สภาผ่านร่าง พ.ร.บ.โอนงบฯ รัฐบาลยันจะดำเนินการโปร่งใส

กรุงเทพฯ 4 มิ.ย.- ในที่สุดร่าง พ.ร.บ.โอนงบประมาณรายจ่าย ได้ผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรแล้ว แม้ตลอดทั้งวันที่มีการพิจารณา ฝ่ายค้านจะแสดงความกังวลเรื่องการตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณ ซึ่งรัฐบาลยืนยันจะดำเนินการอย่างโปร่งใส



การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบทุกภาคส่วน จนรัฐบาลต้องนำเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉิน หรือจำเป็นเพิ่มเติม วงเงิน 96,000 ล้านบาท ของปี 63 มาใช้ แต่ไม่เพียงพอในแก้ปัญหาหลายมิติ ที่สุดต้องใช้วิธีโอนงบ ผ่านร่าง พ.ร.บ.โอนงบประมาณรายจ่ายฯ วงเงินกว่า 88,000 ล้านบาท มาเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ


ทุกกระทรวงจัดสรรงบร้อยละ 10 คืนรัฐ ซึ่ง 5 กระทรวงแรกที่โอนงบคืนสูงสุด คือ กระทรวงกลาโหม 17,700 ล้านบาท กระทรวงศึกษาธิการกว่า 4,700 ล้านบาท  กระทรวงคมนาคมกว่า 3,400 ล้านบาท ตามมาด้วยกระทรวงมหาดไทย และกระทรวงสาธารณสุข

แน่นอนว่าฝ่ายค้านอภิปรายท้วงติงการโอนงบข้ามหน่วยงาน อาจมีปัญหาข้อกฎหมาย เพราะสามารถโอนได้เฉพาะหน่วยงานรับงบประมาณเท่านั้น และห่วงเรื่องการตรวจสอบ เพราะเสมือนเป็นการให้อำนาจนายกรัฐมนตรีเพียงผู้เดียว เสมือนตีเช็คเปล่า หวั่นเป็นรอยด่างของสภาฯ ที่ถูกมัดมือชกหากปล่อยผ่าน


ขณะที่นายกรัฐมนตรีลุกขึ้นโต้ฝ่ายค้าน ยืนยันไม่มีอำนาจพิจารณาคนเดียว พร้อมแจงตัวเลขละเอียดยิบว่า งบกลางที่ใช้กรณีฉุกเฉินและจำเป็นกว่า 90,000 ล้าน ใช้แก้ปัญหา 4 กลุ่ม เหลือเพียงกว่า 400 ล้านบาทเท่านั้น ย้ำไม่ต้องห่วงเรื่องการจัดสรรงบ ยืนยันจะดูแลคนทุกกลุ่มเท่าเทียม การใช้จ่ายงบกลางหลังจากนี้จะต้องรับฟังความเห็นของประชาชนว่าต้องการอะไร พร้อมคาดโทษหากเจอการทุจริต จะลงโทษทุกคนที่เกี่ยวข้องโดยไม่ละเว้น

ส.ส.ทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาลอภิปรายร่างกฎหมายนี้อย่างกว้างขวาง ที่น่าสนใจคือ มีการหยิบยกโครงการขยายถนนในจังหวัดมหาสารคาม วงเงิน 200 ล้านบาท ของกระทรวงมหาดไทย ขึ้นอภิปราย หลังไม่มีการตัดงบในส่วนนี้ ทั้งที่มีความไม่โปร่งใส ร้อนถึง มท.1 ต้องออกโรงแจง ว่าสั่งตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว หากพบมีการทุจริตก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย

ที่สุดแล้วสภาผู้แทนราษฎรลงมติรับหลักการร่าง พ.ร.บ.โอนงบประมาณรายจ่าย พร้อมตั้งกรรมาธิการขึ้นมาศึกษารายละเอียด ตามขั้นตอนจะพิจารณาวาระ 2 และ 3 ก่อนส่งให้วุฒิสภาพิจารณาต่อคาดว่าจะใช้เวลาไม่นาน เนื่องจากเป็นกฎหมายที่จำเป็นเร่งด่วน.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พ่อเลี้ยงล่วงละเมิด

