ศบค.เผยตัวเลขผู้ป่วยใหม่ 1 ราย ไม่มีเสียชีวิตเพิ่ม

ทำเนียบฯ 5 พ.ค.- ศบค.เผยตัวเลขผู้ป่วยใหม่ 1 ราย ไม่มีเสียชีวิตเพิ่ม ขณะที่การตรวจกิจการและกิจกรรมที่ได้รับการผ่อนคลาย พบร้อยละ 96 ปฏิบัติตามมาตรการ โดยร้านอาหารไม่ปฏิบัติตามมาตรการมากที่สุดร้อยละ 6.7 


นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงสถานการณ์โควิด-19 ว่าวันนี้ (5 พ.ค.)ไทยมีรายงานผู้ป่วยใหม่ 1 ราย รวมผู้ป่วยสะสมเพิ่มขึ้นเป็น 2,988 ราย รักษาหาย 2,747 ราย รักษาตัวอยู่ 187 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม ทำให้มีผู้เสียชีวิตคงเดิม รวม 54 ราย

ทั้งนี้จากจำนวนตัวเลขผู้ป่วยใหม่ 1 ราย เป็นชายไทย อายุ 45 ปี มีภูมิลำเนาที่จังหวัดนราธิวาส มีโรคประจำตัวคือเบาหวาน วันที่ 25 เมษายน มีอาการไอ ไข้ มีน้ำมูก เจ็บคอ มีเสมหะและหายใจเหนื่อย เข้าตรวจที่โรงพยาบาลพบมีอาการปอดอักเสบและเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งที่จังหวัดนราธิวาส พร้อมส่งตรวจยืนยันพบเชื้อโควิด-19  ทั้งนี้มีปัจจัยเสี่ยงทั้งประวัติการเดินทางเข้าร่วม ศาสนพิธีที่ต่างประเทศ และมีประวัติสัมผัสกับคนในครอบครัวและเดินทางไปยังสถานที่ชุมชน ซึ่งทั้งหมดจะต้องหาสาเหตุอยู่ว่าติดเชื้อจากที่ใด 


โฆษก ศบค. กล่าวว่า ส่วนกรณีพบผู้สงสัยติดเชื้อในจังหวัดยะลา 40 ราย จากการค้นหาเชิงรุก ซึ่งภายหลังมีการตรวจใหม่อีกครั้ง พบไม่ติดเชื้อนั้น ต้องรอตรวจสอบและเก็บตัวอย่าง พร้อมกับทบทวนกระบวนการตรวจเชื้อทั้งหมดอีกครั้ง โดยในช่วงบ่ายวันนี้ กระทรวงสาธารณสุขจะประชุมแนวทางในการดูแลเรื่องนี้ โดยเฉพาะการดูแลมาตรฐานห้องปฏิบัติการต่าง ๆ รวมถึงชี้แจงข้อสงสัยต่าง ๆ ด้วย

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ผู้ป่วยยืนยัน 2 สัปดาห์ล่าสุดจำแนกตามปัจจัยเสี่ยง พบมาจากศูนย์กักกัน 60 ราย สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้านี้ 49 ราย การค้นหาเชิงรุก 31 ราย ผู้ป่วยเดินทางจากต่างประเทศและอยู่ในสถานที่ที่รัฐจัดให้ 13 ราย และไปในที่ชุมชน 8 ราย 

โฆษก ศบค. กล่าวว่า จากรายงานผลสำรวจของประชาชน 99,865 คน ถึงการปฎิบัติตามมาตรการอยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ ตลอดเดือนเมษายนที่ผ่านมา พบว่าร้อยละ  99.8 เข้าใจว่าควรทำตามมาตรการอย่างไร และร้อยละ 93.8 เห็นว่ามาตรการดังกล่าวช่วยลดการแพร่ระบาดของเชื้อได้ ส่วนผลสำรวจพฤติกรรมการป้องกันตนเองจากประชาชน 99,848 ราย พบว่า มีการใส่หน้ากากอนามัย ร้อยละ 91.2 ล้างมือด้วยสบู่และใช้แอลกอฮอล์ ร้อยละ 87.2 กินร้อนช้อนตัวเอง ร้อยละ 86.1 รักษาระยะห่าง ร้อยละ 65.3 และไม่จับจมูกและปากร้อยละ 62.9


