กรุงเทพฯ 4 ส.ค. – THAI เดินหน้าขยายฝูงบินครบ 150 ลำ ภายในปี 76 ระบุซื้อเครื่องบินใหม่ แม้จะถูกนำไปเป็นข้อต่อรองภาษีสหรัฐ แต่สุดท้ายขึ้นอยู่กับการติดสินใจของการบินไทย ไม่ถูกการเมืองแทรกแซง พร้อมเตรียมแผนลงทุนศูนย์ซ่อม MRO อู่ตะเภา ร่วมกับ BA มูลค่า 1 หมื่นล้านบาท เดินหน้า ทำตามแผนสร้างรายได้ 4 แสนล้าน ปี 76
นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานกรรมการ บมจ. การบินไทย (THAI) เปิดเผยภายหลัง THAI จัดพิธีเปิดการกลับเข้าซื้อขายหลักทรัพย์วันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยอีกครั้งอย่างเป็นทางการในวันที่ 4 สิงหาคม 2568 หลังจากประสบความสำเร็จจากการฟื้นฟูกิจการ ว่าแผนการจัดหาเครื่องบินของการบินไทยไม่เกี่ยวข้องกับภาษีนำเข้าของสหรัฐอเมริกา ซึ่งได้มีการตกลงราคาซื้อขายไว้เรียบร้อยแล้ว โดยเป็นเครื่องบินแบบโบอิ้ง 45 ลำ และในระยะถัดไปจะมีการจัดหาอีก 35 ลำ ซึ่งอาจจะเป็นเครื่องบินแบบโบอิ้ง แต่ในปีนี้ยังไม่สามารถรับมอบเครื่องบินได้ เนื่องจากทางบริษัทผลิตไม่ทัน คาดว่าน่าจะเป็นช่วงต้นปี 2571 จากเดิมที่คาดว่าจะเป็นกลางปี 2570
ส่วนเงื่อนไขการเจรจาภาษีสหรัฐที่ทีมไทยแลนด์ให้รายละเอียดไว้ ว่าจะมีการซื้อเครื่องบินจากสหรัฐเพิ่ม 80-90 ลำนั้น การบินไทยได้ซื้อเครื่องบินไปแล้ว 45 ลำ ส่วนอีก 35 ลำ เป็น Options ซึ่งต้องขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของการบินไทย ว่าจะตัดสินใจเลือกจำนวนเท่าไหร่ และเป็นเครื่องบินแบบไหน พร้อมยืนยันว่าไม่มีแรงกดดันจากฝ่ายการเมือง โดยเป็นแผนธุรกิจของการบินไทยตั้งแต่อยู่ในแผนฟื้นฟูอยู่แล้ว

นายชาย เอี่ยมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร THAI กล่าวว่า มองว่าหุ้น THAI เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนแบบ Value Investor คาดวันหนึ่งจะกลับเข้าไปอยู่ใน SET50 ได้ ซึ่งบริษัทสามารถทำรายได้ตามเป้าหมายในช่วงครึ่งแรกในปีนี้ คาดครึ่งปีหลังก็เป็นไปตามคาด โดยมียอดจองที่นั่งล่วงหน้าใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แนวโน้มในช่วงที่เหลือของปี ถึงแม้ประเทศไทยจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวที่น้อยลง แต่เป้าหมายผู้โดยสารหลักของ THAI เป็นกลุ่มผู้เดินทางเพื่อธุรกิจในเส้นทางระยะไกล มีนักท่องเที่ยวเป็นส่วนน้อย โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีน และทาง THAI เองก็มีกำไรมาตลอด 10 ไตรมาสที่ผ่านมาติดต่อกัน ไม่ว่าจะเป็นช่วง high หรือ low season และถ้าหากบริษัทฯ มีกำไรสุทธิเป็นบวก ก็จ่ายเงินปันผลให้กับผู้ลงทุนได้ โดยอย่างต่ำจะคิดเป็น 25% ของกำไรสุทธิ
