กทม.28 พ.ค.- อัยการสูงสุด ชี้ขาดไม่อุทธรณ์คดี “โอ๊ค-พานทองแท้” คดีร่วมกันฟอกเงินทุจริตเงินปล่อยกู้แบงก์กรุงไทย ถือว่าคดีสิ้นสุด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อัยการสูงสุด มีคำสั่งชี้ขาดไม่ยื่นอุทธรณ์คดี ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษ 4 ยื่นฟ้องนายพานทองแท้ ชินวัตร หรือ โอ๊ค บุตรชายคนโตนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ คดีร่วมกันฟอกเงินทุจริตเงินปล่อยกู้แบงก์กรุงไทย จำนวน 10 ล้านบาท ในความความผิดฐานร่วมกันฟอกเงิน และสมคบกันฟอกเงิน ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 5, 9, 60 และ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ฉบับที่ 5) พ.ศ.2558 มาตรา 10 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91
คดีนี้ ศาลอาญาคดีทุจริตฯกลาง มีคำพิพากษายกฟ้องเมื่อวันที่ 25 พ.ย.62 ต่อมาทางอัยการสำนักงานคดีพิเศษได้ทำความเห็นส่งไปยังอัยการสำนักงานคดีศาลสูง ว่าเห็นควรไม่อุทธรณ์คดีต่อ ซึ่งอัยการสำนักงานคดีศาลสูงเห็นด้วย ตามกฎหมายจึงต้องส่งเรื่องให้กรมสอบสวนคดีพิเศษพิจารณาตาม พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษฯ มาตรา 34 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 145 ว่าจะเห็นด้วยหรือไม่ ซึ่งกรมสอบสวนคดีพิเศษได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาพิจารณากลั่นกรองเรื่องดังกล่าว เพื่อเสนอความเห็นต่ออธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษพิจารณาจากพยานหลักฐานในสำนวนการสอบสวน ความเห็นของพนักงานอัยการ และคำพิพากษาของศาล ทั้งที่พิพากษายกฟ้อง และที่ทำความเห็นแย้งไว้ท้ายคำพิพากษา ประกอบกับความเห็นของพนักงานอัยการที่เห็นควรไม่อุทธรณ์คำพิพากษาแล้ว เห็นว่ายังมีประเด็นสำคัญแห่งคดีที่ควรต้องนำสู่การพิจารณาของศาลสูงเพื่อวินิจฉัย อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษจึงมีความเห็นควรให้นำคดีขึ้นสู่ศาลสูงโดยส่งให้อัยการสูงสุดชี้ขาด เมื่อ 24 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยมีรายงานว่าคำสั่งชี้ขาดดังกล่าวลงนามโดยรองอัยการสูงสุดคนหนึ่ง ซึ่งปฏิบัติราชการเเทนอัยการสูงสุด
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 25 พ.ค.ที่ผ่านมา ทางอัยการสำนักงานคดีพิเศษ 4 ได้ยื่นขอขยายอุทธรณ์ครั้งที่ 6 โดยศาลพิจารณาเเล้วอนุญาตให้ขยายระยะเวลาอุทธรณ์ถึงวันที่ 25 มิ.ย.นี้ เเต่เมื่อมีการชี้ขาดจากอัยการสูงสุดสั่งไม่อุทธรณ์ คดีดังกล่าวถือเป็นอันสิ้นสุด.-สำนักข่าวไทย