โฆษก ศบค.ชี้ยังต้องเฝ้าระวัง หาก โควิด-19 เพื่อนบ้านยังน่าห่วง

ทำเนียบฯ 16 เม.ย.- โฆษก ศบค. ย้ำแม้สถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 ในประเทศจะดีขึ้น แต่หากประเทศเพื่อนบ้านสถานการณ์ยังน่าห่วง ก็ยังไม่สามารถผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ได้ เพราะนายกฯ ยึดสุขภาพเป็นสำคัญ เผยทีมงานสาธารณสุข ในฐานะเลขา ศบค.กำลังศึกษามาตรการผ่อนคลาย โดยหารือกับภาคเอกชนอย่างเข้มข้น ระบุการปลดล็อก พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เป็นอำนาจนายกฯ จะพิจารณา


นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. กล่าวว่า อุปรณ์ AI ที่ นายกรัฐมนตรีไปติดตามการทำงานที่โรงพยาบาลศิริราช เป็นอุปกรณ์ที่จะเป็นตัวช่วยเจ้าหน้าที่ในการ ตรวจคนไข้ที่ตรวจเชื้อโควิด-19  จากรูปแบบเดิม คือการใช้ไม้พันเข้าไปดึงเชื้อจากจมูกด้านหลังสุดและดึงออกมาเพื่อที่จะเอาตัวอย่างเนื้อเยื่อไปตรวจเข้าเครื่อง PCR ซึ่งต้องใช้เวลา และมีความเสี่ยงของเจ้าหน้าที่ในการตรวจ เพราะการตรวจอาจมีการไอจามของคนไข้ หากเป็นผู้ที่ติดเชื้อจะมีความเสี่ยงเจ้าหน้าที่ต้องใช้ชุดในการป้องกัน อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยีมาจากจีนที่ใช้การรวบรวมสถิติของผู้ป่วยที่มีจำนวนมาก มาบรรจุไว้ในคอมพิวเตอร์เพื่อให้ระบบคอมพิวเตอร์จำ และเมื่อนำผู้ป่วยใหม่ใส่เข้าไป จะเกิดการคำนวนโดยฐานข้อมูลจะวิเคราะห์ให้ว่าเป็นผู้ป่วยโควิด-19  หรือไม่ หรือมีเชื้อกี่เปอร์เซ็นต์ เป็นการสกรีนคนไข้ที่ไม่ต้องให้บุคลากรทางการแพทย์มีความเสี่ยงและติดเชื้อ โดยใช้เพียงไฟล์ภาพ CT scan หรือภาพเอ็กซเรย์ ของคนไข้ก็สามารถประมวลผลได้ว่าเข้าข่ายติดเชื้อหรือไม่ 

ส่วนการผ่อนปรนพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ จะสามารถดำเนินการได้เมื่อไหร่นั้น โฆษก ศบค.กล่าวว่า โดยหลักการเป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรี ในฐานะ ผอ.ศูนย์. ศบค. ที่ได้ให้นโยบายไว้ หลัก คือยึด สุขภาพ เป็นสำคัญตามมาด้วย เศรษฐกิจและสังคม หากเป็นเช่นนั้นต้อง ให้สุขภาพมาก่อน ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับตัวเลขของผู้ป่วย  หากเราปล่อยตัวเราเองไม่รักษาระยะห่าง การ์ดตก อาจจะกลับมาติดเชื้อเพิ่ม 


“หากต้องการให้เปิดห้าง ประชาชนจะมีการเว้นระยะห่างทางสังคมระหว่างใช้บริการได้หรือไม่ ทุกคนยอมรับกติกาได้หรือไม่ ทุกคนต้องใส่หน้ากากอนามัยในการทำทุกกิจกรรม เป็นเรื่องที่ยอมรับได้หรือไม่ ดังนั้นเห็นว่าการผ่อนคลาย ต่าง ๆ ต้องมีความรอบคอบ เพราะหากดูตัวอย่างจากประเทศที่มีการปล่อยปละละเลย จะเห็นได้ว่ามีผู้ติดเชื้อ ดีดกลับมา และมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก ดังนั้นการที่จำกัดพื้นที่ การเคลื่อนไหว ก็ยังคงมีความเสี่ยง” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว 