นอกจากนี้ได้สำรวจสถานที่ที่ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 69.9 เห็นว่าควรเปิด คือตลาดสด ร้านสะดวกซื้อและห้างสรรพสินค้า และร้อยละ 45.7 ร้านตัดผม คลินิกเสริมความงาม นวดแผนโบราณและสปา ส่วนสถานที่ที่ประชาชนส่วนใหญ่เห็นว่าไม่ควรเปิด คือ สนามมวย สนามกีฬา สนามม้า ร้อยละ 90.5 / ผับ สถานบริการ สถานประกอบการอาบอบนวด ร้อยละ 89.9 / ศูนย์เด็กเล็กโรงเรียนร้อยละ 64.6 /มหาวิทยาลัย ร้อยละ 56.5 /สนามเด็กเล่น ฟิตเนส สวนสาธารณะ ร้อยละ 49.6 /แหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ พิพิธภัณฑสถานห้องสมุด ศาสนสถาน ร้อยละ 49 /ร้านอาหาร ร้านกาแฟ หรืออื่น ๆ ที่ให้นั่งกินร้อยละ 43.4 /สถานีขนส่งร้อยละ 42.7 

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ส่วนความกังวลของประชาชนในการยินยอมให้รัฐจัดสถานที่ควบคุมเพื่อสังเกตอาการเริ่มป่วยในชุมชนพบว่าร้อยละ 80 ยินยอม และร้อยละ 20 ไม่ยินยอม แต่ทั้งนี้มีความกังวลว่าผู้กักกันตัวจะออกมาในชุมชน ผู้ปฏิบัติงานในสถานที่ดังกล่าวจะพาเชื้อออกมา รวมถึงเรื่องของความสะอาดสถานที่บริเวณโดยรอบและพาหนะ วัสดุอุปกรณ์จะปนเปื้อนออกมา 

โฆษก ศบค. กล่าวว่า สถานการณ์โลกพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รวม 3,645,539 ราย เสียชีวิต 252,396 ราย สหรัฐอเมริกาพบติดเชื้อมากที่สุด  1,212,835 ราย เสียชีวิต 69,921 ราย ขณะที่ไทยอยู่ที่อันดับที่ 61 ของโลก

อย่างไรก็ตาม วันนี้จะมีเที่ยวบินคนไทยที่ตกค้างกลับไทย จากฝรั่งเศส 16 คนอินเดีย 220 คนและในวันที่ 6 พฤษภาคม กลับจากเมียนมา เยอรมนี ปากีสถาน วันที่ 7 พฤษภาคมกลับจากแอฟริกา เกาหลีใต้ วันที่ 8 พฤษภาคม จากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และอียิปต์ วันที่ 9 พฤษภาคม จากญี่ปุ่น เนเธอร์แลนด์ เวียดนาม วันที่ 10 พฤษภาคม จากไต้หวัน สหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ผู้เดินทางเข้าประเทศที่ต้องกักกันตัวในสถานที่ที่รัฐจัดไว้ ตั้งแต่วันที่ 3 เมษายนถึง 4 พฤษภาคม มีจำนวน 12,385 ราย กลับบ้าน 3,302 รายและพบติดเชื้อ 84 ราย

ทั้งนี้จากการตรวจกิจการและกิจกรรมที่ได้รับการผ่อนคลาย ในวันที่ 4 พฤษภาคมจำนวน 9,383 แห่ง พบว่าปฏิบัติตามมาตรการ 9,032 แห่ง คิดเป็นร้อยละ 96 และไม่ปฏิบัติตามมาตรการ 351 แห่ง คิดเป็นร้อยละ 4 โดยพบว่า ร้านอาหารไม่ปฏิบัติตามมาตรการมากที่สุดร้อยละ 6.7 ร้านเสริมสวย ไม่ปฏิบัติตาม ร้อยละ 3.1 ห้างในส่วนที่เปิดให้บริการ ไม่ปฏิบัติตาม ร้อยละ 1.7 และตลาดร้านค้าปลีก ร้อยละ 1.5 ส่วนสนามกีฬาไม่ปฏิบัติตาม ร้อยละ 4.7 ร้านสัตว์เลี้ยง ร้อยละ 2 สวนสาธารณะ ร้อยละ 1.7 ขณะที่สนามกอล์ฟปฏิบัติตามมาตรการทั้งหมด.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.ตร.รับทราบเหตุปะทะเดือดสงขลา ปิดล้อมกลุ่มก่อความไม่สงบ

