ศบค. เผยผู้ป่วยใหม่ 15 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย

ทำเนียบฯ 22 เม.ย.-ศบค. เผยผู้ป่วยใหม่ 15 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย ชื่นชมแม้ตัวเลขลดลง แต่ยังวางใจไม่ได้ กังวลหากผ่อนปรนมาตรการต่าง ๆ อาจทำให้ผู้ป่วยกลับมาสูงขึ้น และสูญเสียทุกอย่างที่เสียสละร่วมกันทำมาอย่างดี 


นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงสถานการณ์โควิด-19 ว่า วันนี้ (22 เม.ย.)ไทยมีรายงานผู้ป่วยใหม่ 15 ราย รวมผู้ป่วยสะสมเพิ่มขึ้นเป็น 2,826 ราย รักษาหาย 2,352 ราย รักษาตัวอยู่ 425 ราย มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย ทำให้มีผู้เสียชีวิต รวม 49 ราย โดย ผู้เสียชีวิตรายล่าสุดเป็น หญิงไทย อายุ 58 ปี อาชีพแม่บ้าน มีโรคประจำตัว เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง ภาวะอ้วน มีประวัติสัมผัสใกล้ชิดกับลูกสาว ซึ่งเป็นผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้านี้ ผู้ป่วยเริ่มมีอาการไอ ไข้ มีเสมหะ มีน้ำมูก เมื่อ 20 มีนาคม และเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ เมื่อ 22 มีนาคม จากนั้น 28 มีนาคม ตรวจยืนยันพบเชื้อโควิด-19 ขณะรักษาตัวมีอาการทรุดลง เหนื่อยหอบ ถ่ายเหลว อาการไม่ดีขึ้น เสียชีวิตในเวลาต่อมา 

โฆษก ศบค. กล่าวว่า ตัวเลขผู้ป่วยใหม่ที่ลดลง ถือเป็นความสำเร็จในระดับหนึ่ง เป็นความสำเร็จเล็ก ๆ ระหว่างทาง แต่ก็ยังไม่จบสิ้น เพราะการเผชิญกับไวรัสนี้ถือเป็นวิกฤติที่เกิดขึ้นทั่วโลก เป็นความภาคภูมิใจของคนทั้งประเทศ แต่ภารกิจนี้อาจจะทอดยาวอาจจะเป็นเดือนหรือเป็นปี  ซึ่งผู้ป่วยในกรุงเทพมหานคร นนทบุรีและในต่างจังหวัด มีแนวโน้มลดลง ซึ่งเป็นผลจากการทำงานร่วมกันของทุกคนใน 7-14 วันที่ผ่านมา และผลของการทำในวันนี้จะเห็นใน 7- 4 วันข้างหน้า ดังนั้นวันนี้เบาใจขึ้นมาได้แต่ยังวางใจไม่ได้ ขอการ์ดอย่าตก


น.พ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ทั้งนี้จากจำนวนตัวเลขผู้ป่วยใหม่ 15 ราย พบว่ามาจากการสัมผัสกับผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้านี้ 10 ราย  คนไทยกลับจากต่างประเทศ 1 ราย ไปสถานที่ชุมนุมชน 1 ราย อาชีพเสี่ยง ได้แก่ พนักงานขาย /ขนส่งสินค้า /ทำงานกับนักท่องเที่ยว 3 ราย ไม่มีบุคลากรทางการแพทย์ 

ส่วนผู้ป่วยสะสม 2,826 ราย พบใน 5 จังหวัดที่สูงที่สุด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร 1,451 ราย และมีอยู่ในสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ 2 ราย ภูเก็ต 193 ราย นนทบุรี 152 ราย สมุทรปราการ 109 ราย ยะลา 95 ราย และอยู่ในสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ 8 ราย และเมื่อจำแนกอัตราป่วยต่อประชากรหนึ่งแสนคน โดยไม่รวมผู้ป่วยที่อยู่ในสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ พบว่า จังหวัดภูเก็ต มีผู้ป่วยมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 46.69 กรุงเทพมหานคร ร้อยละ 25.58 ยะลา ร้อยละ 17.78 ปัตตานี ร้อยละ 10.95 และนนทบุรี ร้อยละ 12.10

