ทำเนียบ 17 มิ.ย.-“จุฬา” เผย ครม.ไฟเขียวคืนสิทธิ์ที่ดิน MRO ในอู่ตะเภาให้ EEC สามารถเปิดประมูลใหม่ หรือให้เอกชนที่มีศักยภาพเข้ามาลงทุน ส่วนการบินไทยจับพาร์ทเนอร์รายใหม่เข้ามาลงทุนได้ เผยสัญญาไฮสปีด 3 สนามบิน จ่อเข้า ครม.ก.ค. ลงนามเอกชน ส.ค.นี้
นายจุฬา สุขมานพ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) เปิดเผยว่าภายหลังจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบมติคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) ในการยกเลิกมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2561 เรื่อง ขออนุมัติโครงการศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานอู่ตะเภา (Maintenance Repair and Overhaul : MRO) ซึ่งเดิมนั้นให้สิทธิ์กับการบินไทย ที่มีการร่วมทุนกับแอร์บัส ทั้งนี้ภายหลังจากที่มีการยกเลิกมติ ครม.เดิม EEC สามารถนำที่ดินในส่วนนั้นมาให้เอกชนเช่าเพื่อทำโครงการใหม่ได้
ส่วนจะเปิดประมูลให้เอกชนเข้ามาประมูล MRO ใหม่หรือไม่นั้นขณะนี้กำลังพิจารณาเนื่องจากมีเอกชนอยู่ไม่กี่รายที่สามารถจะลงทุนในโครงการลักษณะนี้ได้ นอกจากนี้เอกชนที่มีศักยภาพนั้นอาจจะมีการจับมือกันเพื่อมาลงทุนในโครงการนี้ ส่วนการบินไทยหากยังสนใจที่จะลงทุนในโครงการนี้ก็สามารถหาพาร์ทเนอร์เข้ามาร่วมลงทุนได้ ซึ่งการบินไทยก็อยู่ในเกณฑ์ที่จะเข้ามาลงทุนเนื่องจากมีเครื่องบินจำนวนมากที่สามารถเข้าซ่อมบำรุงในประเทศแทนที่จะต้องไปใช้บริการในต่างประเทศ
ทั้งนี้พยายามที่จะเริ่มให้มีการลงทุนในโครงการ MRO ในสนามบินอู่ตะเภาได้ในปีนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับแผนการลงทุนรันเวย์ที่ 2 และอาคารผู้โดยสารใหม่ที่มีการลงทุนเพิ่มขึ้นในสนามบินอู่ตะเภา หากเริ่มลงทุนได้ในปีนี้จะสามารถเปิดให้บริการในปี 2572
“โครงการ MRO นั้นหากไม่ใช้การประมูล จะเป็นการเชิญชวนเอกชนเข้ามาลงทุน อาจเป็นเอกชนไทย หรือจากต่างประเทศ หรือที่มาลงทุนร่วมกัน ซึ่งต้องดูในรายละเอียด โดยกฎหมายสามารถทำได้” นายจุฬา กล่าว
สำหรับความคืบหน้าของโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (สุวรรณภูมิ – ดอนเมือง – อู่ตะเภา) ตอนนี้ยังอยู่ในขั้นตอนที่อัยการสูงสุดยังตรวจร่างสัญญาอยู่ คาดว่าเมื่อแล้วเสร็จจะสามารถเข้าสู่ที่ประชุมเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) ได้ภายในเดือนมิ.ย.นี้ จากนั้นจะเข้าสู่ที่ประชุม ครม.ในเดือน ก.ค.และคาดว่าจะลงนามสัญญาใหม่กับเอกชนได้ภายในเดือน ส.ค.2568 ในส่วนของการส่งมอบพื้นที่ก็ไม่มีอะไรที่ติดขัดสามารถที่จะดำเนินการก่อสร้างได้เมื่อมีการลงนามในสัญญาแล้ว
เมื่อถามว่าอัยการสูงสุดมีการดูรายละเอียดของสัญญาในส่วนใดบ้างนายจุฬา กล่าวว่าส่วนใหญ่เป็นการดูในถ้อยคำว่าในส่วนของข้อกฎหมายเป็นอย่างไร หากมีการปรับแก้แล้ว จะมีผลทางกฎหมายอย่างไร ถ้อยคำต่างๆนั้นมีความชัดเจนหรือไม่ หากทั้งหมดไม่มีการแก้ไขก็ส่งเข้าบอร์ด กพอ. และเสนอ ครม.ตามขั้นตอนต่อไป.-314.-สำนักข่าวไทย