รัฐสภา 11 ก.ย.- “บิ๊กต่าย” พยักหน้ารับทราบ เหตุปะทะเดือด เจ้าหน้าที่ปิดล้อมกลุ่มก่อความไม่สงบ พื้นที่ จ.สงขลา ระบุขอเข้าประชุมก่อน พลตํารวจเอก กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางมาประชุมร่วมกับกรรมาธิการการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร ที่อาคารรัฐสภา โดยผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามว่า ได้รับรายงานเรื่องการปะทะเดือด เจ้าหน้าที่ปิดล้อมกลุ่มก่อความไม่สงบ ที่บ้านห้วยเต่า สงขลา แล้วหรือไม่ โดยพลตํารวจเอก กิตติ์รัฐ พยักหน้า แต่ไม่ได้ตอบคำถาม ระบุเพียงว่าขอเข้าประชุมก่อน -สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” ชี้เป้าตลก 3 พยางค์ ส่อโยงเส้นเงินวัดพระบาทน้ำพุ

รัฐสภา 11 ก.ย.- “บิ๊กเต่า” ชี้เป้าตลก 3 พยางค์โผล่วันจับ “ทิดอลงกต” ส่อโยงเส้นเงินวัดพระบาทน้ำพุ พบพิรุธ ยังไม่มารายงานตัว พลตำรวจตรี จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กล่าวถึงความคืบหน้าคดีทิดอลงกต วัดพระบาทน้ำพุ ที่มีการเปิดเผยออกมาว่า ตลกชื่อ 3 พยางค์ มีส่วนเกี่ยวข้องกับเงินวัดพระบาทน้ำพุด้วย ว่า มีตลกอีก 1 คนที่ยังเป็นเป้าหมายยังไม่ได้มาแสดงตัวและยังไม่ได้มาให้การ พนักงานสอบสวนจะเรียกมาเอง ซึ่งพบพิรุธเยอะว่าทำอะไรที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายหรือไม่เป็นไปตามวิธีการที่ทำในการเข้าไปช่วยเหลือ ทิดอลงกต ในการขนย้ายสิ่งของ ซึ่งเป็นเอกสารสำคัญ และไม่เหมือนดาราท่านอื่น ที่เป็นการรับจ้างงาน แต่คนนี้น่าจะเป็นคนที่สนิทส่วนตัว เป็นคนที่เคยถูกดำเนินคดีอยู่ เมื่อถามว่าเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้เลยใช่หรือไม่ พลตำรวจตรี จรูญเกียรติ กล่าวว่าเป็นคนลึกลับซับซ้อน ซึ่งเป็นคนที่เคยโผล่ให้เห็นในวันที่ทิดอลงกตถูกจับ -สำนักข่าวไทย

