สำนักข่าวไทย22 พ.ค.-แพทย์ศิริราชขอบคุณคนไทยทุกคน “ฮีโร่” โควิด-19 ปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัดส่งผลให้ปริมาณผู้ป่วยและการระบาดลดลง ส่วนการระบาดระลอกสองจะเกิดขึ้นหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับการปฏิบัติตัวของทุกคน การใส่หน้ากากอนามัย รักษาระยะห่าง หมั่นล้างมือเป็นประจำ ไม่จับต้องใบหน้า จะช่วยป้องกันโรคได้
เพจเฟซบุ๊ก sirirajpr โพสต์เผยแพร่คำสัมภาษณ์ของ รศ.ดร.นพ.เมธี ชยะกุลคีรี คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ระบุว่า “คนบอกว่าบุคลากรการแพทย์เป็นฮีโร่ แต่เรามองว่าคนที่เป็นฮีโร่คือประชาชนทุกคน ถ้าที่ผ่านมาประชาชนไม่ทำตามคำแนะนำกันอย่างเคร่งครัด คงไม่มีทางที่ปริมาณผู้ป่วยและการระบาดจะลดลงได้เลย หมอที่เป็นฝ่ายตั้งรับก็ยับยั้งไม่ได้
ช่วงแรกที่มีการระบาดเข้ามาในประเทศไทย ศิริราชมีประชาชนเข้ามาคัดกรองวันละเกินร้อยคน ครึ่งหนึ่งในนั้นมีความเสี่ยงต้องเข้ารับการตรวจหาเชื้อ ถือว่าโกลาหลพอสมควร ทางโรงพยาบาลมีการจัดตั้งวอร์รูม รวบรวมทีมงานสำหรับรับมือสถานการณ์นี้โดยเฉพาะ เกิดเป็นคลินิกโรคติดเชื้ออุบัติใหม่ ตั้งขึ้นที่อาคารนวมินทรบพิตร 84 พรรษา ที่สามารถเปิดใช้งานอาคารบางส่วนได้พอดี
จากหน้างานปกติที่เป็นอายุรแพทย์โรคติดเชื้อ และอาจารย์สาขาวิชาโรคติดเชื้อและอายุรศาสตร์เขตร้อน เลยได้เข้ามามีบทบาทโดยตรงร่วมกับทีมอายุรแพทย์โรคระบบการหายใจหรือหมอโรคปอด และแพทย์เวชบำบัดวิกฤติที่ดูแลผู้ป่วยหนักในไอซียู แพทย์โรคติดเชื้อนั้นทำหน้าที่เป็นด่านหน้า ดูแลตั้งแต่การคัดกรอง ตรวจดูปัจจัยเสี่ยงและให้การรักษาตามอาการของผู้ป่วย ช่วงแรกมีแพทย์ประมาณ 9-10 คน หมุนเวียนมาอยู่เวรทุกวัน และเริ่มมีทีมจากภาควิชาอื่นผลัดกันเข้ามาช่วยจนเริ่มเข้าที่เข้าทาง โดยยึดหลักสำคัญคือความปลอดภัยของผู้ป่วยและบุคลากรทางการแพทย์ทุกคน
วิถีชีวิตของบุคลากรทางการแพทย์ก็เปลี่ยนไปเยอะ แต่ทำให้ได้เห็นความร่วมมือของทุกๆ คน จากหน้างานที่ต้องมาทำงานร่วมกัน นอกจากนี้งานส่วนอื่น ๆ เรายังต้องปรับเปลี่ยน เช่น การเรียนการสอน การตรวจปกติ ที่ต้องปรับมาให้คำปรึกษาผู้ป่วยแบบ telemedicine เพื่อลดการเดินทาง ลดความเสี่ยงให้ได้มากที่สุด ในช่วงการปฏิบัติงานต้องขอขอบคุณกำลังใจจากประชาชน ทั้งคำขอบคุณในช่องทางต่าง ๆ บางท่านได้ส่งส่งอาหาร หรือของใช้ต่าง ๆ มาให้ทั้งผู้ป่วยและบุคลากรทางการแพทย์ รู้สึกซาบซึ้งใจมาก
หากถามว่าการระบาดระลอกสองจะเกิดขึ้นหรือไม่ หมอคงตอบไม่ได้ เพราะอยู่ที่การปฏิบัติตัวของเราทุกคน จึงอยากเน้นย้ำว่าไวรัสโคโรนาเป็นไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคในทางเดินหายใจ ติดต่อโดยละอองฝอยจากการไอจาม เพราะฉะนั้นการใส่หน้ากากอนามัย รักษาระยะห่าง หมั่นล้างมือเป็นประจำ ไม่จับต้องใบหน้า จะช่วยป้องกันโรคได้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่แพทย์ด่านหน้าที่ต้องเจอผู้ป่วยโควิดได้ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดมาตลอด ซึ่งได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าทำให้เราปลอดภัย ซึ่งถ้าประชาชนทำตามนี้ก็จะไม่ติดแน่นอน เช่นเดียวกัน สมมติว่าถ้าเรามีเชื้ออยู่ในร่างกายโดยไม่มีอาการป่วย แต่เราปฏิบัติตัวป้องกันทุกอย่าง เราก็จะไม่นำเชื้อนั้นไปติดคนอื่น เมื่อผ่านไปประมาณ 2 สัปดาห์ เชื้อในตัวเราก็หายไป มันเหมือนการฉีดวัคซีนธรรมชาติช่วยป้องกันการระบาดก่อนที่เราจะมีวัคซีนจริง
อยากขอให้อดทนและพยายามกันต่อไป เข้าใจว่าทุกคนลำบากและได้รับผลกระทบ แต่อยากให้เชื่อว่าเราจะผ่านมันไปได้เหมือนในอดีตที่ผ่านมา เราก็สามารถคิดค้นวิธีการรักษาและป้องกันโรคต่าง ๆ มาได้ จึงหวังว่าวันหนึ่ง สิ่งที่เราร่วมมือกันในตอนนี้จะทำให้พวกเราผ่านสถานการณ์นี้ไปได้ด้วยดีทั้งในไทยและทั่วโลก”.-สำนักข่าวไทย