สำนักข่าวไทย 25 ม.ค.-อัยการผู้ร่วมสอบสวนคดีฟอกเงินกรุงไทย โต้ทนายความ ‘พานทองแท้ ยืนยันไม่มีการกลั่นแกล้ง ทำคดีตามพยาน หลักฐาน
นายขจรศักด์ พุทธานุภาพ อัยการพิเศษฝ่ายสอบสวน 3ในฐานะพนักงาน สอบสวนร่วม คดีทุจริตปล่อยกู้ฟอกเงินธนาคารไทย กล่าวถึงกรณีนายชุมสาย ศรียาภัย ทนายความนายพานทองแท้ ชินวัตร ออกมาระบุว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมจากพนักงานร่วมสอบสวนและการถูกตัดบัญชีสอบ ปากคำพยานตามที่ร้องขอมา ว่า ก่อนหน้านี้ทนายความนายพานทองแท้ ได้ยื่นหนังสือขอให้สอบปากคำพยานเพิ่มเติม จำนวน 21 ปาก โดยระบุว่าเป็นพยานปากสำคัญในคดีซึ่งคณะพนักงานสอบสวนพิจารณาแล้วเห็นว่า ควรสอบเพียงแค่ 8ปากเนื่องจากพิจารณาแล้วว่ามีความเกี่ยวข้องโดยตรง ส่วนที่เหลือเป็นพยานที่ไม่มีความเกี่ยวข้องจึงได้ตัดออกไป โดยคณะพนักงานสอบสวนได้นัดสอบปากคำพยานดังกล่าวเมื่อ 16-17 ม.ค.ที่ผ่านมา แต่พยานไม่มาพบพนักงานฯ และขอเลื่อนเข้าให้ปากคำเป็นวันที่ 4ก.พ.ซึ่งหลังวันที่กำหนดนัดยังไม่ทราบว่าจะเลื่อนอีกหรือไม่
นายขจรศักดิ์ กล่าวต่อว่า สำหรับคดีทุจริตปล่อยกู้ธนาคารกรุงไทยทำในรูปคณะพนักงานสอบสวนนั้น ยืนยันไม่มีใครมาเป็นผู้ชี้นำในคดีแน่นอน เนื่องจากหลักฐานของคดีดังกล่าว มาจากพยานเอกสารของ คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความ เสียหายแก่รัฐ(คตส.)และสำนักงานป้องกันและปราบ ปรามการฟอกเงิน( ปปง.) เป็นหลัก ไม่ใช่พยานบุคคล จึงไม่จำเป็นต้องมีการกลั่นแกล้งผู้ใด ซึ่งการสอบ ปากคำพยานเพิ่มเติมให้จำนวน 8 ปาก ตามที่จำเลยร้องขอถือว่า มีความเหมาะสมแล้ว เนื่องจากคดีนี้จำเป็นต้องให้เวลาคณะพนักงานสอบสวนฯสรุปสำนวนคดีเพื่อส่งให้พนักงานอัยการพิจารณาก่อน
ส่วนพนักงานอัยการอาจมีความเห็นสั่งสอบพยานเพิ่มเติมอีกหรือไม่ ก็แล้วแต่ดุลพินิจ หากส่งสำนวนกระชั้นชิดเกินไป ก็เกรงจะถูกกล่าวหาว่ามีการกลั่นแกล้งอีก จึงขอความเป็นธรรมให้กับคณะพนักงานสอบสวนด้วย อย่างไรก็ตามคาดว่าจะสามารถสรุปสำนวนส่งให้พนักงานอัยการได้ภายในเดือน มี.ค.นี้ โดยคดีดังกล่าวจะหมดอายุความในเดือน ธ.ค.2561.-สำนักข่าวไทย