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ทีมงานกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะ เลขาคณะ ศบค. กำลังศึกษาเรื่องนี้อยู่คือการผ่อนคลายและกลับมาสู่การใช้ชีวิตปกติ ทีมวิชาการชุดนี้กำลังทำงานอย่างเข้มข้น และดูแลอย่างเต็มที่ ดูในทุกมิติ ทั้งภาคเศรษฐกิจ นำเอกชนมานั่งพูดคุยกันว่าแต่ละมาตรการที่จะออกมาจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ตอนนี้ใกล้กรอบเวลาครบกำหนดการประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ คือวันที่ 30 เมษายน แต่หากถึงเวลาตัวเลขผู้ติดเชื้อยังคงแดงไปทั้งโลก เราก็ยังคงต้องเฝ้าระวัง

“แม้ว่าเราจะทำตัวเลขได้สองหลักแต่ข้างบ้านประเทศรอบ ๆ มีตัวเลขสามหลัก บ้านเราปลอดภัย แต่ข้างบ้านไม่ปลอดภัย เราก็ไม่สามารถปล่อยได้ ต้องเข้าใจในสถานการณ์ การผ่อนปรนในภาพใหญ่ คนในภาพเล็กต้องมีส่วนร่วมด้วย  หากคนไทยร่วมกันมีวินัยทุกคน เดินหน้าไปอย่างพร้อมเพียง เชื้อโรคก็จะไม่มา เพราะเขากลัวการรักษาระยะห่าง หากท่านสามารถทำได้ ก็ตอบโจทย์การผ่อนคลายนี้ได้” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว


เมื่อถามว่าจังหวัดที่ไม่มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 เลย จะสามารถยกเลิกประกาศที่เข้มงวด ได้หรือไม่ นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า การประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ วันที่ 26 มีนาคม- 30 เมษายน จะผ่อนคลายอัตโนมัติในวันที่ 1 พฤษภาคม แต่ตอนนี้ยังไม่ได้เป็นอย่างนั้น จะตีความว่าวันที่1 พฤษภาคม กลับมาเป็นปกติเลยคงไม่ใช่ เพราะนายกรัฐมนตรี บอกแล้วว่าจะต้องประเมินก่อน 1 สัปดาห์ ก่อนพ.ร.ก.ครบกำหนด ว่าจะต้องขยายหรือไม่ แต่สถานการณ์เห็นอยู่แล้วว่า ตัวเลขการติดเชื้อ เสียชีวิต ของเพื่อนบ้านยังคงสูงอยู่ หากแต่ละจังหวัดจะผ่อนปรนตัวเอง ก็ต้องเป็นเรื่องที่หารือกันเชื่อว่านายกรัฐมนตรีน่าจะเป็นผู้พิจารณา เราต้องสู้กับโควิด-19 อีกพอสมควร เพราะตอนนี้ในแต่ละประเทศยังไม่มีใครกล้าที่จะยกเลิกมาตรการที่เข้มข้น ดังนั้นการตัดสินใจขึ้นอยู่กับพื้นฐานชุดข้อมูลขอให้รอการประเมินก่อน

โฆษก ศบค. กล่าวว่า ภาวะนี้คือการร่วมมือร่วมใจกัน 100% หากทำได้ 90% ก็ดีใจ และหากทั้งประเทศทำได้เกิน 100 เปอร์เซนต์ ก็ยิ่งดี เพราะเราต้องการความร่วมมือจากทุกคน ไม่มีแบ่งศาสนา เชื้อชาติ การเมือง เพราะทุกคนล้วนเป็นคนไทยที่ศัตรูของเราคือโควิด-19 เราต้องใช้ใจของเราสัมผัสเชื่อมใจสู้กับเชื้อโรคตัวเล็ก ๆ ให้หายไปจากประเทศไทย.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รวบแล้ว! มือปืนโหดสวมชุดไรเดอร์ ตามยิงซ้ำที่ รพ. ดับ 2

