ศบค.เผยตัวเลขผู้ป่วยใหม่ 1 ราย ไม่มีเสียชีวิตเพิ่ม

ทำเนียบฯ 5 พ.ค.- ศบค.เผยตัวเลขผู้ป่วยใหม่ 1 ราย ไม่มีเสียชีวิตเพิ่ม ขณะที่การตรวจกิจการและกิจกรรมที่ได้รับการผ่อนคลาย พบร้อยละ 96 ปฏิบัติตามมาตรการ โดยร้านอาหารไม่ปฏิบัติตามมาตรการมากที่สุดร้อยละ 6.7 


นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงสถานการณ์โควิด-19 ว่าวันนี้ (5 พ.ค.)ไทยมีรายงานผู้ป่วยใหม่ 1 ราย รวมผู้ป่วยสะสมเพิ่มขึ้นเป็น 2,988 ราย รักษาหาย 2,747 ราย รักษาตัวอยู่ 187 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม ทำให้มีผู้เสียชีวิตคงเดิม รวม 54 ราย

ทั้งนี้จากจำนวนตัวเลขผู้ป่วยใหม่ 1 ราย เป็นชายไทย อายุ 45 ปี มีภูมิลำเนาที่จังหวัดนราธิวาส มีโรคประจำตัวคือเบาหวาน วันที่ 25 เมษายน มีอาการไอ ไข้ มีน้ำมูก เจ็บคอ มีเสมหะและหายใจเหนื่อย เข้าตรวจที่โรงพยาบาลพบมีอาการปอดอักเสบและเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งที่จังหวัดนราธิวาส พร้อมส่งตรวจยืนยันพบเชื้อโควิด-19  ทั้งนี้มีปัจจัยเสี่ยงทั้งประวัติการเดินทางเข้าร่วม ศาสนพิธีที่ต่างประเทศ และมีประวัติสัมผัสกับคนในครอบครัวและเดินทางไปยังสถานที่ชุมชน ซึ่งทั้งหมดจะต้องหาสาเหตุอยู่ว่าติดเชื้อจากที่ใด 


โฆษก ศบค. กล่าวว่า ส่วนกรณีพบผู้สงสัยติดเชื้อในจังหวัดยะลา 40 ราย จากการค้นหาเชิงรุก ซึ่งภายหลังมีการตรวจใหม่อีกครั้ง พบไม่ติดเชื้อนั้น ต้องรอตรวจสอบและเก็บตัวอย่าง พร้อมกับทบทวนกระบวนการตรวจเชื้อทั้งหมดอีกครั้ง โดยในช่วงบ่ายวันนี้ กระทรวงสาธารณสุขจะประชุมแนวทางในการดูแลเรื่องนี้ โดยเฉพาะการดูแลมาตรฐานห้องปฏิบัติการต่าง ๆ รวมถึงชี้แจงข้อสงสัยต่าง ๆ ด้วย

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ผู้ป่วยยืนยัน 2 สัปดาห์ล่าสุดจำแนกตามปัจจัยเสี่ยง พบมาจากศูนย์กักกัน 60 ราย สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้านี้ 49 ราย การค้นหาเชิงรุก 31 ราย ผู้ป่วยเดินทางจากต่างประเทศและอยู่ในสถานที่ที่รัฐจัดให้ 13 ราย และไปในที่ชุมชน 8 ราย 

โฆษก ศบค. กล่าวว่า จากรายงานผลสำรวจของประชาชน 99,865 คน ถึงการปฎิบัติตามมาตรการอยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ ตลอดเดือนเมษายนที่ผ่านมา พบว่าร้อยละ  99.8 เข้าใจว่าควรทำตามมาตรการอย่างไร และร้อยละ 93.8 เห็นว่ามาตรการดังกล่าวช่วยลดการแพร่ระบาดของเชื้อได้ ส่วนผลสำรวจพฤติกรรมการป้องกันตนเองจากประชาชน 99,848 ราย พบว่า มีการใส่หน้ากากอนามัย ร้อยละ 91.2 ล้างมือด้วยสบู่และใช้แอลกอฮอล์ ร้อยละ 87.2 กินร้อนช้อนตัวเอง ร้อยละ 86.1 รักษาระยะห่าง ร้อยละ 65.3 และไม่จับจมูกและปากร้อยละ 62.9


