กรุงเทพฯ 22 มิ.ย. – บลจ.กสิกรไทยมองแบงก์งดจ่ายเงินปันผล-ซื้อหุ้นคืน กดดันตลาดหุ้นระยะสั้น แต่จะส่งผลดีระยะยาว
นางสาวธิดาศิริ ศรีสมิต รองกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า จากการที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ขอความร่วมมือจากธนาคารพาณิชย์งดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลและงดการซื้อหุ้นคืนของธนาคารพาณิชย์ อาจกดดันตลาดหุ้นระยะสั้น โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงิน แต่ระยะยาวจะเป็นผลดี เนื่องจากจะช่วยให้ธนาคารพาณิชย์ของไทยมีความสามารถในการรับมือกับความไม่แน่นอนและแรงกระแทกทางเศรษฐกิจที่อาจจะเกิดขึ้นในช่วงถัดไปได้ ซึ่งในทางกลับกันหากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจเป็นไปได้ดีอย่างต่อเนื่องและไม่มีการระบาดของโควิด-19 รอบ 2 มาตรการนี้จะทำให้ธนาคารพาณิชย์มีความสามารถในการปล่อยสินเชื่อเพิ่มขึ้น
“ปกติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลเป็นสัดส่วนไม่มากประมาณ 20-30% ของจำนวนเงินปันผลจ่ายทั้งปีและบางธนาคารก็ไม่มีนโยบายจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล ทำให้การปรับลดลงของการคาดการณ์อัตราการจ่ายเงินปันผลอาจไม่มากเท่าที่คาด และปัจจุบันธนาคารพาณิชย์ไทยยังมีระดับเงินกองทุนอยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูง หากสถานการณ์ต่าง ๆ คลี่คลายไปในทางที่ดีและเศรษฐกิจฟื้นตัวต่อเนื่อง รวมถึงธนาคารพาณิชย์จัดทำแผนบริหารจัดการระดับเงินกองทุนสำหรับระยะเวลา 1-3 ปีข้างหน้าเสร็จ ธนาคารพาณิชย์น่าจะกลับมาจ่ายเงินปันผลประจำปีได้ในปีหน้า ประกอบกับ ระดับ Valuation ของหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ปัจจุบันยังอยู่ในระดับค่อนข้างต่ำ และเป็นระดับที่เริ่มน่าสนใจสำหรับการลงทุนระยะยาว” นางสาวธิดาศิริ กล่าว
นางสาวธิดาศิริ กล่าวว่า คำแนะนำสำหรับผู้ลงทุนที่สามารถรับความผันผวนระยะสั้นได้ ยังคงสามารถถือครองการลงทุนต่อไปได้ เพื่อโอกาสรับผลตอบแทนระยะยาว โดยมองว่าตลาดหุ้นโดยรวมโดยเฉพาะหุ้นกลุ่มธนาคารและสถาบันการเงินน่าจะได้รับผลกระทบเชิงลบระยะสั้น ส่วนผู้ที่รับความผันผวนไม่ได้ แนะนำให้รอดูสถานการณ์เพิ่มเติม ทั้งนี้ ต้องจับตามองพัฒนาการของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการกลับมาระบาดของโควิด-19 รอบ 2 อย่างไรก็ตาม ทาง บลจ.กสิกรไทยยังคงคาดการณ์เป้าหมาย SET Index ปีนี้ 1,350 จุด และมีโอกาสที่จะปรับขึ้นแตะระดับ 1,400 จุด หากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 คลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น และส่งผลให้เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวได้ในครึ่งปีหลังและต่อเนื่องไปถึงปีหน้า โดยแม้ระดับราคาหุ้นค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในอดีต แต่ด้วยอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำ และการอัดฉีดเงินของธนาคารกลางเข้าสู่ระบบทั่วโลก ส่งผลให้สภาพคล่องอยู่ในระดับสูง ทำให้ตลาดหุ้นไทยยังคงมีความน่าสนใจในระยะยาว.-สำนักข่าวไทย