สธ.21พ.ค.-สธ.-ศธ.เตรียมความพร้อมวางมาตรการรับเปิดเทอม ลดความเสี่ยงนักเรียนติดเชื้อโควิด-19 พร้อมออกแนวปฏิบัติคุมเข้ม ขณะที่ สธ. ติดตามสอบสวนโรคผู้ติดเชื้อรายใหม่ 2 รายที่มีไทม์ไลน์เกี่ยวข้องกับร้านตัดผมและห้างสรรพสินค้า ที่อาจมีผู้เกี่ยวข้องจำนวนมาก
นพ.อนุพงศ์ สุจริยากุล ผู้ทรงคุณวุฒิกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข แถลงสถานการณ์โควิด-19ในวันนี้ (21พ.ค.) ว่า มีผู้ป่วยรายใหม่ 3 ราย กลับบ้านได้ 9 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิต มีผู้ป่วยสะสม 3,037 ราย กลับบ้านได้สะสม 2,897 รายยังอยู่โรงพยาบาล 84 ราย เสียชีวิต 56 ราย สำหรับผู้ป่วยใหม่3 รายในวันนี้ 1 ราย เป็นคนหญิงไทยอายุ 25 ปี เดินทางกลับมาจากประเทศฟิลิปปินส์ หญิงไทยอายุ 25 ปีอยู่ใน State Quarantine ส่วนอีก 2 ราย พบการติดเชื้อในกรุงเทพมหานคร ซึ่งความเสี่ยงของ 2 รายนี้คือการไปในสถานที่ชุมชน
โดยรายแรกเป็นชายไทยอายุ 72 ปี มีไทม์ไลน์ไปโรงพยาบาล และไปร้านตัดผม ส่วนอีกราย เป็นชายชาวเยอรมันอายุ 42 ปีซึ่งมีภรรยาเป็นคนไทย มีประวัติเดินทางไปที่ จ.ชัยภูมิ ทีมสอบสวนโรคได้ข้อมูลขณะนี้ว่า ได้ไปห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งที่ จ.ชัยภูมิ โดยทั้ง 2 ราย เป็นการติดเชื้อในชุมชนและเป็นการติดเชื้อในประเทศ และมีกิจการที่มีความสัมพันธ์กับกิจการที่ได้รับการผ่อนปรนในระยะที่ 1 และระยะที่ 2 ซึ่งเป็นเรื่องที่คาดการณ์ว่าอาจจะเกิดขึ้นได้ โดยทีมสอบสวนโรค กำลังตรวจสอบข้อมูลไทม์ไลน์ของผู้ป่วย ซึ่งได้จากการให้รายละเอียดของผู้ป่วยเอง เพื่อหาผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องและอยู่ในไทม์ไลน์ของผู้ป่วยและจะนำไปสู่การเชิญผู้เกี่ยวข้องมาตรวจโรคในกรณีที่มีความจำเป็น
ส่วนการที่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ทั้ง 2 รายเกี่ยวข้องกับร้านตัดผมและห้างสรรพสินค้า จะมีส่วนให้มีการทบทวนมาตรการผ่อนคลายหรือไม่ นั้น ขณะนี้ยังไม่ชัดเจนว่าทั้ง 2 รายติดเชื้อมาจากสถานที่ทั้ง 2 แห่งหรือไม่ และจำนวนที่พบเพียง 2 ราย จึงยังเร็วเกินไปที่จะนำมาเป็นเหตุผล แต่ถ้าพบเพิ่มเป็นกลุ่มก้อนชัดเจนที่บ่งบอกได้ว่ารอบ 2 มาแล้วก็น่าจะมีมาตรการคัดกรอง ควบคุมโรคจะถึงขั้นต้องหยุดกิจการบางอย่างหรือไม่ต้องดูข้อมูลก่อน ว่าอยู่ในวิสัยที่สามารถควบคุมได้หรือไม่แต่ถ้ายังสามารถควบคุมได้การที่ผ่อนปรนให้เปิดกิจการแล้วไปปิดกิจการ ก็คงจะไม่ทำถ้าไม่จำเป็น
ดังนั้น จึงขอย้ำเตือนประชาชนอย่าการ์ดตก เพราะไม่อยากเห็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นและอยู่ในจำนวนที่ควบคุมไม่ได้ โดยตัวเลขหลักเดียวหรือตัวเลขสองหลักต้นๆ เป็นตัวเลขที่ยังสามารถจัดการได้ดี อยู่ในภาวะที่ควบคุมได้