ทั้งนี้มี 10 จังหวัด ที่ยังไม่มีรายงานการรักษาผู้ป่วย ได้แก่ กำแพงเพชร ชัยนาท ตราด น่าน บึงกาฬ พิจิตร ระนอง สิงห์บุรี อ่างทองและสตูล


และมี 36 จังหวัดที่ไม่มีรายงานผู้ป่วยใหม่ ในช่วง 14 วันที่ผ่านมา ได้แก่ เชียงราย เพชรบุรี เพชรบูรณ์ แพร่ แม่ฮ่องสอน กาญจนบุรี จันทบุรี  นครนายก บุรีรัมย์ มหาสารคาม มุกดาหาร ยโสธร ร้อยเอ็ด ราชบุรี ลพบุรี ลำพูน ศรีสะเกษ สมุทรสงคราม สระบุรี สุโขทัย หนองบัวลำภู อำนาจเจริญ อุดรธานี อุตรดิตถ์  อุทัยธานี หนองคาย กาฬสินธุ์ ระยอง ตาก ประจวบคีรีขันธ์ สกลนคร สุรินทร์ สระแก้ว อุบลราชธานีสุพรรณบุรี โดยเพิ่ม นครราชสีมา เข้ามาแทน อยุธยาที่มีรายงานพบผู้ป่วยใหม่เข้ามา

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า มีการวิเคราะห์ สถานที่แออัดที่ผู้ป่วยเคยเดินทางไปช่วง 14 วันก่อนเริ่มป่วย โดยในกรุงเทพมหานคร พบมากที่สถานบันเทิง สนามมวย สถานที่มั่วสุมเพื่อเล่นการพนัน โรงภาพยนตร์ ซุปเปอร์มาร์เก็ต ฟิตเนส วัด ร้านเสริมสวย มหาวิทยาลัย ร้านอาหาร พื้นที่ท่องเที่ยว ตลาด ห้างสรรพสินค้า การใช้ขนส่งสาธารณะและสถานที่ทำงาน โดยสถานที่ต่าง ๆ เหล่านี้อาจเป็นประโยชน์ในการวางมาตรการผ่อนปรนที่อาจจะเกิดขึ้นเร็ว ๆ นี้ เพื่อจะได้วางมาตรการ เพื่อให้คณะรัฐมนตรีได้ตัดสินใจว่าจะวางนโยบายอย่างไร

โฆษก ศบค. กล่าวถึง ระยะเวลาตั้งแต่ผู้ป่วยโควิด-19 เริ่มมีอาการจนถึงวันที่ได้เก็บตัวอย่างทางห้องปฏิบัติการ พบว่าค่าเฉลี่ยผู้ป่วย 542 ราย เมื่อผู้ป่วยเริ่มมีอาการ ส่วนใหญ่จะเข้าไปตรวจในวันที่ 4 จากที่มีอาการ ซึ่ง 3 วันระหว่างนั้นอาจมีการแพร่กระจายเชื้อไปแล้วและพบมีบางราย 28 วันผ่านไป ได้เข้าไปตรวจและพบติดเชื้อ ถือเป็นกลุ่มเสี่ยงที่จะไปแพร่กระจายเชื้อสู่คนอื่นต่อไป โดยนิยามผู้สงสัยติดเชื้อโควิด-19 ที่เข้าเกณฑ์สอบสวนโรค พบมีอาการอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังนี้ มีไข้ตั้งแต่ 37.5 องศาเซลเซียส ไอ มีน้ำมูก เจ็บคอ หายใจเหนื่อยหรือหายใจลำบาก และเป็นผู้ป่วยโรคปอดอักเสบ ร่วมกับมีปัจจัยเสี่ยงในช่วง 14 วันอย่างใดอย่างหนึ่ง ได้แก่มีประวัติเดินทางไปหรือมาจากหรืออาศัยอยู่ในพื้นที่เกิดโรค ประกอบอาชีพที่เกี่ยวข้องกับนักท่องเที่ยว สถานที่แออัด ไปสถานที่ชุมชน ตลาดนัด ห้างสรรพสินค้า สถานพยาบาล สัมผัสกับผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้า โดยทั้งหมดหากเข้าเกณฑ์จะได้รับการตรวจฟรี  ซึ่งในปัจจุบัน ยืนยันมีระบบการคัดกรองอย่างดี มีชุดตรวจมากเพียงพอและมีสถานที่รับตรวจมากกว่า 100 แห่ง 