“การบริหารจัดการของ THAI ทำได้ดีแล้ว แต่บริษัทยังขาดแคลนเครื่องบิน ซึ่งถึงแม้รัฐบาลไทยจะมีดีลการค้ากับสหรัฐฯ ที่ระบุไว้ว่าไทยต้องนำเข้าเครื่องบินโบอิ้ง แต่การตัดสินใจซื้อเครื่องบินสุดท้ายแล้วจะขึ้นอยู่กับบริษัท ไม่มีแรงกดดันทางการเมืองใด ๆ รวมถึง การนำเข้าเครื่องบินไม่ว่าจะมาจากผู้ผลิตประเทศใดก็ตาม ทาง BOI ก็จะยกเว้นภาษีนำเข้าให้อยู่แล้ว โดยบริษัทจะจัดหาเครื่องบินเข้าร่วมฝูงบินให้ได้ถึง 150 ลำภายในปี76 สัดส่วนคิดเป็นโบอิ้งและแอร์บัส 60:40 เพื่อช่วยผลักดันรายได้ทะลุ 4 แสนล้านบาทตามเป้าหมาย ซึ่งจะรวมทั้งแผนเพิ่มมาร์เก็ตแชร์ในสนามบินสุวรรณภูมิเป็น 35% จาก 26% ภายในปี72” นายชาย ระบุ
สำหรับโครงการศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน (MRO) ที่สนามบินอู่ตะเภานั้น THAI ได้รับจดหมายเชิญจากสำนักงานเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) แล้วเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยบริษัทยินดีเข้าร่วมลงทุน และต้องยื่นข้อเสนอภายในสิ้นเดือนก.ย. คาดว่ามูลค่าลงทุนรวมประมาณ 10,000 ล้านบาท และน่าจะเริ่มก่อสร้างภายในปี 70 ซึ่งได้หารือกับ บมจ.การบินกรุงเทพ [BA] ซึ่งจะมาร่วมลงทุนในพื้นที่โครงการ MRO ด้วยกัน
ทั้งนี้ ราคาหุ้น THAI กลับเข้าเทรดวันแรกปิด 10.50 บาท เท่ากับช่วงเปิดเทรด ซึ่งมีมาร์เก็ตแคป 290,000 ล้านบาท จากราคาปิดซิลลิ่ง ที่ 3.32 บาท ในรอบ 5 ปี ตลาดหลักทรัพย์ระบุ วันแรกของการเทรด THAI จะไม่มีการกำหนดราคาสูงสุด-ต่ำสุด (Ceiling & Floor) รวมถึงไม่มีการใช้ Dynamic Price Band และ Auto Pause ราคาหุ้นจะเคลื่อนไหวตามกลไกตลาดเต็มรูปแบบ ขึ้นอยู่กับอุปสงค์ และอุปทาน โดยตลาดหลักทรัพย์ฯ จะนำเกณฑ์ Celling & Floor ปกติ,เกณฑ์ Dynamic Price Band Iเละเกณฑ์ Auto Pause มาใช้กับหลักทรัพย์ THAI ในวันทำกาการถัดไป
การคำนวณดัชนี: ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะนำ THAI มารวมในการคำนวณ SET Indexในวันทำการถัดไป นับจากวันที่มีการซื้อขายหลักกรัพย์เป็นวันแรก
ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (TFEX) ยังคงหยุดพักการซื้อขาย THAI Futures ต่อไป เนื่องจากหลักทรัพย์ THAI ได้มีการหยุดพักการซื้อขายเป็นระยะเวลานาน ทำให้ไม่สามารถประเมินความผันผวนของราคาและสภาพคล่องในการซื้อขาย ซึ่งส่งผลต่อความสามารถในการใช้หลักทรัพย์ THAI เป็นสินค้าอ้างอิงของ Single Stock Futures ตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงยังไม่อนุญาตให้ขายซอร์ตในหลักทรัพย์ THAI
ผู้ที่มีส่วนร่วมในการบริหารงาน (Strategic Shareholders) จะถูกห้ามขายหลักทรัพย์ THAI รวมเท่ากับร้อยละ 55 ของทุนชำระแล้วของบริษัทฯ ตามเกณฑ์ Silent Period โดยหุ้นดังกล่าวจะถูกห้ามขายเป็นระยะเวลา 1 ปี โดยเมื่อครบ 6 เดือน จะสามารถทยอยขายได้ร้อยละ 25 ของหันที่ถูกสั่งห้ามขาย. -511- สำนักข่าวไทย