กรมอนามัย 15 พ.ค.-กรมอนามัย ขอความร่วมมือผู้ประกอบการที่ได้รับการผ่อนปรน คุมเข้มความสะอาดปลอดภัยสถานที่ให้บริการ โดยเฉพาะจุดสัมผัสร่วมในห้องส้วม ให้หมั่นทำความสะอาดทุก 2 ชั่วโมง เพื่อลดการแพร่เชื้อโควิด-19
พญ.พรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข (สธ.)กล่าวว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ในประเทศไทยมีแนวโน้มดีขึ้น หลาย ๆ สถานประกอบการได้รับการผ่อนปรนมาตรการเปิดให้บริการแต่ยังอยู่ภายใต้การควบคุมอย่างเคร่งครัด โดยขอความร่วมมือประชาชนล้างมือเป็นประจำ และสวมหน้ากากทุกครั้งเมื่อออกนอกบ้านหรือพบปะพูดคุยกับผู้อื่น รวมทั้งมีการวางแผนที่ดีเพื่อใช้เวลานอกบ้านให้น้อยที่สุด
สำหรับประชาชนที่ยังต้องออกไปทำงานและใช้ชีวิตนอกบ้าน อาจทำให้เสี่ยงต่อการสัมผัสเชื้อโรคในพื้นที่สาธารณะหรือสถานประกอบการ ที่เข้าไปใช้บริการ หากไม่มีการควบคุมป้องกันที่ดีและเป็นพื้นที่ที่มีการสัมผัสร่วม เช่น ส้วมสาธารณะ หรือส้วมในสถานที่ทำงาน ผู้ใช้บริการอาจมีความเสี่ยงในการติดเชื้อโควิด-19 ผ่านทางละอองน้ำมูก น้ำลาย หรือนำมือที่สัมผัสละอองเหล่านี้มาสัมผัสใบหน้าก็ทำให้มีโอกาสติดเชื้อมากขึ้นได้
ซึ่งจากการลงสุ่มสำรวจติดตามสถานประกอบการที่ได้รับการผ่อนปรนพบว่า ส่วนใหญ่ปฏิบัติตามมาตรการหลัก แต่ยังพบข้อจำกัดในการทำความสะอาดห้องส้วม ดังนั้น ทุกสถานประกอบการที่ได้รับการผ่อนปรน จึงต้องมีการควบคุมและทำความสะอาดส้วมมากขึ้น โดยเฉพาะการทำ ความสะอาดจุดที่มีการสัมผัสร่วมบ่อย ๆ ทุก 2 ชั่วโมง เช่น พื้นห้องส้วม โถส้วม ที่กดชักโครกหรือโถปัสสาวะ สายฉีดชำระ กลอนหรือลูกบิดประตู ฝารองนั่ง ฝาปิดชักโครก ก๊อกน้ำ และอ่างล้างมือ ให้ทำความสะอาดด้วยน้ำยา ทำความสะอาดหรือน้ำยาฆ่าเชื้อ เมื่อเสร็จงานให้ซักผ้าที่ใช้แล้วและไม้ถูพื้นให้สะอาด และนำไปผึ่งแดดให้แห้ง
“ทั้งนี้ ขณะปฏิบัติงานผู้ทำความสะอาดต้องสวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยทุกครั้ง สวมถุงมือยางและผ้ายางกันเปื้อน สวมรองเท้าพื้นยางหุ้มแข้ง หลีกเลี่ยงการใช้มือสัมผัสใบหน้าโดยไม่จำเป็นและหลังจากปฏิบัติงานเสร็จต้องล้างมือให้สะอาดด้วยสบู่และน้ำทันที นอกจากนี้ในส่วนของผู้ใช้ส้วมสาธารณะหรือส้วมในสถานที่ทำงานต้องดูแลสุขอนามัยตนเองโดยล้างมือด้วยสบู่และน้ำทุกครั้งหลังเข้าห้องส้วมและปิดฝาชักโครกก่อนกดน้ำ รวมทั้งลดการสัมผัสเชื้อโรคให้มากที่สุด เช่น ให้ฉีดน้ำจากสายฉีดชำระก่อนใช้ และหลังใช้เสร็จแล้วควรทำความสะอาดให้เรียบร้อยด้วย เพื่อสุขอนามัยส่วนรวม” อธิบดีกรมอนามัย กล่าว .-สำนักข่าวไทย