“มาริษ” ร่อนหนังสือประท้วง “อาเซียน-สหรัฐ-จีน-ยูเอ็น”

ก.ต่างประเทศ 29 ก.ค.-“มาริษ” ส่งหนังสือประท้วง “อาเซียน-สหรัฐ-จีน-ยูเอ็น” บอกต่อสายเพื่อนสนิทขอร่อนเอกสาร ยัน “กัมพูชา” ไม่จบ ยิงอีกรอบหลังจบเจรจา เปิดใจขอทุกคนไม่ต้องห่วง กต.ร่วมมือเต็มที่ปกป้องอธิปไตยไทยและบูรณภาพแห่งดินแดน ยัน “ไทย” เป็นสุภาพบุรุษ ไม่ต้องกลัวสายตาโลก บอกนานาชาติชื่นชมพรึ่บ!

นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศแถลงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยชี้แจงว่าหลังเกิดเหตุการณ์ปะทะกัน ระหว่างไทย-กัมพูชา กระทรวงการต่างประเทศได้ประท้วงหลายกรอบความร่วมมือ ไม่ว่าจะเป็นอนุสัญญาออตตาวา, อนุสัญญาเจนีวา, กฎหมายระหว่างประเทศ, การใช้ทุ่นระเบิดและการโจมตีพื้นที่ที่เป็นพื้นที่ของประชาชน ซึ่งที่นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ตนได้เข้าไปในคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) ได้พบผู้แทนระดับสูงของ UN และหลายประเทศ หารือในเรื่องที่เราดำเนินการแก้ไขทุกอย่างด้วยสันติวิธี และใช้ความอดทนอดกลั้นทั้งหมด ถึงแม้จะอดกลั้น แต่เราก็ยึดถือหลักสำคัญที่สุด คืออำนาจอธิปไตยและความปลอดภัยของประชาชนเป็นสำคัญ เป็นอันดับหนึ่ง ขณะเดียวกัน เราก็ให้ความสำคัญกับเรื่องกฎหมายระหว่างประเทศกฎหมาย, กฎบัตรสหประชาชาติ, กฎหมายอาเซียน, ความตกลงและความเป็นครอบครัวอาเซียนทุกประเทศ รวมทั้งประเทศไทยกับประเทศกัมพูชา ซึ่งก็พยายามใช้ความอดทนอดกลั้นพยายามไม่ให้สถานการณ์บานปลาย แต่อย่างไรก็ตาม เราถูกละเมิดอธิปไตย เราก็ต้องใช้สิทธิ์ตอบโต้ในสิ่งที่ประเทศไทยถูกละเมิดมาโดยตลอด


นายมาริษ กล่าวว่า ภาพพจน์ของนานาประเทศที่ให้กับเรา ทำให้เราได้ประสบความสำเร็จในสิ่งที่เราต้องการ คือความเป็นประเทศรักสงบ แต่ไม่ยินยอมให้มีการละเมิดอำนาจอธิปไตย ถือเป็นการกระทำมากกว่าคำพูด เราได้รับการยอมรับเป็นอย่างมาก เพราะฉะนั้น ในช่วงที่เราไปเมื่อวานนี้ เราได้ยึดถือสิ่งต่างๆเหล่านี้เป็นหลัก ในขณะเดียวกันในการเจรจาทุกเรื่อง เราได้หารือโดยตรงกับกองทัพมาโดยตลอด โดยมีพลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม เราได้ติดต่อกันมาโดยตลอด การที่เราได้ข้อสรุปในเรื่องการหยุดยิง ถือเป็นความพยายามของประเทศไทยที่ต้องการลดความสูญเสีย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒธรรม และนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ก็พยายามที่จะแก้ไขปัญหาโดยสันติวิธี สิ่งที่สำคัญที่สุดคือรักษาไม่ให้เกิดความสูญเสียมากไปกว่านี้

“ที่ทุกคนเป็นห่วง ไม่ต้องเป็นห่วงครับ เราปกป้องอำนาจอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนเต็มที่อยู่แล้ว เราติดต่อกองทัพอยู่ตลอดเวลา เพื่อพิจารณาว่าตรงไหนเป็นอย่างไร รับได้แค่ไหน เพราะฉะนั้น ผลสำคัญที่ออกมาจากการประชุมเมื่อวานนี้เป็นสิ่งที่ดี” นายมาริษ กล่าว


นายมาริษ ย้ำว่า เราสามารถลดความตึงเครียด หยุดความกระทบกระทั่งกันและนำมาสู่ขั้นตอนการเจรจา ซึ่งสามารถดึงให้ประเทศอาเซียน สหรัฐอเมริกาและจีน ให้เห็นถึงความสำคัญและทำให้กัมพูชาได้ยืนยันว่าประเทศไทยสามารถที่จะดึงเขากลับมาสู่ต้องเจรจาในกลไกที่เรามีอยู่ทั้ง 3 กลไก

