถูกสุนัขพิตบูลลากไปขย้ำหัว ขณะแม่ไปเก็บของเก่าภายในโรงสี เจ้าของคาดเข้าใจผิดคิดว่าเป็นของเล่น นายฉัตรมงคล สุวรรณเศรษฐ์ เจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัยจังหวัดอุทัยธานี พร้อมด้วยมารดาของ ด.ญ.กัญญาภัทร อายุเพียง 2 เดือน ผู้เสียชีวิตจากการถูกสุนัขพันธุ์พิตบูลกัด รวมถึงญาติ เดินทางไปรับศพที่โรงพยาบาลหนองฉาง จ.อุทัยธานี ก่อนนำร่างส่งชันสูตร หาสาเหตุอย่างละเอียดอีกครั้งที่โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ จ.นครสวรรค์ ทั้งนี้ เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเวลา 15.00 น. วานนี้ (16 ก.ย.) ที่โรงรถของบ้านหลังหนึ่ง พื้นที่ หมู่ 15 บ้านโรงสีใหม่ ต.ทุ่งโพ อ.หนองฉาง จ.อุทัยธานี โดยเมื่อเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพบร่างเด็กน้อย อยู่บริเวณรางระบายน้ำ เจ้าของบ้านนำร่างเด็ก ส่งโรงพยาบาลไปก่อนหน้านี้ แต่เสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยที่เกิดเหตุ ยังพบคราบเลือดและร่องรอยลากยาวราว 6 เมตร ไปถึงรางระบายน้ำ นอกจากนี้ ยังพบรถเข็นเด็ก พร้อมของเล่น […]

ข่าวแนะนำ

“อนุทิน” รับ “อันวาร์” ยกหูเชิญถกอาเซียน ยันไม่มีใครแทรกแซงรัฐบาลไทยได้

พรรคภูมิใจไทย 19 ก.ย.- “อนุทิน” รับ “อันวาร์” ยกหูหาเชิญร่วมประชุมอาเซียน ยันไม่มีใครเคลียร์-แทรกแซงรัฐบาลได้ หลัง “ฮุน มาเนต” ขอมาเลเซียเป็นตัวกลาง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ออกมาเปิดเผยว่าได้โทรศัพท์พูดคุยเป็นการส่วนตัว โดยนายอนุทิน ยอมรับว่า เมื่อวานนายอันวาร์ได้โทรมาหา พูดคุยถึงการเชื้อเชิญว่า ถ้าหากตนได้รับตำแหน่งเรียบร้อยแล้วคงจะได้พบกันโดยเร็วที่สุด ซึ่งจะเป็นการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนในช่วงเดือนหน้า ส่วนการพูดคุยถึงสถานการณ์ชายแดนจังหวัดสระแก้ว นายอนุทิน ระบุว่า ไม่ได้มีการพูดคุยในรายละเอียด อีกทั้งตนยังไม่สามารถพูดอะไรได้มาก เนื่องจากยังไม่ได้เข้าถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งขณะนี้ก็ยังคงมีรัฐบาลรักษาการ เราให้เกียรติกัน “ผมรับตำแหน่งได้ ก็ต่อเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ถวายสัตย์ปฏิญาณก่อน ส่วนเรื่องนโยบาย ข้อสั่งการ ต้องรอการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ซึ่งขณะนี้เราก็ยังรวบรวมข้อมูลที่เป็นประโยชน์ไว้ให้มากที่สุด” นายอนุทิน กล่าว ส่วนกรณีที่นายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ร้องขอไปยังนายอันวาร์ เพื่อให้เข้ามาแทรกแซงการเจรจานั้น นายอนุทิน ยืนยันว่า ไม่มีใครแทรกแซงรัฐบาลไทยและอธิปไตยของไทยได้ ส่วนเรื่องการพูดคุย นายอนุทิน ย้ำว่า เราสามารถทำได้ เพราะเป็นคนที่คุ้นเคยรู้จักกัน […]