ด้าน พญ.พรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัย กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมรองรับการเปิดเทอมในวันที่ 1 ก.ค.นี้ ว่า การเปิดโรงเรียน เป็นเรื่องที่ทุกประเทศทั่วโลกในสถานการณ์โควิดให้ความสำคัญและพิจารณาการเตรียมมาตรการอย่างรอบคอบ ซึ่งในส่วนของกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้ทำงานร่วมกับกระทรวงศึกษา (ศธ.) โดยใช้ช่วงระยะเวลาที่มีความจำเป็นต้องปิดเรียนต่อเนื่อง ได้มีการเตรียมความพร้อม โดยเฉพาะพื้นที่จัดกิจกรรมและพื้นที่สาธารณะที่มีการใช้ร่วมกันจะต้องมีการเตรียมความพร้อมล่วงหน้ามากกว่าเดิม
สำหรับข้อมูลพบเด็กไทยอายุ 10-19ปี ติดเชื้อโควิด 3.81% และทั่วโลกมีเด็กติดเชื้อเพียงประมาณ 3% เท่านั้น โดยมีข้อสังเกตว่าเวลาเด็กติดเชื้ออาจไม่มีอาการ และเมื่อเกิดความใกล้ชิดกับเพื่อนในโรงเรียน จึงมีความเสียงที่จะแพร่เชื้อไปยังเพื่อนนักเรียนและครอบครัว ด้วยเหตุนี้ ทุกประเทศทั่วโลกจึงต้องพิจารณาอย่างมากในการจะพิจารณาเปิดโรงเรียน โดยเฉพาะโรงเรียนที่มีขนาดใหญ่ เป็นการรวมของเด็กจำนวนมากจากหลายครอบครัวมาอยู่ในพื้นที่เดียวกันเป็นเวลานานไม่น้อยกว่า 5-6ชั่วโมงต่อวัน เมื่อเลิกเรียนแล้วก็กลับไปอยู่กับครอบครัวซึ่งทำให้จำนวนผู้คนที่เกี่ยวข้องกับเด็กมีจำนวนมาก
โดยขณะนี้กระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงสาธารณสุขได้ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด โดยมีคู่มือในการดำเนินการเตรียมความพร้อมเปิดภาคเรียนรองรับสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้ทำคู่มือไปบูรณาการร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการเพื่อชี้แจงทำความเข้าใจและเตรียมการฝึกอบรมครูก่อนที่จะมีการเปิดเทอม โดยเฉพาะเรื่องสำคัญที่ครูจะต้องรอบรู้ เรื่องสุขอนามัยมาตรการต่างๆ เพราะครูเป็นคนสำคัญที่จะต้องช่วยดูแลควบคุมกำกับให้มาตรการที่สำคัญของกระทรวงสาธารณสุขดำเนินการต่อไปได้
โดยมีแนวทางแนวทางการเตรียมความพร้อมของสถานศึกษาการในการเปิดภาคเรียนป้องกันโควิด-19 ที่สำคัญ คือ โรงเรียนต้องมีมาตรการคัดกรองวัดไข้และอาการเสี่ยงก่อนเข้าโรงเรียน นักเรียนต้องสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าตลอดเวลาเมื่ออยู่ในโรงเรียน โรงเรียนต้องมีจุดทำความสะอาดล้างมือ โรงเรียนต้องมีการทำระยะห่างระหว่างบุคคลในห้องเรียน ควรจัดให้ทำกิจกรรมอยู่ในกลุ่มย่อย ๆ ที่เป็นกลุ่มก้อนเดียวกันซึ่งจะทำให้สามารถติดตามและควบคุมตัวเด็กที่อาจจะมีอาการผิดปกติ ได้อย่างรวดเร็ว โรงเรียนต้องทำความสะอาดพื้นผิวสัมผัสต่างๆที่มีการใช้ร่วมกันบ่อยๆ และลดความแออัดไม่จัดกิจกรรมที่มีการสัมผัสร่วมกัน เช่นกิจกรรมแข่งกีฬาสี อาจต้องลดหรืองดไปก่อน
ทั้งนี้ ยังขอความร่วมมือไปยังผู้ปกครองที่ต้องเตรียมความพร้อมให้กับนักเรียนก่อนเปิดเทอม ซึ่งถ้าเป็นไปได้ขอให้เด็กอยู่บ้านเป็นหลักสักระยะหนึ่งก่อนมาโรงเรียน ส่วนเด็กที่ไปอยู่ในหอพักหรือโรงเรียนประจำก็จะมีการคุยรายละเอียดครั้งหนึ่งว่าจะต้องมีการเตรียมการอย่างไร.-สำนักข่าวไทย