พ.อ.นพ.ธวัชชัย เล่านาที จนท.สวนสัตว์ ลงจากรถ แล้วถูกสิงโตตะปบรุมขย้ำ

กทม. 10 ก.ย.-พ.อ.นพ.ธวัชชัย เล่านาที สิงโตตะปบเจ้าหน้าที่สวนสัตว์ จากนั้นสิงโตอีก 5 ตัว รุมขย้ำ โดยที่เจ้าตัวไม่ได้ขัดขืนหรือร้องขอความช่วยเหลือ พ.อ.นพ.ธวัชชัย กาญจนรินทร์ อดีตอาจารย์และแพทย์ศัลยกรรม โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า หรือเป็นที่รู้จักในฐานะหมอที่มาช่วยเหลือในคดีการเสียชีวิตของแตงโม ซึ่งเป็นผู้เห็นเหตุการณ์ระบุว่า วันนี้ตนมาเที่ยวสวนสัตว์ โดยได้ขับรถเข้าไปในโซนซาฟารี ขณะนั้นมีรถนักท่องเที่ยวหลายคันเข้าชม เมื่อมาถึงบริเวณโซนสิงโต ก็พบว่ามีรถของเจ้าหน้าที่รายหนึ่งซึ่งเป็นรถของสวนสัตว์จอดอยู่คันเดียว ตอนนั้นตนเองก็รู้สึกผิดสังเกต เพราะช่วงเวลาดังกล่าวไม่ใช่ช่วงเวลาให้อาหารสัตว์และเจ้าหน้าที่รายนี้อยู่คนเดียว ได้ลงมายืนข้างล่างของรถ ฝั่งคนขับ โดยเปิดประตูทิ้งไว้ แต่ไม่ได้ทำอะไร แค่ยืนเฉยๆ ลักษณะยืนหันหน้า เข้าหารถ หันหลังให้สัตว์ ซึ่งตนก็รู้สึกแปลกอย่างมาก อย่างไรก็ตาม เนื่องจากมีต้นไม้บัง ตนก็เลยไม่เห็นว่าในมือถืออะไร จากนั้นประมาณ 3 นาที ก็มีสิงโตตัวหนึ่งค่อยๆ ย่องมาทางข้างหลังช้าๆ ก่อนจะตะครุบเข้าข้างหลังเจ้าหน้าที่รายดังกล่าวทันที โดยที่เจ้าหน้าที่รายดังกล่าวไม่ได้มีท่าที ขัดขืน ดิ้นรนต่อสู้ หรือร้องขอชีวิตแต่อย่างใด หลังจากนั้น สิงโตตัวอื่นๆ ก็ค่อยๆ เดินตามมารุมกัดตามที่ปรากฏในคลิป ตนเองไม่รู้จะต้องทำอย่างไร ทำได้เพียงแต่บีบแตรรถ เช่นเดียวกับนักท่องเที่ยวคันอื่น ที่ช่วยกันบีบแตร ผ่านไปประมาณ 10 […]

สิงโตสวนสัตว์เอกชน ลาก จนท.ไปรุมกัด สาหัส

กทม. 10 ก.ย.-สิงโตในสวนสัตว์เอกชน ทำร้ายเจ้าหน้าที่ ลากไปรุมกัด อาการสาหัส นักท่องเที่ยวบันทึกเหตุการณ์ไว้ได้ พ.ต.อ.นิรุชพล โยธามาตย์ ผกก.สน.คันนายาว เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (10 ก.ย.68) ได้รับรายงานว่า เกิดเหตุสิงโตทำร้ายเจ้าหน้าที่ ภายในสวนสัตว์ของเอกชน จากการตรวจสอบพบว่า เจ้าหน้าที่ลงไปให้อาหาร โดยไม่ปฏิบัติตามกฎของบริษัท จึงทำให้ถูกสิงโตรุมทำร้าย เบื้องต้นอาการสาหัส นำตัวส่งโรงพยาบาล ประสานพนักงานสอบสวนเชิญตัวเจ้าหน้าที่ของสวนสัตว์มาสอบปากคำ และลงบันทึกประจำวัน โดยยังไม่มีญาติของเจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายมาแจ้งความแต่อย่างใด ทั้งนี้ ในคลิปเป็นเหตุการณ์ที่นักท่องเที่ยวบันทึกไว้ได้ บริเวณส่วนจัดแสดงสิงโต มีรั้วขนาดใหญ่เปิดให้รถเข้า-ออก เป็นพื้นที่เปิด ให้นักท่องเที่ยวขับรถเข้าไปด้านใน มีป้ายกำกับชัดเจนห้ามเปิดกระจกและห้ามลงจากรถ ด้านในจะมีรถของสวนสัตว์จอดดูแลความปลอดภัย และบางช่วงมีการจัดแสดงโชว์ให้อาหารสิงโตที่อยู่ด้านใน.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“พล.ท.บุญสิน” ยันยังไม่ดำเนินการโครงการอบรมโดรนเกษตร