นอกจากนี้ได้สำรวจสถานที่ที่ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 69.9 เห็นว่าควรเปิด คือตลาดสด ร้านสะดวกซื้อและห้างสรรพสินค้า และร้อยละ 45.7 ร้านตัดผม คลินิกเสริมความงาม นวดแผนโบราณและสปา ส่วนสถานที่ที่ประชาชนส่วนใหญ่เห็นว่าไม่ควรเปิด คือ สนามมวย สนามกีฬา สนามม้า ร้อยละ 90.5 / ผับ สถานบริการ สถานประกอบการอาบอบนวด ร้อยละ 89.9 / ศูนย์เด็กเล็กโรงเรียนร้อยละ 64.6 /มหาวิทยาลัย ร้อยละ 56.5 /สนามเด็กเล่น ฟิตเนส สวนสาธารณะ ร้อยละ 49.6 /แหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ พิพิธภัณฑสถานห้องสมุด ศาสนสถาน ร้อยละ 49 /ร้านอาหาร ร้านกาแฟ หรืออื่น ๆ ที่ให้นั่งกินร้อยละ 43.4 /สถานีขนส่งร้อยละ 42.7 

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ส่วนความกังวลของประชาชนในการยินยอมให้รัฐจัดสถานที่ควบคุมเพื่อสังเกตอาการเริ่มป่วยในชุมชนพบว่าร้อยละ 80 ยินยอม และร้อยละ 20 ไม่ยินยอม แต่ทั้งนี้มีความกังวลว่าผู้กักกันตัวจะออกมาในชุมชน ผู้ปฏิบัติงานในสถานที่ดังกล่าวจะพาเชื้อออกมา รวมถึงเรื่องของความสะอาดสถานที่บริเวณโดยรอบและพาหนะ วัสดุอุปกรณ์จะปนเปื้อนออกมา 

โฆษก ศบค. กล่าวว่า สถานการณ์โลกพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รวม 3,645,539 ราย เสียชีวิต 252,396 ราย สหรัฐอเมริกาพบติดเชื้อมากที่สุด  1,212,835 ราย เสียชีวิต 69,921 ราย ขณะที่ไทยอยู่ที่อันดับที่ 61 ของโลก

อย่างไรก็ตาม วันนี้จะมีเที่ยวบินคนไทยที่ตกค้างกลับไทย จากฝรั่งเศส 16 คนอินเดีย 220 คนและในวันที่ 6 พฤษภาคม กลับจากเมียนมา เยอรมนี ปากีสถาน วันที่ 7 พฤษภาคมกลับจากแอฟริกา เกาหลีใต้ วันที่ 8 พฤษภาคม จากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และอียิปต์ วันที่ 9 พฤษภาคม จากญี่ปุ่น เนเธอร์แลนด์ เวียดนาม วันที่ 10 พฤษภาคม จากไต้หวัน สหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ผู้เดินทางเข้าประเทศที่ต้องกักกันตัวในสถานที่ที่รัฐจัดไว้ ตั้งแต่วันที่ 3 เมษายนถึง 4 พฤษภาคม มีจำนวน 12,385 ราย กลับบ้าน 3,302 รายและพบติดเชื้อ 84 ราย

ทั้งนี้จากการตรวจกิจการและกิจกรรมที่ได้รับการผ่อนคลาย ในวันที่ 4 พฤษภาคมจำนวน 9,383 แห่ง พบว่าปฏิบัติตามมาตรการ 9,032 แห่ง คิดเป็นร้อยละ 96 และไม่ปฏิบัติตามมาตรการ 351 แห่ง คิดเป็นร้อยละ 4 โดยพบว่า ร้านอาหารไม่ปฏิบัติตามมาตรการมากที่สุดร้อยละ 6.7 ร้านเสริมสวย ไม่ปฏิบัติตาม ร้อยละ 3.1 ห้างในส่วนที่เปิดให้บริการ ไม่ปฏิบัติตาม ร้อยละ 1.7 และตลาดร้านค้าปลีก ร้อยละ 1.5 ส่วนสนามกีฬาไม่ปฏิบัติตาม ร้อยละ 4.7 ร้านสัตว์เลี้ยง ร้อยละ 2 สวนสาธารณะ ร้อยละ 1.7 ขณะที่สนามกอล์ฟปฏิบัติตามมาตรการทั้งหมด.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