“อนุทิน” กินข้าว “อภิสิทธิ์” ขอคำแนะนำอดีตนายกฯ

กทม. 19 ก.ย.- “อนุทิน” โพสต์ภาพร่วมโต๊ะกินมื้อกลางวันคู่กับ “อภิสิทธิ์” บอกขอคำแนะนำอดีตนายกฯ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี โพสต์ภาพรับประทานอาหารกลางวันคู่กับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 27 ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งเป็นการส่วนตัว พร้อมระบุข้อความว่า “ได้รับคำแนะนำที่มีประโยชน์และคุณค่ามากมายจากท่านนายกอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ได้ให้เกียรติมาให้กำลังใจและทานอาหารกลางวันด้วยกันในวันนี้ ขอบพระคุณท่านมากครับ” ทั้งนี้ ถือเป็นความเคลื่อนไหวแรกของนายกรัฐมนตรี หลังจากที่มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ของนายอนุทิน เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังมีอีกกระแสข่าว ที่เรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ กลับไปเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ -สำนักข่าวไทย

รวบยกแก๊ง 4 ชาวอังกฤษขับรถชิงทรัพย์ชาวอเมริกัน

ภูเก็ต 19 ก.ย. – วานนี้มีเหตุอุกอาจกลางเมืองภูเก็ต กลุ่มชายฉกรรจ์ขับรถชนรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายก่อนลงไปชิงนาฬิกาหรู มูลค่ากว่า 2 ล้าน เช้านี้ตำรวจรวบผู้ก่อเหตุได้ครบ เชื่อวางแผนทำกันเป็นขบวนการ.-สำนักข่าวไทย

ไทยยึดหลักสากล จัดการปมบ้านหนองหญ้าแก้ว

กระทรวงการต่างประเทศ 19 ก.ย.- “อนุทิน” แจงประธานอาเชียน เหตุบ้านหนองหญ้าแก้ว ไทยยืนยันยึดหลักสากล จัดการปัญหา กัมพูชาขัดข้อตกลงหยุดยิง ใช้ประชาชนเป็นโล่มนุษย์ ไร้มนุษยธรรม ไม่สร้างสรรค์ บิดเบือนข้อเท็จจริง พร้อมเรียกร้องกัมพูชาแสดงความจริงใจในการแก้ปัญหา นายนิกรเดช พลางกูล อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะในพื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว ที่มีการรื้อถอนสิ่งกีดขวางของฝ่ายไทย และมีการปะทะจนมีเจ้าหน้าที่ไทยได้รับบาดเจ็บ ซึ่งถือเป็นการทำผิดกฎหมายไทยหลายมาตรา โดยย้ำว่าที่ผ่านมาฝ่ายไทยได้ปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัดทุกประการมาโดยตลอด ข้อตกลงนี้เป็นหมุดหมายสำคัญที่จะปูทางไปสู่สันติภาพ แม้สถานการณ์สงบลง แต่กัมพูชายังยั่วยุในรูปแบบต่างๆ ซึ่งขัดข้อตกลงหยุดยิง พร้อมย้ำว่าการวางเครื่องกีดขวางเสริมความมั่นคง เป็นการดำเนินการในอธิปไตยของไทยอย่างชัดเจน โดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยอดกลั่น และใช้เวลาชี้แจงกับประชาชนกัมพูชา แต่ไม่เป็นผล ที่สุดเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชนของไทยต้องเข้าระงับเหตุตามหลักสากล ตามหลักมนุษยชนการปลุกระดมให้ประชาชนมาเป็นโล่มนุษย์ ขัดกฎหมายระหว่างประเทศ ไร้มนุษยธรรม ขาดความรับผิดชอบ ไม่สร้างสรรค์ และไม่ยึดถือประโยชน์และความปลอดภัยของประชาชนเป็นที่ตั้ง นอกจากนี้ ทั้ง 2 ประเทศให้คำมั่นหยุดยิงไปแล้ว แต่กัมพูชาเลือกเส้นทางจากต่างไทยโดยสิ้นเชิง ไทยมุ่งมั่นแสวงหาสันติภาพ ซึ่งต่างจากกัมพูชาที่แสวงหาความรุนแรง การวางรั้วลวดหนามของฝ่ายไทย เป็นไปเพื่อป้องกันการปะทะ และเพื่อสร้างความปลอดภัยของประชาชนทั้ง 2 ฝ่าย เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะ และเหตุความรุนแรงอาจนำไปสู่การสูญเสีย […]