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ขณะที่สถานการณ์โลกพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รวม 2,554,568 ราย เสียชีวิต 177,402 ราย สหรัฐอเมริกาพบติดเชื้อมากที่สุด 817,952 ราย เสียชีวิต 45,279 ราย ขณะที่ไทยอยู่ที่อันดับที่ 55 ของโลก ขณะที่สิงคโปร์มีผู้ติดเชื้อเพิ่ม 1,111 รายในวันเดียว ซึ่งต้องนำตัวอย่างจากสิงคโปร์มาเรียนรู้ 

“ผอ.ศบค. พูดว่า สิ่งที่จะต้องตัดสินต่อไป ขึ้นอยู่กับตัวเลขเหล่านี้ เพราะถ้าปรับมาตรการให้มีการผ่อนปรน จนอ่อนลงไปมาก ๆ แล้วเกิดการติดเชื้อขึ้นมาอย่างนี้ ก็จะทำให้สิ่งที่ทำมาดีทั้งหมดร่วมเดือน ที่ทุกคนเสียสละกันมา จะพังทลายลงในเวลาอันสั้น และเราจะสูญเสียทุกอย่างที่เราทำมาทั้งหมด ซึ่งตรงนี้ต้องมีการเน้นย้ำในการเรียนรู้จากประเทศรอบบ้านของเรา” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว 

โฆษก ศบค. กล่าวถึงแบบสำรวจความเครียดใน 3 ช่วงเวลา 12-18 มีนาคม , 30 มีนาคม-5 เมษายน และ 13-19 เมษายน พบว่าบุคลากรด้านสาธารณสุขมีความเครียดเพิ่มมากขึ้นตามช่วงเวลา โดยช่วงเวลาล่าสุด 13-19 เมษายน พบว่า มีความเครียดมากที่สุด ร้อยละ 5.2 เครียดมาก ร้อยละ 4.2 เครียดปานกลางร้อยละ 24.6 เครียดน้อย ร้อยละ 66 ขณะที่ประชาชนก็มีความเครียดมากขึ้นเช่นกัน โดยพบว่าเครียดมากที่สุด ร้อยละ 2 เครียดมาก ร้อยละ 4.1 เครียดปานกลาง ร้อยละ 25.7 และเครียดน้อย ร้อยละ 68.2 ซึ่งตัวเลขทั้งหมดสอดคล้องกันในช่วงการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จึงไม่แปลกที่จะมีความเครียดเช่นนี้ เพราะเป็นผลด้านจิตใจในสถานการณ์ไม่ปกติ แต่ทั้งนี้ก็ต้องดูแลทุกคน เพราะแต่ละคนมีความสามารถในการปรับตัวที่แตกต่างกัน และเป็นเรื่องที่ดีที่คนส่วนใหญ่ในประเทศมีการปรับตัวและมีความเครียดน้อย ขณะที่บุคลากรด้านสาธารณสุข ก็สามารถมีความเครียดได้เพราะได้ทุ่มเทกำลังกายกำลังใจในการทำงาน ซึ่งอาจเกิดภาวะหมดไฟในการทำงานได้ โดยกระทรวงสาธารณสุข ได้มอบให้กรมสุขภาพจิตและศูนย์สุขภาพเขตทั้งหลายเข้าไปดูแลบุคลากรด้านสาธารณสุข รวมถึงต้องดูแลชีวิตความเป็นอยู่ ค่าตอบแทน รวมถึงการพักผ่อนที่เพียงพอ ขณะที่ประชาชนที่มีความเครียดต้องแสดงตัว เพื่อให้เจ้าหน้าที่เข้าไปดูแล