Cambodia PM Hun Manet in military uniform

กัมพูชาเสนอศาลโลกตัดสินดินแดนพิพาทกับไทย

พนมเปญ 2 มิ.ย.- ผู้นำกัมพูชาเสนอให้นำข้อพิพาททางดินแดนกับไทยให้ศาลโลกตัดสิน และได้สั่งการให้เจบีซีเร่งจัดการหารือกับไทยเรื่องปักปันเขตแดน ด้านกระทรวงต่างประเทศกัมพูชาได้ยื่นหนังสือประท้วงไทยเรื่องเหตุปะทะที่มีทหารกัมพูชาเสียชีวิต เว็บไซต์หนังสือพิมพ์ขแมร์ไทมส์ของกัมพูชารายงานวันนี้ว่า นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนตได้โพสต์ถ้อยแถลงในสื่อสังคมออนไลน์เมื่อเย็นวันอาทิตย์ว่า เขาได้ตัดสินใจตามที่รับฟังรายงานสรุปจากนายทหารที่ประจำการตามแนวชายแดนไทย หลังจากที่เขากลับจากการปฏิบัติภารกิจในต่างประเทศ โดยได้สั่งการให้คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมกัมพูชา-ไทยหรือเจบีซี (JBC) เร่งจัดการประชุมกับฝ่ายไทยเพื่อเดินหน้าการสำรวจและปักปันเขตแดนระหว่าง 2 ประเทศ ถ้อยแถลงระบุด้วยว่า กัมพูชากำลังเตรียมบรรจุประเด็นใหม่ไว้ในวาระการประชุมเจบีซี คือ การเสนอให้นำข้อพิพาทยาวนานเรื่องปราสาทตาเมือนธม ตาเมือนโต๊ด ตาเมือนควาย และพื้นที่มอมเบ เข้าสู่การตัดสินชี้ขาดของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศหรือศาลโลกที่กรุงเฮกในเนเธอร์แลนด์ นายกรัฐมนตรีกัมพูชาเตือนว่า การยั่วยุเมื่อไม่นานมานี้ของกลุ่มสุดโต่งเล็ก ๆ ได้จุดชนวนความตึงเครียดและโหมกระพือกระแสรักชาติขึ้นใน 2 ประเทศ เขาหวังว่าทั้ง 2 ฝ่ายจะสามารถทำงานร่วมกันเพื่อบรรลุทางออกสุดท้ายให้แก่พื้นที่พิพาทอ่อนไหวเหล่านี้ กัมพูชายังคงมุ่งมั่นที่จะแก้ปัญหาชายแดนด้วยกลไกทางเทคนิคและหลักการทางกฎหมาย แต่ก็สงวนสิทธิที่จะปกป้องบูรณภาพทางดินแดนด้วยทุกวิถีทาง รวมถึงการใช้อาวุธ หากมีความพยายามใช้กำลังทหารรุกรานดินแดนของกัมพูชา ด้านกระทรวงกิจการต่างประเทศและความร่วมมือสากลของกัมพูชาได้ยื่นหนังสือทางการทูตประท้วงไทย ซึ่งมีการเปิดเผยเนื้อหาเมื่อเย็นวันอาทิตย์ว่า กองทัพไทยเปิดฉากยิงทั้งที่ไม่มีการยั่วยุจากที่ตั้งทางทหารของกัมพูชาในหมู่บ้านเตโชมรกต อำเภอจอมกระสานต์ จังหวัดพระวิหารเมื่อราวเวลา 05.30 น.วันที่ 28 มีนาคม ส่งผลให้ทหารกัมพูชาถูกสังหารอย่างไม่เป็นธรรม 1 นาย และเป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพทางดินแดนของกัมพูชา กระทรวงต่างประเทศของกัมพูชาขอประณามอย่างรุนแรงต่อการกระทำดังกล่าวว่า ผิดกฎหมาย รัฐบาลกัมพูชาเรียกร้องให้สอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยทันทีและถี่ถ้วน และต้องนำตัวผู้กระทำผิดมารับโทษ.-814.-สำนักข่าวไทย