ปทุมธานี 5 มิ.ย.- จับแล้ว! มือปืนโหดสวมชุดไรเดอร์ รัวกระสุนใส่หน้าบ้าน ก่อนตามไปยิงซ้ำที่ รพ. เสียชีวิต 2 ราย สารภาพอ้างแค้นถูกตีท้ายครัว ความคืบหน้าเหตุมือปืนชายแต่งกายไรเดอร์ ใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะ ยิงใส่กลุ่มวัยรุ่นชายหญิง ที่นั่งจับกลุ่มกันอยู่หน้าบ้าน ในพื้นที่ ต.ระแหง อ.ลาดหลุมแก้ว ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย หลังเกิดเหตุกลุ่มเพื่อนได้นำคนเจ็บไปส่งโรงพยาบาล แต่คนร้าย ได้ขี่รถจักรยานยนต์ตามประกบ ใช้อาวุธปืนตามยิงซ้ำถึงในโรงพยาบาล ส่งผลให้ผู้ได้รับบาดเจ็บที่อยู่ท้ายกระบะเสียชีวิต 2 ราย ล่าสุดเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวมือปืน ทราบชื่อนายสมยศ อายุ 32 ปี พร้อมของกลางอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่ใช้ในการก่อเหตุ โดยให้การรับสารภาพว่าตนเองจะมายิงนายมานะ หรือไอซ์ อายุ 33 ปี เพียงคนเดียว ซึ่งก่อนเกิดเหตุตนได้นั่งกินเบียร์มาก่อน และที่ทำไปนั้น เพราะจับได้ว่าผู้ตายเป็นชู้กับภรรยาตน หลังก่อเหตุขับรถหนีไปจังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม .-สำนักข่าวไทย

“ภูมิธรรม” รับกัมพูชาล้ำ 200 ม. จริง แต่เป็นจุด No Man’s Land

ทำเนียบ 5 มิ.ย.- “ภูมิธรรม” รับกัมพูชาล้ำ 200 เมตร จริง แต่เป็นจุด No Man’s Land ย้ำใช้เวที JBC เจรจา บอกไม่ใช่เรายอมศิโรราบ แต่ไทยมีข้อมูลหลักฐาน รอชัดเจน 14 มิ.ย. ขณะที่กองทัพเตรียมพร้อมตรึงกำลังแนวชายแดน ลั่นไม่ยอมใคร ยืนยันไทยเริ่มต้นจากสันติ ชี้หากประกาศกฏอัยการศึก แม่ทัพภาค 2 มีอำนาจสั่งได้ทันที นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการลงพื้นที่ชายแดน ไทย-กัมพูชา บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานีเมื่อวานนี้ ว่า ตนได้รับรายงานจากกองทัพภาคที่สอง ถึงข้อมูลที่ออกไปในปัจจุบัน ผิดไปจากสิ่งที่เป็นอยู่ ในปัจจุบันมากพอสมควร จึงอยากให้ระมัดระวังเรื่องข้อมูลข่าวสาร ยืนยันว่า ในพื้นที่ไม่ได้มีการวางทุ่นระเบิด จะเป็นภาพเก่าในอดีต ซึ่งตนมองว่าเป็นการสร้างความสับสน และทำลายศรัทธาความร่วมมือของประชาชน นายภูมิธรรม กล่าวถึงการรุกล้ำ 200 เมตร ว่า ทั้งหมดนี้อยู่ที่คณะกรรมการ JBC ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่ชายแดนกำหนดแต่ละฝ่ายมีจุดที่ค่อมกัน ดังนั้นจึงกำหนดให้เป็น […]

