นนทบุรี 19 พ.ค. – ชสอ.ยืนยันเตรียมสํารองสภาพคล่องทางการเงิน และร่วมมือกับสหกรณ์ออมทรัพย์ต่าง ๆ เป็นเครือข่าย พร้อมช่วยเหลือสหกรณ์ออมทรัพย์ที่ประสบปัญหาสภาพคล่อง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (19 พ.ค.) ชุมนุมสหกรณ์ออมทรัพย์แห่งประเทศไทย จำกัด (ชสอ.) ได้ประชุมสมาชิก 60 องค์กร รวมกว่า 100 ชีวิต กรณีการลงทุนในหุ้นกู้ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI โดยมีพลตำรวจโทวิโรจน์ สัตยสัณห์สกุล ประธานกรรมการ ชสอ. พร้อมด้วยคณะกรรมการ ร่วมประชุมครั้งนี้ พลตำรวจโทวิโรจน์ ได้ชี้แจงสถานะทางการเงินของ ชสอ. ณ วันที่ 18 พฤษภาคม 2563 ว่า มีความมั่นคง โดยมีการเตรียมพร้อมสํารองสภาพคล่องไว้ รวมทั้งสิ้น 21,754.40 ล้านบาท คิดเป็น 18.23% ของเงินรับฝากและตั๋วสัญญาใช้เงินที่มีมูลค่า 119,324.92 ล้านบาท พร้อมยืนยันว่าขณะนี้ ชสอ.และสหกรณ์ออมทรัพย์ยังไม่ได้เกิดความเสียหายใด ๆ การดําเนิน ธุรกิจยังดําเนินไปตามปกติทุกประการ ไม่มีอะไรต้องกังวลหรือตื่นตระหนกตกใจไปเกินกว่าสถานการณ์ที่เป็นจริง ขอให้สมาชิกทั้งหลายโปรดมั่นใจและไว้วางใจในสหกรณ์ออมทรัพย์ของพวกเราทุกคน
สําหรับการลงทุนในหุ้นกู้ THAI ของ ชสอ. ชี้แจงว่า ชสอ.มีเงินลงทุนในหุ้นกู้ THAI ต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2554 เป็นเงินทั้งสิ้น 1,911.00 ล้านบาท หรือมีต้นทุนที่ซื้อในตลาดรอง เป็นเงินทั้งสิ้น 1,919.45 ล้านบาท คิดเป็น 1.25% ของสินทรัพย์รวม ที่ 153,799.93 ล้านบาท ขณะที่ ชสอ.มีอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงตามแนวทาง Basel ถึง 24.04%
ทั้งนี้ การลงทุนในหุ้นกู้ THAI ท้ังหมด ถือเป็นตราสารหนี้ ชสอ.มีฐานะเป็นเจ้าหนี้ ซึ่งที่ผ่านมา ชสอ.ยังได้รับเงินต้นและดอกเบี้ยตามกําหนด ไม่มีเหตุอันเกิดความเสียหายต่อ ชสอ. หุ้นกู้ดังกล่าวของ ชสอ.เป็นไปตามพระราชบัญญัติสหกรณ์ พ.ศ. 2542 ตามมาตรา 62 (3) และ (7) และข้อกําหนดของคณะกรรมการพัฒนาการสหกรณ์แห่งชาติ โดยหุ้นกู้ขณะนั้น ต้องมีอันดับเครดิต (Credit Rating) ไม่ต่ำกว่า A- ซึ่งหุ้นกู้ THAI อยู่ที่ระดับ A และเป็นหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ์