นอกจากนี้ มีผู้ฝ่าฝืนการประกาศเคอร์ฟิว โดยมีประชาชนออกนอกเคหสถาน 554 ราย รวมกลุ่มชุมนุมและมั่วสุมจำนวน 55 ราย

อย่างไรก็ตาม วันนี้จะมีเที่ยวบินคนไทยที่ตกค้างเดินทางกลับไทย จาก ประเทศรัสเซีย 25 คน เกาหลีใต้ 60 คน และเวียดนาม 115 คน.-สำนักข่าวไทย       

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รวบแล้ว! มือปืนโหดสวมชุดไรเดอร์ ตามยิงซ้ำที่ รพ. ดับ 2

ปทุมธานี 5 มิ.ย.- จับแล้ว! มือปืนโหดสวมชุดไรเดอร์ รัวกระสุนใส่หน้าบ้าน ก่อนตามไปยิงซ้ำที่ รพ. เสียชีวิต 2 ราย สารภาพอ้างแค้นถูกตีท้ายครัว ความคืบหน้าเหตุมือปืนชายแต่งกายไรเดอร์ ใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะ ยิงใส่กลุ่มวัยรุ่นชายหญิง ที่นั่งจับกลุ่มกันอยู่หน้าบ้าน ในพื้นที่ ต.ระแหง อ.ลาดหลุมแก้ว ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย หลังเกิดเหตุกลุ่มเพื่อนได้นำคนเจ็บไปส่งโรงพยาบาล แต่คนร้าย ได้ขี่รถจักรยานยนต์ตามประกบ ใช้อาวุธปืนตามยิงซ้ำถึงในโรงพยาบาล ส่งผลให้ผู้ได้รับบาดเจ็บที่อยู่ท้ายกระบะเสียชีวิต 2 ราย ล่าสุดเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวมือปืน ทราบชื่อนายสมยศ อายุ 32 ปี พร้อมของกลางอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่ใช้ในการก่อเหตุ โดยให้การรับสารภาพว่าตนเองจะมายิงนายมานะ หรือไอซ์ อายุ 33 ปี เพียงคนเดียว ซึ่งก่อนเกิดเหตุตนได้นั่งกินเบียร์มาก่อน และที่ทำไปนั้น เพราะจับได้ว่าผู้ตายเป็นชู้กับภรรยาตน หลังก่อเหตุขับรถหนีไปจังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม .-สำนักข่าวไทย