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA ส่วนเด็กอาการดีขึ้น

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA เชื่อ แม่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แค่เชื่อผัวเพราะลูกเคยโกหก เผย ตอนแม่รู้ความจริงว่าใครทำลูกถึงกับร้องไห้โฮโผกอดลูก ส่วนเด็ก 10 ขวบอาการดีขึ้น แต่ต้องรักษาตัวอีกหลายสัปดาห์

งานแต่งธนกร

วิวาห์ชื่นมื่น “ธนกร-แคทลีน” คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น

งานวิวาห์ “ธนกร-แคทลีน” ชื่นมื่น คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น ด้าน “ทักษิณ” ไม่ได้มาร่วม แต่ส่งของขวัญแสดงความยินดี

ทรัมป์สั่งปลด

“ทรัมป์” สั่งปลดประธานคณะเสนาธิการร่วมตามแผนปรับปรุงกลาโหม

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ออกคำสั่งในวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นปลด พลอากาศเอก ซี. คิว. บราวน์ จูเนียร์ (Charles Quinton Brown Jr.) เป็นประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมของสหรัฐออกจากตำแหน่ง

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส กลับมาในรอบ 19 ปี

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส บอกคนนราธิวาสน่ารักเสมอ ต้อนรับอบอุ่นกับการกลับมาในรอบ 19 ปี ก่อนเดินทางต่อตามกำหนดเดิม แม้มีระเบิดที่สนามบิน

บึ้มรถกระบะ สนามบินนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่

บึ้มรถกระบะจอดใกล้กับหอบังคับการบิน ท่าอากาศยานนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่สนามบินบ้านทอน ในอีก 50 นาที ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ

น้ำป่าหลากท่วม อ.ไทรโยค กลางดึก

ระทึกกลางดึก น้ำป่าหลากท่วมบ้านเรือนประชาชน อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ถนนหลายเส้นถูกน้ำป่าพัดขาด จนท.เร่งอพยพประชาชนด้วยความยากลำบาก

Pope at Vatican on Feb 5, 2025 says have a strong cold

โป๊ปฟรันซิสพระอาการวิกฤต

วาติกัน 23 ก.พ.- พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรันซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก ทรุดลงอยู่ในขั้นวิกฤตในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา สำนักวาติกันออกแถลงการณ์ฉบับล่าสุดเมื่อวันเสาร์ว่า พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาทรุดลงในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา และระบุเป็นครั้งแรกว่า พระอาการของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤตจากโรคระบบทางเดินหายใจคล้ายกับโรคหอบหืดในช่วงเช้าวันเสาร์ ทำให้ขณะนี้พระองค์จำเป็นต้องได้รับออกซิเจนเสริมและการถ่ายเลือด โดยรวมแล้วถือว่า พระอาการอยู่ในขั้นวิกฤตและยังไม่พ้นขีดอันตราย อย่างไรก็ดี พระองค์ยังทรงตื่นตัว และประทับนั่งบนเก้าอี้ตลอดวัน แม้ว่าทรงประชวรมากกว่าวันก่อนหน้านี้ก็ตาม พระสันตะปาปาฟรันซิส พระชนมายุ 88 พรรษา ทรงเข้ารับการถวายการรักษาที่โรงพยาบาลเจเมลลี ในกรุงโรม ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ หลังทรงมีพระอาการหายใจติดขัดต่อเนื่องหลายวัน และตรวจพบว่าปอดอักเสบทั้งสองข้าง ทรงร้องขอให้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับพระอาการของพระองค์อย่างตรงไปตรงมา สำนักวาติกันจึงออกแถลงการณ์ชี้แจงความคืบหน้าอาการประชวรของพระองค์ต่อเนื่องทุกวัน แต่แถลงการณ์ฉบับล่าสุดถือเป็นครั้งแรกที่มีเนื้อหาระบุชัดเจนว่า อาการประชวรของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤต ขณะที่แพทย์คาดการณ์ว่า พระองค์จะต้องประทับอยู่ในโรงพยาบาลอย่างน้อยตลอดสัปดาห์หน้า ภารกิจต่อสาธารณชนทั้งหมดของพระสันตะปาปาจึงถูกยกเลิกตลอดสัปดาห์ ทั้งพิธีมิสซาประจำวันอาทิตย์ รวมถึงการสวดภาวนาแองเจลัส (Angelus) ตามปกติทุกสัปดาห์ด้วย.-815(814).-สำนักข่าวไทย