ดรามานิติไล่ไรเดอร์รับลูกค้าหน้าคอนโดฯ

5 มิ.ย. – สาวเรียกรถผ่านแอปฯ มารับหน้าคอนโดฯ หัวหน้าวินมอเตอร์ไซค์ถือวิทยุสื่อสารพร้อมไล่ให้ลงรถ ขู่ไม่อนุญาตให้เรียกรถผ่านแอปฯ ด้านไรเดอร์รู้ข่าวบุกรวมตัว ลั่นถ้าคู่กรณีไม่ออกมาก็อย่าหวังว่าแยกย้าย คลิปจากผู้โดยสารคนหนึ่งถ่ายไว้ขณะเรียกรถมารับบริเวณด้านหน้าคอนโดฯ ย่านสาทร แต่กลับถูกชายรายหนึ่งถือวิทยุสื่อสาร ไล่ให้ลงจากรถ พร้อมพูดขู่ว่าไม่ใช่วินห้ามเข้า แฟนเพจเฟซบุ๊กอยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทริน์ part 6 ได้รับเรื่องร้องเรียนจากลูกบ้านคอนโดฯ แห่งหนึ่ง โพสต์ไว้หลังจากเรียกรถผ่านแอปพลิเคชัน แต่กลับถูกขัดขวาง ระบุว่า “เราได้เรียกรถจักรยานยนต์ผ่านแอปพลิเคชันเพื่อไปทำงานตามปกติ แต่มีชายคนหนึ่ง (คาดว่าเป็นวินในหมู่บ้าน มีวิทยุสื่อสารด้วย) เข้ามาไล่ให้ลงจากรถ พร้อมพูดในลักษณะข่มขู่ว่า “ไม่ให้เรียกผ่านแอปฯ เพราะที่นี่มีวินอยู่แล้ว” และยังไล่คนขับกลับไปทันที เหตุการณ์นี้ทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัยและเสียเวลาในการเดินทาง รบกวนช่วยตรวจสอบ ขอความชัดเจนว่าในหมู่บ้านมีข้อกำหนดห้ามเรียกรถผ่านแอปฯ หรือไม่ หากมีรบกวนขอเอกสารหรือประกาศที่เป็นทางการด้วย หากไม่มีรบกวนช่วยดำเนินการกับบุคคลดังกล่าว เพราะพฤติกรรมที่เกิดขึ้นเข้าข่ายคุกคามและไม่เหมาะสม” หลังจากโพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ ปรารกฏว่าวานนี้ (4 มิ.ย.) มีไรเดอร์จำนวนมานัดรวมตัวกันและเดินทางไปยังคอนโดฯ ดังกล่าว โดยมีตำรวจเข้ามาพูดคุย ขณะที่ทางตัวแทนไรเดอร์ระบุว่า ถ้าคู่กรณีไม่ออกมาก็อย่าหวังว่าแยกย้าย และนิติคอนโดฯ ต้องออกมาพูดให้ชัดเจนว่าไรเดอร์เข้าไปรับผู้โดยสารได้ไหม” ต่อมาที่ สน.บางขุนเทียน เจ้าหน้าที่เรียกตัวนายพงษ์ อายุ 52 […]

คนขับหลับใน รถทัวร์เสียหลักตกร่องถนน ดับ 2 สาหัส 5

ประจวบคีรีขันธ์ 4 มิ.ย. – รถทัวร์ตกร่องกลางถนนชนเสาไฟ บนถนนเพชรเกษม อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ ผู้โดยสารเสียชีวิต 2 ราย บาดเจ็บสาหัส 5 คน คนขับยอมรับหลับใน วงจรปิดจับภาพขณะเกิดเหตุรถทัวร์ขับมาดีๆ จู่ๆ ไถลลงร่องกลางถนน โดยไม่มีคู่กรณี เหตุเกิดประมาณตี 04.30 น.ที่ผ่านมา (4 มิ.ย.) บนถนนเพชรเกษม บริเวณหน้าค่ายพระมงกุฎเกล้า อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ รถที่เกิดเหตุเป็นรถบัสโดยสารปรับอากาศ สายระยอง-มุกดาหาร พลิกตะแคงอยู่ในร่องกลาง มีร่องรอยชนกับเสาไฟและการ์ดเลนถนน สภาพรถด้านหน้าพังยับเยิน กระจกหน้าและด้านข้างแตกร้าว หลังคาฉีกขาด ที่เกิดเหตุมีผู้เสียชีวิต 2 คน เป็นชาย และอาการสาหัส 5 คน นอกจากนี้ยังมีผู้บาดเจ็บอีกจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ปฐมพยาบาลเบื้องต้นและเร่งนำตัวนำส่งโรงพยาบาล ขณะที่ผู้โดยสารต่างอยู่ในอาการตกใจ บอกว่าก่อนเกิดเหตุรู้สึกว่ารถส่ายไปมา คนขับรถคือ นายทศพร อายุ 51 ปี ให้การว่า ในรถมีผู้โดยสารรวมคนขับแล้ว 28 คน รับผู้โดยสารจาก จ.ระยอง […]

ข่าวแนะนำ

ผบ.ทสส.นัดถก ผบ.เหล่าทัพเฉพาะกิจ ปมชายแดนไทย-กัมพูชา

กรุงเทพฯ 5 มิ.ย. – ถก ผบ.เหล่าทัพเฉพาะกิจ พรุ่งนี้ แก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา คาด “ผบ.ทบ.” รับผิดชอบโดยตรง เตรียมแผนรับมือครอบคลุมทุกมิติแล้ว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันพรุ่งนี้ (6 มิ.ย.68) พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) จะเป็นประธานการประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพ ครั้งที่ 4/2568 วาระเฉพาะกิจ ที่กองบัญชาการกองทัพอากาศ (บก.ทอ.) ในเวลา 14.00 น. คาดว่าจะมีการหารือถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งเป็นความรับผิดชอบของกองทัพบกโดยตรง ทั้งการเตรียมกำลัง และดำเนินการเกี่ยวกับการใช้กำลังตามอำนาจหน้าที่ของกระทรวงกลาโหม โดยมี พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก เป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรง และเตรียมแผนพร้อมรับมือสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ครอบคลุมทุกมิติแล้ว สำหรับการประชุม ผบ.เหล่าทัพ ในครั้งนี้ กองทัพอากาศเป็นเจ้าภาพ และได้แจ้งสื่อมวลชน ขอยกเลิกการมาทำข่าวนี้ เนื่องจากเป็นการประชุมเฉพาะกิจ นอกจากนี้ สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) จะมีการประชุม และคาดว่าจะมีการตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจขึ้นมาดูแลแก้ปัญหาโดยเฉพาะ.-313-สำนักข่าวไทย