“ภูมิธรรม” รับกัมพูชาล้ำ 200 ม. จริง แต่เป็นจุด No Man’s Land

ทำเนียบ 5 มิ.ย.- “ภูมิธรรม” รับกัมพูชาล้ำ 200 เมตร จริง แต่เป็นจุด No Man’s Land ย้ำใช้เวที JBC เจรจา บอกไม่ใช่เรายอมศิโรราบ แต่ไทยมีข้อมูลหลักฐาน รอชัดเจน 14 มิ.ย. ขณะที่กองทัพเตรียมพร้อมตรึงกำลังแนวชายแดน ลั่นไม่ยอมใคร ยืนยันไทยเริ่มต้นจากสันติ ชี้หากประกาศกฏอัยการศึก แม่ทัพภาค 2 มีอำนาจสั่งได้ทันที นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการลงพื้นที่ชายแดน ไทย-กัมพูชา บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานีเมื่อวานนี้ ว่า ตนได้รับรายงานจากกองทัพภาคที่สอง ถึงข้อมูลที่ออกไปในปัจจุบัน ผิดไปจากสิ่งที่เป็นอยู่ ในปัจจุบันมากพอสมควร จึงอยากให้ระมัดระวังเรื่องข้อมูลข่าวสาร ยืนยันว่า ในพื้นที่ไม่ได้มีการวางทุ่นระเบิด จะเป็นภาพเก่าในอดีต ซึ่งตนมองว่าเป็นการสร้างความสับสน และทำลายศรัทธาความร่วมมือของประชาชน นายภูมิธรรม กล่าวถึงการรุกล้ำ 200 เมตร ว่า ทั้งหมดนี้อยู่ที่คณะกรรมการ JBC ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่ชายแดนกำหนดแต่ละฝ่ายมีจุดที่ค่อมกัน ดังนั้นจึงกำหนดให้เป็น […]

ดรามานิติไล่ไรเดอร์รับลูกค้าหน้าคอนโดฯ

5 มิ.ย. – สาวเรียกรถผ่านแอปฯ มารับหน้าคอนโดฯ หัวหน้าวินมอเตอร์ไซค์ถือวิทยุสื่อสารพร้อมไล่ให้ลงรถ ขู่ไม่อนุญาตให้เรียกรถผ่านแอปฯ ด้านไรเดอร์รู้ข่าวบุกรวมตัว ลั่นถ้าคู่กรณีไม่ออกมาก็อย่าหวังว่าแยกย้าย คลิปจากผู้โดยสารคนหนึ่งถ่ายไว้ขณะเรียกรถมารับบริเวณด้านหน้าคอนโดฯ ย่านสาทร แต่กลับถูกชายรายหนึ่งถือวิทยุสื่อสาร ไล่ให้ลงจากรถ พร้อมพูดขู่ว่าไม่ใช่วินห้ามเข้า แฟนเพจเฟซบุ๊กอยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทริน์ part 6 ได้รับเรื่องร้องเรียนจากลูกบ้านคอนโดฯ แห่งหนึ่ง โพสต์ไว้หลังจากเรียกรถผ่านแอปพลิเคชัน แต่กลับถูกขัดขวาง ระบุว่า “เราได้เรียกรถจักรยานยนต์ผ่านแอปพลิเคชันเพื่อไปทำงานตามปกติ แต่มีชายคนหนึ่ง (คาดว่าเป็นวินในหมู่บ้าน มีวิทยุสื่อสารด้วย) เข้ามาไล่ให้ลงจากรถ พร้อมพูดในลักษณะข่มขู่ว่า “ไม่ให้เรียกผ่านแอปฯ เพราะที่นี่มีวินอยู่แล้ว” และยังไล่คนขับกลับไปทันที เหตุการณ์นี้ทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัยและเสียเวลาในการเดินทาง รบกวนช่วยตรวจสอบ ขอความชัดเจนว่าในหมู่บ้านมีข้อกำหนดห้ามเรียกรถผ่านแอปฯ หรือไม่ หากมีรบกวนขอเอกสารหรือประกาศที่เป็นทางการด้วย หากไม่มีรบกวนช่วยดำเนินการกับบุคคลดังกล่าว เพราะพฤติกรรมที่เกิดขึ้นเข้าข่ายคุกคามและไม่เหมาะสม” หลังจากโพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ ปรารกฏว่าวานนี้ (4 มิ.ย.) มีไรเดอร์จำนวนมานัดรวมตัวกันและเดินทางไปยังคอนโดฯ ดังกล่าว โดยมีตำรวจเข้ามาพูดคุย ขณะที่ทางตัวแทนไรเดอร์ระบุว่า ถ้าคู่กรณีไม่ออกมาก็อย่าหวังว่าแยกย้าย และนิติคอนโดฯ ต้องออกมาพูดให้ชัดเจนว่าไรเดอร์เข้าไปรับผู้โดยสารได้ไหม” ต่อมาที่ สน.บางขุนเทียน เจ้าหน้าที่เรียกตัวนายพงษ์ อายุ 52 […]