นายกฯ กัมพูชา สั่งระดมทหารประชิดชายแดนไทย

1 มิ.ย. – ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา สั่งระดมกำลังทหารประชิดชายแเดนไทย ขณะเดินทางเยือนญี่ปุ่น พร้อมติดตามสถานการณ์บริเวณชายแดนติดกับไทยอย่างใกล้ชิด หนังสือพิมพ์ขะแมร์ ไทมส์ รายงานว่า ฌอง-ฟรองซัว ตัน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีของกัมพูชา ให้สัมภาษณ์สื่อในประเทศ ระบุว่านับตั้งแต่เกิดเหตุความขัดแย้งตามมแนวชายแดนระหว่างทหารกัมพูชากับทหารไทย นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ของกัมพูชา ซึ่งอยู่ระหว่างปฏิบัติภารกิจเยือนญี่ปุ่น ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด จนกระทั่งเดินทางกลับมายังกัมพูชา เมื่อคืนที่ผ่านมา และได้สั่งการด้วยตัวเองให้ระดมกำลังทหารเพิ่มเติมเข้าประชิดชายแดนด้านที่ติดกับไทย เพื่อปกป้องอธิปไตยและพรมแดนกัมพูชา พร้อมกับยืนยันว่าสถานการณ์บริเวณชายแดนด้านที่ติดกับไทย กลับมาสงบเรียบร้อยตามปกติแล้ว นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ยังได้ติดต่อและสั่งการตามสายงานลงไปยังรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีกลาโหม ผู้บัญชาการเหล่าทัพ และเสนาธิการกองทัพบก ให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และแจ้งความคืบหน้าให้ทราบอย่างต่อเนื่อง หลังเกิดการปะทะกันครั้งล่าสุดระหว่างทหารกัมพูชากับทหารไทย พร้อมกับเรียกร้องประชาชนชาวกัมพูชาเชื่อมั่นการปฏิบัติหน้าที่ของกองทัพและรัฐบาลกัมพูชา ในการปกป้องดินแดน และหาหนทางแก้ไขความขัดแย้งบริเวณชายแดนติดกับไทย โดยยึดผลประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ และหลังจากนี้ คณะกรรมการพรมแดนของกัมพูชา มีกำหนดพบหารือในช่วงปลายเดือนมิถุนายนนี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับรายละเอียดข้อขัดแย้ง และนำเสนอเพื่อเข้าสู่การเจรจาต่อไป.-สำนักข่าวไทย

“โอปอล สุชาตา” คว้ามงกุฎ Miss World 2025

อินเดีย 1 มิ.ย.-“โอปอล สุชาตา” สาวงามตัวแทนจากไทย สร้างประวัติศาสตร์สามารถคว้ามงกุฎ Miss World 2025 มาครองได้สำเร็จ เวทีการประกวด Miss World 2025 ครั้งที่ 72 ณ HITEX Convention Center เมืองไฮเดอราบัด รัฐเตลังคานา ประเทศอินเดีย โดย “โอปอล สุชาตา ช่วงศรี” สาวงามตัวแทนจากประเทศไทย สร้างประวัติศาสตร์สามารถคว้ามงกุฎมิสเวิลด์มาครองได้สำเร็จ โดยการประกวดในปีนี้มีนางงามจาก 108 ประเทศทั่วโลก เข้าร่วม ทั้งนี้ในรอบ 8 คนสุดท้าย มีนางงามที่ผ่านเข้ารอบได้แก่ บราซิล มาร์ตินีก เอธิโอเปีย นามิเบีย โปแลนด์ ยูเครน ฟิลิปปินส์ และประเทศไทย ซึ่งจนกระทั่ง รอบ 4 คนสุดสุดท้าย มาร์ตีนิก เอธิโอเปีย และ โปแลนด์ ทั้ง 4 […]

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผยไทยฝนตกหนักบางแห่ง-กทม.ฟ้าคะนอง 60%

กรุงเทพฯ 4 มิ.ย. – กรมอุตุฯ เผยประเทศไทยมีฝนฟ้าคะนองและฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วนกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ฝนฟ้าคะนอง 60% และมีฝนตกหนักบางแห่ง กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักไว้ด้วย เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณชายฝั่งประเทศเวียดนามตอนบน สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทย เดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง กรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 26-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส.-สำนักข่าวไทย

จุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล

นายกฯ เป็นประธานถวายเครื่องราชสักการะ-จุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี

สนามหลวง 3 มิ.ย.-นายกรัฐมนตรี และคู่สมรส เป็นประธานพิธีถวายเครื่องราชสักการะและพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี 3 มิถุนายน 2568 เวลา 19. 49 น. ณ เวทีใหญ่ ท้องสนามหลวง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายปิฎก สุขสวัสดิ์ คู่สมรส เป็นประธานในพิธีถวายเครื่องราชสักการะและพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี 3 มิถุนายน 2568 โดยมีผู้แทนประธานรัฐสภา ประธานศาลฎีกา ประธานองค์กรตามรัฐธรรมนูญพร้อมคู่สมรส คณะรัฐมนตรีพร้อมคู่สมรส ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ทหาร ตำรวจ พลเรือน ภาคเอกชน และภาคประชาชน เข้าร่วมพิธีอย่างพร้อมเพรียง นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เมื่อนายกรัฐมนตรีและคู่สมรสเดินทางถึงพิธีท้องสนามหลวง ขึ้นสู่เวที นายกรัฐมนตรี ผู้แทนประธานรัฐสภา ประธานศาลฎีกา ทำวันทยหัตถ์หน้าพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี แล้ววางพุ่มทอง พุ่มเงิน จากนั้นนายกรัฐมนตรีถวายธูปเทียนแพ จุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล […]