กทม. 12 ก.ย.- “พล.ท.บุญสิน” แจงบริษัทเอกชนมามอบของ-ถ่ายรูป พร้อมเสนอโครงการอบรมโดรนเกษตร ยืนยันยังไม่ดำเนินการใดๆ ทั้งสิ้น เมื่อวันที่ 12 ก.ย.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึงกรณีที่มีบริษัทเอกชนเข้ามาถ่ายรูปร่วมกับแม่ทัพภาคที่ 2 โดยมีการนำโครงการ “อบรมการใช้อากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน ให้กับทหารเพื่อเป็นการเพิ่มทักษะ เพื่อใช้ในการเกษตร” วานนี้ (11 ก.ย.) ว่า บริษัทดังกล่าวได้เข้ามาพบเหมือนกับพี่น้องประชาชนและบริษัทต่างๆ ที่เข้ามาพบมอบของ เพียงแต่ว่าทางบริษัทนี้เข้ามานำเสนอโครงการโดรน ตนก็ไม่ได้พูดคุยอะไรมาก เพียงแต่รับฟังไว้ ประมาณ 10 นาที ทางคณะดังกล่าวก็ขอถ่ายภาพ ก่อนเดินทางกลับ “ผมยืนยันว่า ยังไม่ได้มีการดำเนินการทำอะไรเลย ยังไม่ผ่านการตรวจสอบให้รอบคอบ ยืนยันอีกครั้งยังไม่ได้ดำเนินการอะไรทั้งนั้น” พล.ท.บุญสิน กล่าว.-313.-สำนักข่าวไทย

“เฉลิมชัย” ไขก๊อกหัวหน้าพรรค ปชป. แบบไม่บอกกล่าว

พรรคประชาธิปัตย์ 12 ก.ย.-“เฉลิมชัย” ไขก๊อกจากหัวหน้าพรรค ปชป. แบบไม่บอกกล่าว ด้าน “ชัยชนะ” ยันไม่มีขัดแย้ง ในพรรครักกันดี ไม่มีแพแตก นายชัยชนะ เดชเดโช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ยื่นหนังสือลาออกจากหัวหน้าพรรค ประชาธิปัตย์ว่า ตนก็เพิ่งทราบข่าว โดยไม่ได้มีการบอกกล่าวล่วงหน้ามาก่อน แต่ยืนยันว่าในพรรคไม่ได้มีปัญหาขัดแย้งอะไร รักกันดี ทุกคนแต่การตัดสินใจลาออกครั้งนี้เป็นอย่างไรต้องไปถามนายเฉลิมชัยเอง แต่ยืนยันว่า หัวหน้าพรรคกรรมการบริหารพรรค ทุกคนมีความรักใคร่กันดี และตนเชื่อว่านายเฉลิมชัยก็เป็นคนหนึ่งที่รักพรรคประชาธิปัตย์ และทำงานให้กับพรรคมาโดยตลอด ซึ่งตนก็รู้สึกเสียดายและใจหายซึ่งที่ผ่านมานายเฉลิมชัย ก็ไม่ได้ส่งสัญญาณหรือบอกอะไร สำหรับขั้นตอนหลังจากนี้ จะดำเนินการอย่างไรนั้น นายชัยชนะกล่าวว่า ก็ต้องดำเนินการตามข้อบังคับพรรคและตามกฎหมาย โดยต้องเรียกประชุมวิสามัญ เพื่อนเลือก หัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคใหม่เมื่อถามว่าบทบาทของพรรคประชาธิปัตย์หลังจากนี้จะเป็นอย่างไรนั้น นายชัยชนะกล่าวว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคประชาธิปัตย์ก็ต้องทำหน้าที่กันต่อไป ส่วนกรรมการบริหารพรรคก็มาเลือกคัดสรรกันใหม่ และหลังจากนี้ต้องรอดูว่าใครจะเข้ามาบริหารพรรค และกำหนดนโยบายทิศทางพรรคอย่างไร แต่ตนก็เป็นสมาชิกพรรคคนหนึ่งที่ยังยืนหยัด อยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อถามว่าการที่นายเฉลิมชัย ลาออกตอนนี้ เป็นสัญญาณอะไรหรือไม่เนื่องจาก มีไทม์ไลน์ จะยุบสภา ภายใน สี่ เดือน จะไปสังกัดพรรคอื่นหรือไม่ ได้ชัยชนะกล่าวว่าอย่ามองเช่นนั้น เพราะตนเชื่อว่านายเฉลิมชัย […]