คนขับหลับใน รถทัวร์เสียหลักตกร่องถนน ดับ 2 สาหัส 5

ประจวบคีรีขันธ์ 4 มิ.ย. – รถทัวร์ตกร่องกลางถนนชนเสาไฟ บนถนนเพชรเกษม อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ ผู้โดยสารเสียชีวิต 2 ราย บาดเจ็บสาหัส 5 คน คนขับยอมรับหลับใน วงจรปิดจับภาพขณะเกิดเหตุรถทัวร์ขับมาดีๆ จู่ๆ ไถลลงร่องกลางถนน โดยไม่มีคู่กรณี เหตุเกิดประมาณตี 04.30 น.ที่ผ่านมา (4 มิ.ย.) บนถนนเพชรเกษม บริเวณหน้าค่ายพระมงกุฎเกล้า อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ รถที่เกิดเหตุเป็นรถบัสโดยสารปรับอากาศ สายระยอง-มุกดาหาร พลิกตะแคงอยู่ในร่องกลาง มีร่องรอยชนกับเสาไฟและการ์ดเลนถนน สภาพรถด้านหน้าพังยับเยิน กระจกหน้าและด้านข้างแตกร้าว หลังคาฉีกขาด ที่เกิดเหตุมีผู้เสียชีวิต 2 คน เป็นชาย และอาการสาหัส 5 คน นอกจากนี้ยังมีผู้บาดเจ็บอีกจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ปฐมพยาบาลเบื้องต้นและเร่งนำตัวนำส่งโรงพยาบาล ขณะที่ผู้โดยสารต่างอยู่ในอาการตกใจ บอกว่าก่อนเกิดเหตุรู้สึกว่ารถส่ายไปมา คนขับรถคือ นายทศพร อายุ 51 ปี ให้การว่า ในรถมีผู้โดยสารรวมคนขับแล้ว 28 คน รับผู้โดยสารจาก จ.ระยอง […]

ข่าวแนะนำ

ผบ.ทสส.นัดถก ผบ.เหล่าทัพเฉพาะกิจ ปมชายแดนไทย-กัมพูชา

กรุงเทพฯ 5 มิ.ย. – ถก ผบ.เหล่าทัพเฉพาะกิจ พรุ่งนี้ แก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา คาด “ผบ.ทบ.” รับผิดชอบโดยตรง เตรียมแผนรับมือครอบคลุมทุกมิติแล้ว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันพรุ่งนี้ (6 มิ.ย.68) พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) จะเป็นประธานการประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพ ครั้งที่ 4/2568 วาระเฉพาะกิจ ที่กองบัญชาการกองทัพอากาศ (บก.ทอ.) ในเวลา 14.00 น. คาดว่าจะมีการหารือถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งเป็นความรับผิดชอบของกองทัพบกโดยตรง ทั้งการเตรียมกำลัง และดำเนินการเกี่ยวกับการใช้กำลังตามอำนาจหน้าที่ของกระทรวงกลาโหม โดยมี พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก เป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรง และเตรียมแผนพร้อมรับมือสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ครอบคลุมทุกมิติแล้ว สำหรับการประชุม ผบ.เหล่าทัพ ในครั้งนี้ กองทัพอากาศเป็นเจ้าภาพ และได้แจ้งสื่อมวลชน ขอยกเลิกการมาทำข่าวนี้ เนื่องจากเป็นการประชุมเฉพาะกิจ นอกจากนี้ สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) จะมีการประชุม และคาดว่าจะมีการตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจขึ้นมาดูแลแก้ปัญหาโดยเฉพาะ.-313-สำนักข่าวไทย