ด้านการบินไทยเป็นกิจการรัฐวิสาหกิจ มีกระทรวงการคลังถือหุ้น 51.03% กองทุนวายุภักษ์ 15.12% และธนาคารออมสิน 2.13% รวมทั้งสิ้น 68.28% โดยปี 2562 การบินไทยมีสินทรัพย์ 256,665 ล้านบาท และมีหนี้สิน 244,899 ล้านบาท ขณะเดียวกันมีรายได้รวม 188,954.45 ล้านบาท ปี 2562 ชสอ.เชื่อว่ากิจการของการบินไทยยังมีศักยภาพเชิงธุรกิจที่สามารถก้าวเดินต่อไปได้ หากมีแผนฟื้นฟูที่กิจการชัดเจนและมีศักยภาพ โดยแผนฟื้นฟูกิจการดังกล่าวได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) แล้ว และวันนี้ (19 พ.ค.) จะมีการนําเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณา
สำหรับสหกรณ์ออมทรัพย์ถือหุ้นกู้การบินไทยมีทั้งหมด 82 สหกรณ์ เป็นหุ้นกู้ 81 สหกรณ์ มูลค่า 42,000 ล้านบาท สหกรณ์ออมทรัพย์เหล่านี้มีสินทรัพย์รวมกัน 1.77 ล้านล้านบาท ถ้าเทียบกับสินทรัพย์ในสหกรณ์ออมทรัพย์ทั่วประเทศ เป็นเงินท้ังหมด 3.3 ล้านล้านบาท ชสอ.ยืนยันว่าสหกรณ์ออมทรัพย์กลุ่มนี้เป็นสหกรณ์ขนาดใหญ่มากและมีฐานะการเงินมั่นคงสูง ถ้าเทียบปริมาณหุ้นกู้ที่ลงในบริษัทการบินไทยต่อสินทรัพย์แล้ว อยู่ที่ 3.61 % ของสินทรัพย์รวมเท่านั้น จะเห็นได้ว่า สัดส่วนลงทุนในหุ้นกู้บริษัทการบินไทยฯ นั้น มีเพียงนิดเดียว เมื่อเทียบกับสถานะทางการเงินของสหกรณ์โดยรวม ซึ่งหุ้นกู้บริษัทการบิไทยทั้งหมดที่สหกรณ์ออมทรัพยเข้าไปลงทุนนั้น จะทยอยครบกําหนดการชําระ เงินคืน ตั้งแต่ปี 2563 ถึงปี 2577
ทั้งนี้ ปี 2563 จะมีครบกําหนดทั้งหมด 20 สหกรณ์ เป็นเงิน 1,108 ล้านบาท เฉลี่ยครบกําหนดกระจายไปยังสหกรณ์ละ 30 ล้านบาท หรือ 40 ล้านบาท หรือ 100 ล้านบาท โดยจะครบเดือนสิงหาคม และกันยายน 2563 ส่วนใหญ่สหกรณ์ออมทรัพย์เหล่านี้จะปิดบัญชีตามรอบปีบัญชี 31 ธันวาคม 2563 แม้จะต้องตั้งสํารองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญเต็ม 100% ถ้าหนี้ไม่ได้รับชําระปี 2563 ชสอ.มั่นใจและเชื่อว่าจะไม่มีสหกรณ์ใดขาดทุนจากการตั้งสํารองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญในปีนี้ และจะส่งผลต่อกําไรสุทธิและเงินปันผลไม่มากนัก ซึ่งกรมส่งเสริมสหกรณ์มีมาตรการรองรับไม่ให้มีผลกระทบมากนักไว้แล้ว
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าทางออกของวิกฤติการบินไทย การดำเนินการตามแผนฟื้นฟูกิจการ ชสอ.พร้อมเป็นศูนย์กลางของ ขบวนการสหกรณ์ออมทรัพย์ท้ังหมด เนื่องจาก ชสอ. และสหกรณ์ออมทรัพย์เป็นเจ้าหนี้ถึง 42,000 ล้านบาท เกือบ 20 % ของหนี้ทั้งหมดในการบินไทย ชสอ.ควรมีอํานาจต่อรองแผนฟื้นฟูกิจการ เพื่อให้สหกรณ์ออมทรัพย์ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด เพื่อให้สมาชิกของสหกรณ์ออมทรัพยเสียประโยชน์น้อยที่สุด.-สำนักข่าวไทย