ตรวจความพร้อมรบ

แม่ทัพภาค 1 ตรวจความพร้อมรบ พล.ร.9 พร้อมเสริมกำลังทัพภาค 2

กาญจนบุรี 3 มิ.ย.- แม่ทัพภาคที่ 1 ตรวจความพร้อมรบ พล.ร.9 กองกำลังสุรสีห์ ตามแผนเผชิญเหตุ ทบ. พร้อมเสริมกำลังทัพภาค 2 ชายแดนไทย-กัมพูชา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเย็นที่ผ่านมา ที่สนามฝึกทางยุทธวิธี พล.ร.9 จ.กาญจนบุรี พล.ท.อมฤต บุญสุยา แม่ทัพภาค 1 เดินทางไปตรวจความพร้อมหน่วย ตามแผนเผชิญเหตุของกองทัพบก ทั้งหน่วย กรมทหารราบเฉพาะกิจ กองทัพภาคที่ 1 และกองพันพร้อมรบเคลื่อนที่เร็ว RDF กองทัพภาคที่ 1 โดยมี พล.ต.อัษฎาวุธ ปันยารชุน ผบ.พล.ร.9 ให้ต้อนรับ พล.ร.9 ได้รับมอบหมายจากกองทัพบก ให้จัดกำลังเพื่อสนับสนุนการปฏิบัติของกองทัพบก ในการใช้กำลังตามแผนเผชิญเหตุของกองทัพบก เข้าในพื้นที่ที่รับผิดชอบ และให้การสนับสนุนเสริมกำลังรบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ในพื้นที่รับผิดชอบกองทัพภาคที่ 1 โดยหน่วยเตรียมกำลังได้ตรวจสภาพความพร้อมรบตามขั้นตอน เพื่อตรวจสอบความพร้อมของกำลังพลและยุทโธปกรณ์ในการปฏิบัติภารกิจในทุกพื้นที่ที่ได้รับมอบภารกิจจากกองทัพบก ทั้งนี้ แม่ทัพภาคที่ 1 ได้ให้โอวาสกำลังพล ในการเตรียมความพร้อมในทุกภารกิจที่ได้รับมอบหมายจากกองทัพบก โดยขอให้มีความพร้อมอยู่ตลอดเวลา ในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ และพร้อมดูแลพี่น้องประชาชน […]

หลวงปู่ศิลา

“หลวงปู่ศิลา” มอบเงินบริจาคให้ มทภ.2 สนับสนุนภารกิจกองกำลังชายแดน

นครราชสีมา 3 มิ.ย.-“หลวงปู่ศิลา” มอบเงินบริจาคให้ มทภ.2 สร้างที่พักในฐานตามแนวชายแดน พร้อมอุปกรณ์เครื่องมือต่างๆ ในการดูแลประเทศชาติ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พระราชวัชรธรรมโสภณ (หลวงปู่ศิลา สิริจันโท) เจ้าอาวาสวัดพระธาตุหมื่นหิน จ.กาฬสินธุ์ และคณะศิษย์และมูลนิธิธรรมะอุทยาน พร้อมทั้งคณะศิษยานุศิษย์ มอบเงินบริจาค จำนวน 2,017,860 บาท และข้าวสารจำนวน 1,500 กิโลกรัม ให้กับกองทัพภาคที่ 2 เพื่อสนับสนุนช่วยเหลือกองกำลังทหารชายแดน โดย พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เป็นผู้รับมอบ ที่กองบัญชาการ ค่ายสุรนารี จ.นครราชสีมา สำหรับเงินทั้งหมดนี้ จะได้นำไปจัดสร้างที่พักในฐานที่มั่นของกองกำลังสุรนารี ที่ปฏิบัติภารกิจอยู่ตามแนวชายแดน รวมถึงจัดซื้ออุปกรณ์และยุทโธปกรณ์ต่างๆ ที่ยังขาดอยู่ ในการปกป้องอธิปไตยของประเทศ รวมถึงการจัดหาเครื่องมือต่างๆที่สามารถใช้ได้ภายในฐานปฏิบัติการเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับทหาร ที่ปฏิบัติภารกิจอยู่แถวชายแดน. -313 สำนักข่าวไทย