ทำเนียบรัฐบาล 9 เม.ย.-โฆษก ศบค. เผยนายกฯ ขอบคุณทุกภาคส่วนที่ทุ่มเททำหน้าที่ร่วมแก้ปัญหาโควิด-19 ยังไม่เพิ่มมาตรการเคอร์ฟิว ย้ำดูแลการกักตัวผู้ที่เดินทางกลับจากประเทศให้ความเรียบร้อยได้มาตรฐาน
นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19 : ศบค.) แถลงผลการประชุมศบค.ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเป็นประธานประชุมผ่านระบบวีดิโอคอนเฟอร์เรนซ์ร่วมกับรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องไปยังกระทรวงต่าง ๆ โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวขอบคุณและชื่นชมหน่วยงานทุกภาคส่วนโดยเฉพาะหลายกลุ่มที่มีความเสี่ยงต้องเกี่ยวข้องกับผู้ป่วย ซึ่งถือว่าเป็นผู้เสียสละ ทุ่มเท อดทนทำงานสำคัญครั้งนี้ พร้อมให้กำลังใจ ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีเข้าใจดีว่าการทำงานเพื่อประชาชนทั้งประเทศ ย่อมมีความยากลำบากและเต็มไปด้วยอุปสรรค อาจจะมีทั้งผู้ที่มีเจตนาทั้งดีและไม่ดี จึงขอให้ทุกคนอดทน สร้างความเข้าใจ ชี้แจงประชาชนอย่างต่อเนื่อง ก่อนจะมีมาตรการใด ๆ ออกมา
“นายกรัฐมนตรีเล่าให้ที่ประชุมฟังกรณีที่วานนี้ (8 เม.ย.63) ได้ไปเยี่ยมชมการทำงานที่โรงแรมภัทรา ซึ่งเป็นพื้นที่กักกันคนไทยที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ โดยได้พูดคุยและสอบถามว่ามีปัญหาอะไรติดขัดอย่างไร เพื่อนำข้อมูลมาปรับปรุง พร้อมชื่นชมและขอบคุณเจ้าของโรงแรมที่ให้ความร่วมมืออย่างดี หลังจากนี้จะมีประชาชนเดินทางกลับมาอีกจำนวนมาก ขอให้ศบค.พิจารณาและดูแลประชาชนที่อยู่ในการคัดกรองและที่กำลังจะกลับมาเพิ่มเติมให้เรียบร้อย ถูกต้องตามมาตรฐานการคัดกรอง โดยจะปรับการเตรียมพื้นที่ให้ผู้ที่เดินทางกลับมาได้นอนห้องละ1คน เพื่อมาตรฐานที่ปลอดภัยในการรักษาพยาบาล” โฆษกศบค. กล่าว
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงการเดินทางเข้า-ออกประเทศไทยขณะนี้มีความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ ผ่านระบบการกักตัวทั้ง State Quarantine และ Home Quarantine เป็นไปตามที่มาตรการกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งประชาชนต้องมีความเข้าใจและให้ความร่วมมือการคัดกรอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งบุคคลที่เดินทางมาจากประเทศเสี่ยง ขอให้ทยอยเดินทางกลับเพื่อรัฐบาลจะได้จัดระบบรองรับที่เหมาะสม โดยพิจารณาการ State Quarantine สำหรับผู้ที่เดินทางมาทางอากาศ และดำเนินการ Local Quarantine ให้กับกลุ่มคนที่เดินทางผ่านด่านชายแดนทางบก รวมทั้งสั่งการให้ดูแลคนไทยที่พักอาศัยในต่างประเทศ แม้ว่าไม่ประสงค์จะเดินทางกลับประเทศ
“นายกรัฐมนตรีขอให้หัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการแต่ละด้านประสานงานกันอย่างใกล้ชิดในการนำนโยบายไปปฏิบัติ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าไม่ได้ลดทอนอำนาจรัฐมนตรี เพียงแต่ต้องการให้เกิดการบูรณาการการทำงานร่วมกัน และขอควบคุมภาพรวมการทำงานอย่างใกล้ชิด เนื่องจากมีข้อมูลจำนวนมาก จึงต้องการบริหารจัดการและบูรณาการข้อมูลที่ศบค. เพื่อการวิเคราะห์ตัดสินใจก่อนออกมาตรการต่าง ๆ และนำมาใช้ประชาสัมพันธ์เพื่อให้เกิดความร่วมมือ” โฆษกศบค. กล่าว
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีสั่งการให้กระทรวงกลาโหมและกระทรวงมหาดไทยพิจารณาเตรียมการร่วมกันด้านการจัดการ State Quarantine โดยต้องดูแลให้เกิดความเพียงพอทั้งอุปกรณ์ บุคลากรให้พร้อมใช้และเป็นประโยชน์ โดยสถานที่บางแห่งซึ่งได้ปรับเปลี่ยนใช้เป็นโรงพยาบาลรองรับผู้ป่วย ขอให้บันทึกแนวทางการรักษา การเตรียมรับมือสถานการณ์ในรูปแบบต่าง ๆ ไว้ เพื่อเป็นประวัติศาสตร์และเป็นแนวทางหากเกิดโรคระบาดใหม่ เป็นเสมือนคู่มือการดำเนินการ รวมทั้งการใช้จ่ายงบประมาณ หลักเกณฑ์การเบิกจ่าย ข้อยกเว้นตามพ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินและ พระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558
“นายกรัฐมนตรีย้ำว่าไม่เปลี่ยนแปลงกรอบเวลาประกาศเคอร์ฟิว โดยจะยังคงอยู่ในช่วงเวลาเดิมคือสี่ทุ่มถึงตีสี่ ขณะนี้นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายกฎหมายกำลังรวบรวมรายละเอียดอาชีพเพิ่มเติมเพื่อให้ได้รับการผ่อนผัน” โฆษกศบค. กล่าว
น.พ.ทวีศิลป์ กล่าวถึงมาตรการเยียวยาประชาชนที่ผ่านเกณฑ์ลงทะเบียนตามโครงการเราไม่ทิ้งกัน ว่า นายกรัฐมนตรีมีความเป็นห่วงผู้ที่ได้รับผลกระทบที่จะต้องได้รับการเยียวยา และทุกหน่วยงานกำลังพยามทำงานหนักเพื่อให้ความช่วยเหลือ หากตรวจสอบแล้วพบว่าผู้ที่ได้รับเงินเยียวยาไม่เข้าเกณฑ์ จะต้องส่งเงินกลับคืน.-สำนักข่าวไทย