ผลักดัน “นางเขื่อน” พร้อมครอบครัว 7 คน กลับกัมพูชา

จันทบุรี 12 ก.ย. – ตม.ศรีสะเกษ ประสาน ตม.จันทบุรี ส่งตัว “นางเขื่อน” พร้อมครอบครัว รวม 7 คน กลับกัมพูชา หลังถูกกล่าวหาเป็นไส้ศึก และถูกชาวบ้านรวมตัวขับไล่ ทั้งยังพบอาศัยอยู่ในไทยอย่างผิดกฎหมาย เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดศรีสะเกษ นำตัวนางเขื่อน ชาวกัมพูชา และสมาชิกครอบครัว รวมทั้งหมด 7 คน เดินทางไปที่ด่านผ่านแดนถาวรบ้านแหลม จ.จันทบุรี โดยมีเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองจันทบุรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รอรับตัวอยู่ก่อนแล้ว เพื่อผลักดันกลับประเทศกัมพูชา เนื่องจากที่ผ่านมา นางเขื่อน ถูกชาวบ้านในพื้นที่ ต.ไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ รวมตัวกันขับไล่ หลังจากถูกกล่าวหาว่าเป็น “ไส้ศึก” คอยส่งข้อมูลเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของทหารไทยให้กับฝ่ายกัมพูชา และยังพบว่าทั้งหมดอาศัยอยู่ในประเทศไทยอย่างผิดกฎหมาย จึงดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายและระเบียบการต่างประเทศ เพื่อส่งตัวกลับภูมิลำเนา. – สำนักข่าวไทย

“ชัชชาติ” ยืนยันไม่ลาออกผู้ว่าฯ กทม. ก่อนครบวาระ

กรุงเทพฯ 12 ก.ย. – “ชัชชาติ” ยืนยันไม่ลาออกผู้ว่าฯ กทม. ก่อนครบวาระ งบปี 69 เน้นเส้นเลือดฝอยคู่เส้นเลือดใหญ่ สถานการณ์น้ำตอนนี้ เตรียมรับน้ำเหนือ-พายุ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ร่วมประชุมสภากรุงเทพมหานคร สมัยประชุมวิสามัญ สมัยแรก (ครั้งที่ 1) ประจำปีพุทธศักราช 2568 ณ ห้องประชุมสภากรุงเทพมหานคร อาคารไอราวัตพัฒนา ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร ดินแดง ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า วันนี้เป็นการพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 วาระที่สองและวาระที่สาม ซึ่งจะมีการพิจารณาเรื่องนี้อย่างเข้มข้น เนื่องจากกว่า 30 วันที่ผ่านมา น่าจะได้ข้อสรุปว่าจะเพิ่มหรือลดงบประมาณอย่างไร ในจุดไหนบ้าง โดยผ่านกระบวนการพิจารณาอย่างละเอียดรอบคอบที่สุด เพื่อประโยชน์สูงสุดกับพี่น้องประชาชน สำหรับงบประมาณส่วนใหญ่ได้ตามที่ตั้งเสนอของบฯ ไว้ โดยจะเน้นงบประมาณลงพื้นที่เขตมากขึ้น เช่น การก่อสร้างและปรับปรุงถนน การก่อสร้างฝายถนน ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายเส้นเลือดฝอย รวมถึงงบประมาณที่จะพัฒนาเส้นเลือดใหญ่ เช่น ก่อสร้างโรงพยาบาลแห่งใหม่ การติดตั้งเซ็นเซอร์วัดการสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวที่จะติดตั้งบนอาคารสูงของโรงพยาบาลแห่งใหม่ ก็ได้ตามที่เสนอของบประมาณไว้ […]