โฆษก ศบค. วอนอย่ารังเกียจผู้ที่เคยป่วยติดเชื้อโควิด-19

ทำเนียบฯ 21 พ.ค.-โฆษก ศบค. วอน อย่ารังเกียจผู้ที่เคยป่วยติดเชื้อโควิด-19 ย้ำเป็นกลุ่มที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม เสี่ยงต่ำกว่าคนปกติ พร้อมไขข้อข้องใจ เหตุยังไม่เปิดโรงเรียน เพราะเด็กมีความเสี่ยงสูง ติดเชื้อง่าย


นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด19) หรือ ศบค.  กล่าวถึง กรณีที่ต่างประเทศแชร์ข้อมูลว่า อย่าเข้าใกล้ผู้ที่เคยติดเชื้อโควิด-19  แม้จะหายแล้ว เพราะจะยังคงมีเชื้ออยู่ ว่า เป็นความเข้าใจที่ผิด เนื่องจากผู้ที่ติดเชื้อแล้วหาย เป็นผู้ที่มีประโยชน์ต่อผู้อื่น โดยเฉพาะเลือดที่นำมาสร้างพลาสมา 

“คนเหล่านี้จึงเป็นกลุ่มคนที่มีภูมิคุ้มกัน มีความเสี่ยงต่ำกว่าคนทั่วไปที่ยังไม่เคยติดเชื้อด้วยซ้ำ ดังนั้นขอให้เปลี่ยนความคิดใหม่ ขอให้มั่นใจในความรู้ในข้อมูลนี้ อย่ารังเกียจผู้ที่เคยป่วยเป็นโควิด-19” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว


นพ.ทวีศิลป์ ยังกล่าวถึง การเตรียมผ่อนคลายร้านนวดแผนโบราณ ในระยะที่ 3 ว่า  ขอให้ดูระยะเวลาหลังจากนี้อีก 9 วัน ซึ่งจะเดินหน้เาเข้าสู่มาตราการผ่อนปรนระยะที่ 3  ซึ่ง ศบค.ยังคงต้องดูตัวเลขของผู้ติดเชื้อด้วย หากไม่เพิ่มสูงขึ้น ประชาชนไม่ประมาท มาตราการต่างๆ ก็จะได้รับการผ่อนปรนมากยิ่งขึ้น และยังคงย้ำว่า ในช่วงระหว่างที่รอการผ่อนคลาย ผู้ประกอบการก็ควรเตรียมความพร้อม หาแนวทางต่างๆ ในการป้องกันในกิจการของตัวเอง

ส่วนที่มีการวิจารณ์ว่า เหตุใดห้างสรรพสินค้าสามารถเปิดได้ แต่โรงเรียนไม่เปิดให้มีการเรียนการสอนนั้น นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ทั้ง 2 สถานที่มีความแตกต่างกัน กลุ่มนักเรียนมีความเสี่ยงสูง สามารถติดเชื้อได้ง่าย เมื่อเปิดโรงเรียน มักจะตามมาด้วยไข้หวัด  อีกทั้ง เป็นช่วงเปลี่ยนฤดูกาล  เด็กเป็นกลุ่มเสี่ยงที่หากคลุกคลีกัน ติดกันเองแล้ว  ยังสามารถยนำเชื้อไปติดกับผู้สูงอายุที่บ้านด้วย 

“ศบค.ได้กำหนดวันเปิดการเรียนการสอนไว้แล้ว ยืนยันว่าที่ผ่านมา คณะทำงานศึกษารายละเอียดของความเสี่ยงต่างๆ อย่างรอบคอบ ซึ่งหากมีการเปิดเรียน  นักเรียนและโรงเรียนอาจต้องมีการปรับตัวการการเรียนแบบชีวิตวิถีใหม่ด้วย” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว


นพ.ทวีศิลป์ ยืนยันว่า การทำงานที่บ้าน เป็นแนวนโยบายที่ นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำให้ปฏิบัติให้ได้ ในอัตราอย่างน้อยร้อยละ 50 ควบคู่กับการเหลื่อมเวลาในการทำงาน  ซึ่งจะช่วยลดความแออัดของขนส่งสาธารณะ และพื้นที่ีการทำงานส่วนรวมได้.- สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ไม่เอาไว้! ต่างด้าวสร้างปัญหาให้บุคลากรการแพทย์เมืองปาย

ผบช.สตม. ลั่น ไม่เอาไว้! ต่างด้าวสร้างปัญหาให้บุคลากรการแพทย์เมืองปาย เพิกถอนใบอนุญาต ผลักดันออกนอกประเทศทันที

ตรวจสอบ The Park เขาหลัก งบก่อสร้าง 140 ล้าน คุ้มค่าหรือไม่?

สำนักข่าวไทย ได้รับเรื่องร้องเรียนจากชาวบ้านให้ช่วยเข้าไปตรวจสอบการก่อสร้างโครงการศูนย์กลางการท่องเที่ยวและนันทนาการชายฝั่งแห่งเมืองพังงา หรือ The Park เขาหลัก ริมหาดบางเนียง หลังมีข้อมูลว่าเป็นโครงการที่ก่อสร้างด้วยงบกว่าร้อยล้านบาท แต่ปัจจุบันกลับไม่ได้ใช้ประโยชน์ และถูกปล่อยให้อยู่ในสภาพรกร้าง

ลูกสาวสารภาพจุดไฟเผาพ่อวัย 73 ดับคากระท่อม

ลูกสาวเปิดปากสารภาพจุดไฟเผาพ่อวัย 73 ปี เสียชีวิตในกระท่อม ข้างลานรับซื้อข้าวเปลือก ต.โนนศิลาเลิง อ.ฆ้องชัย จ.กาฬสินธุ์

พิรงรองคุก2ปี

คุก 2 ปี “พิรงรอง” กสทช. คดี “ทรู” ฟ้องกลั่นแกล้ง

ศาลสั่งจำคุก 2 ปี “พิรงรอง” กรรมการ กสทช. ไม่รอลงอาญา ผิดมาตรา 157 ชี้มีเจตนากลั่นแกล้ง “ทรูไอดี” ให้ได้รับความเสียหาย กรณีออกหนังสือเตือนโฆษณาแทรกในทีวีดิจิทัล

ข่าวแนะนำ

ฮอกกี้ไทย

นายกฯ ชวนคนไทยเชียร์ทีม “ฮอกกี้ชายไทย” เจอเจ้าภาพจีน

นายกฯ ชวนคนไทยเชียร์ทีม “ฮอกกี้ชายไทย” เจอเจ้าภาพ “จีน” เย็นนี้ หลังเดินทางถึงนครฮาร์บิน ร่วมพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ฤดูหนาว ครั้งที่ 9

ระเบิดปัตตานี

ลอบบึ้มริมถนนสาย 43 จ.ปัตตานี ตำรวจเจ็บ 4 นาย

ลอบบึ้มริมถนนสาย 43 อ.หนองจิก จ.ปัตตานี แรงระเบิดทำให้ตำรวจได้รับบาดเจ็บ 4 นาย ชาวบ้านเผยเจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าวมาปฏิบัติหน้าที่เป็นปกติทุกวัน คาดคนร้ายเฝ้าสังเกตพฤติกรรมต่อเนื่อง

เข้าสู่คืนที่ 2 ตัดไฟฟ้าชายแดนเมียนมา ทำลายวงจรแก๊งคอลเซ็นเตอร์

เข้าสู่คืนที่ 2 สำหรับการตัดกระแสไฟฟ้า ตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ต และระงับการส่งน้ำมัน จากฝั่ง อ.แม่สอด จ.ตาก ไปเมืองเมียวดีของเมียนมา เพื่อตัดวงจรกลุ่มจีนเทา พบมีการใช้ไฟฟ้าน้อยลง