รวมพลังหยุดเหมืองพิษ คืนชีวิตคนลุ่มน้ำชายแดน

5 มิ.ย. – วันนี้เป็นวันสิ่งแวดล้อมโลก ซึ่งขณะนี้ผู้คนตามลุ่มน้ำชายแดนไทย-เมียนมา ทางภาคเหนือของไทย กำลังเผชิญกับวิกฤติสิ่งแวดล้อม หลัง 2 เดือนมานี้พบสารหนูปนเปื้อนเกินมาตรฐานในลำน้ำกกและน้ำสาย รวมถึงแม่น้ำรวกและแม่น้ำโขง เชื่อว่าเป็นผลมาจากการทำเหมืองแร่หลายแห่งบริเวณต้นน้ำในเมียนมา วันนี้ชาวเชียงใหม่และเชียงราย ร่วมกันออกมาแสดงพลังเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ โดยเฉพาะการเจรจาให้หยุดเหมืองพิษและคืนชีวิตให้กับลุ่มน้ำต่างๆ .-สำนักข่าวไทย

แฉชนวนเหตุ ไรเดอร์บุกยิงดับ 2 ศพคา รพ.

ปทุมธานี 5 มิ.ย. – จากเหตุระทึกขวัญที่ลาดหลุมแก้ว ปทุมธานี เมื่อคืนที่ผ่านมา ไรเดอร์บุกยิงคนถึงในบ้าน แล้วยังขับรถตามไปยิงซ้ำที่โรงพยาบาลจนเสียชีวิต วันนี้ตำรวจจับกุมตัวได้แล้ว ชนวนเหตุมาจากอะไร ติดตามจากรายงาน.-สำนักข่าวไทย

นายกฯ โพสต์หารือประเมินปมชายแดนไทย-กัมพูชา

ทำเนียบ 5 มิ.ย.-นายกฯ โพสต์หารือประเมินปมชายแดนไทย-กัมพูชา ยึดหลักการสันติวิธี ยันไทยไม่ยอมรับอำนาจศาลโลก ชี้ต้องคุยเฉพาะพื้นที่เป็นปัญหา ไม่ขยายประเด็น นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย ถึงการหารือสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า “จากกรณีที่ทางรัฐบาลกัมพูชาออกแถลงการณ์เกี่ยวกับสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ดิฉันได้หารือร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ และท่านรองนายกรัฐมนตรี นายภูมิธรรม เวชยชัย ซึ่งได้โทรศัพท์เข้ามารายงานเรื่องการลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ ณ จังหวัดอุบลราชธานี อย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินภาพรวมอย่างรอบด้าน รัฐบาลไทยขอยืนยันในหลักการแก้ไขปัญหาด้วยแนวทางสันติวิธี ภายใต้ความเคารพในอธิปไตยและดินแดนของกันและกัน ในกรณีที่กัมพูชาประสงค์จะเสนอให้ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) เข้ามามีบทบาท รัฐบาลไทยขอเรียนว่า ประเทศไทยไม่ได้ให้การยอมรับเขตอำนาจศาล ICJ ในกรณีพิพาทต่างๆ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2503 จนถึงปัจจุบัน และขอย้ำว่า ประเด็นที่เกิดขึ้นควรได้รับการแก้ไขปัญหาในบริเวณที่มีการกระทบกระทั่งกันเท่านั้น ไม่ขยายประเด็นปัญหาออกไป ประเทศไทยยังยึดมั่นในกลไกการหารือทวิภาคีที่ทั้งสองฝ่ายตกลงกันไว้มาโดยตลอด เพื่อรักษาความสัมพันธ์อันดีระหว่างประชาชนทั้งสองประเทศค่ะ.-315.-สำนักข่าวไทย