รวมพลังหยุดเหมืองพิษ คืนชีวิตคนลุ่มน้ำชายแดน

5 มิ.ย. – วันนี้เป็นวันสิ่งแวดล้อมโลก ซึ่งขณะนี้ผู้คนตามลุ่มน้ำชายแดนไทย-เมียนมา ทางภาคเหนือของไทย กำลังเผชิญกับวิกฤติสิ่งแวดล้อม หลัง 2 เดือนมานี้พบสารหนูปนเปื้อนเกินมาตรฐานในลำน้ำกกและน้ำสาย รวมถึงแม่น้ำรวกและแม่น้ำโขง เชื่อว่าเป็นผลมาจากการทำเหมืองแร่หลายแห่งบริเวณต้นน้ำในเมียนมา วันนี้ชาวเชียงใหม่และเชียงราย ร่วมกันออกมาแสดงพลังเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ โดยเฉพาะการเจรจาให้หยุดเหมืองพิษและคืนชีวิตให้กับลุ่มน้ำต่างๆ .-สำนักข่าวไทย

แฉชนวนเหตุ ไรเดอร์บุกยิงดับ 2 ศพคา รพ.

ปทุมธานี 5 มิ.ย. – จากเหตุระทึกขวัญที่ลาดหลุมแก้ว ปทุมธานี เมื่อคืนที่ผ่านมา ไรเดอร์บุกยิงคนถึงในบ้าน แล้วยังขับรถตามไปยิงซ้ำที่โรงพยาบาลจนเสียชีวิต วันนี้ตำรวจจับกุมตัวได้แล้ว ชนวนเหตุมาจากอะไร ติดตามจากรายงาน.-สำนักข่าวไทย

นายกฯ โพสต์หารือประเมินปมชายแดนไทย-กัมพูชา

ทำเนียบ 5 มิ.ย.-นายกฯ โพสต์หารือประเมินปมชายแดนไทย-กัมพูชา ยึดหลักการสันติวิธี ยันไทยไม่ยอมรับอำนาจศาลโลก ชี้ต้องคุยเฉพาะพื้นที่เป็นปัญหา ไม่ขยายประเด็น นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย ถึงการหารือสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า “จากกรณีที่ทางรัฐบาลกัมพูชาออกแถลงการณ์เกี่ยวกับสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ดิฉันได้หารือร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ และท่านรองนายกรัฐมนตรี นายภูมิธรรม เวชยชัย ซึ่งได้โทรศัพท์เข้ามารายงานเรื่องการลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ ณ จังหวัดอุบลราชธานี อย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินภาพรวมอย่างรอบด้าน รัฐบาลไทยขอยืนยันในหลักการแก้ไขปัญหาด้วยแนวทางสันติวิธี ภายใต้ความเคารพในอธิปไตยและดินแดนของกันและกัน ในกรณีที่กัมพูชาประสงค์จะเสนอให้ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) เข้ามามีบทบาท รัฐบาลไทยขอเรียนว่า ประเทศไทยไม่ได้ให้การยอมรับเขตอำนาจศาล ICJ ในกรณีพิพาทต่างๆ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2503 จนถึงปัจจุบัน และขอย้ำว่า ประเด็นที่เกิดขึ้นควรได้รับการแก้ไขปัญหาในบริเวณที่มีการกระทบกระทั่งกันเท่านั้น ไม่ขยายประเด็นปัญหาออกไป ประเทศไทยยังยึดมั่นในกลไกการหารือทวิภาคีที่ทั้งสองฝ่ายตกลงกันไว้มาโดยตลอด เพื่อรักษาความสัมพันธ์อันดีระหว่างประชาชนทั้งสองประเทศค่ะ.-315.-สำนักข่าวไทย