ท้ายที่สุดนโยบายที่เราพยายามคือการเจรจาทวิภาคี ตนถูกตั้งคำถามมาทั้งต้นว่าเขาจะไม่มาเจรจา ดังนั้น เป็นความพยายามที่เราต้องกดดันผ่านกรอบความร่วมมือ ไม่ว่าจะเป็นองค์การระหว่างประเทศ องค์การนานาชาติ ประเทศพันธมิตรหรือประเทศที่เป็นมหาอำนาจ รวมทั้งประเทศที่เป็นสมาชิก UNSC และเมื่อเกิดกรณีกระทบกระทั่งก็เป็นแรงกดดัน ที่ท้ายที่สุดไม่มีอะไรดีไปกว่าการเจรจาทวิภาคี ตนถือว่าเราประสบความสำเร็จที่จะดึงเขากลับมานั่งเจรจาทวิภาคีแล้วภายใต้การสังเกตการณ์ของมหาอำนาจ

นายมาริษ เปิดเผยด้วยว่า เมื่อเช้านี้ ก่อนทำหนังสือประท้วง ตนได้โทรศัพท์คุยกับรัฐมนตรีว่าการต่างประเทศมาเลเซีย ซึ่งเป็นเพื่อนสนิท ได้อธิบายให้เขาฟังว่ามีการกระทบกระทั่งกัน ตนมีความจำเป็นจะต้องทำการประท้วงไปที่ประธานอาเซียน ในฐานะที่เป็นเจ้าภาพและพยาน


“ผมอธิบายให้เขาฟังและส่งหนังสือเป็นทางการไปเรียบร้อยแล้ว รวมทั้งได้สั่งการว่าจะต้องทำหนังสือให้พยานอีกสองประเทศ คือสหรัฐและจีน ให้ได้ตระหนักถึงการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงของไทยและกัมพูชา เมื่อเช้านี้ทางกระทรวงการต่างประเทศ ก็ได้ประสานงานไปที่ออฟฟิศของนายกอันวาร์ ได้มีการพูดคุยกันระหว่างนายกอันวาร์และนายภูมิธรรม เมื่อเช้านี้เรียบร้อยแล้ว โดยได้เล่าให้ฟังถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และเล่าถึงความพยายามของเราที่จะประท้วง เนื่องจากมีการละเมิด ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม เพราะประธานาธิบดีอินโดนีเซียอยู่ด้วยพอดี ผมเองได้พูดกับท่านโดยตรง ซึ่งท่านก็เข้าใจ” นายมาริษ กล่าว

นายมาริษ ระบุว่า รัฐบาลได้ออกแถลงการณ์แล้วเรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อนมาก เราพยายามจะลดความตึงเครียดของปัญหา ขณะเดียวกันมันอาจจะมีการกระทบกระทั่ง ยังไม่ประสบผลสำเร็จอย่างสมบูรณ์ เราพยายามที่จะแก้ปัญหา ฝากทุกท่านระมัดระวังว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ทั้งหมดทั้งปวงนี้เป็นเพื่อตอบเป้าหมายของรัฐบาลและประเทศชาติ เรื่องแรกเราไม่ยอมเสียอำนาจอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนอย่างแน่นอน สอง เราต้องการที่จะแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างสันติและสุจริตใจ

จากนั้นเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนสอบถาม ผู้สื่อข่าวถามถึงความเชื่อมั่นหลังการเจรจาว่าเป็นการยินยอม หรือทำให้ประเทศเสียเปรียบในเวทีโลกหรือไม่ นายมาริษ ยืนยันว่าประเทศไทยได้รับการยอมรับในเวทีโลก เมื่อวานทันทีที่เครื่องแตะพื้น หลังการเจรจาก็ได้มีการพูดคุยกับนายโดนัล เจ. ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ซึ่งในระหว่างการพูดคุย ประธานาธิบดีทรัมป์ ให้เกียรติประเทศไทย และพูดว่าสิ่งที่รัฐบาลไทยทำเมื่อวานนี้นำมาสู่สันติภาพที่จะเกิดขึ้นในอาเซียน จึงไม่มีประโยชน์ในการใช้ความรุนแรงในการแก้ไขปัญหา และประธานาธิบดีทรัมป์พูดอย่างชัดเจนว่าสิ่งที่ตัดสินใจในครั้งนี้ได้รับการชื่นชมจากตนและนานาอารยประเทศ ที่จะเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาอย่างสันติ ขณะที่นายภูมิธรรม ก็ย้ำว่าเป็นนโยบายของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาตั้งแต่ต้น ดังนั้น ประชาชนควรชื่นชมสิ่งที่รัฐบาลไทยทำเพื่อแก้ไขปัญหาโดยสันติวิธี

ส่วนได้เปรียบหรือเสียเปรียบกับประเทศกัมพูชา นายมาริษ กล่าวว่า ระหว่างการเจรจามี พล.อ.ณัฐพล นั่งอยู่ด้วยแล้วได้ติดต่อกองทัพตลอด คำว่ารัฐบาล, กระทรวงการต่างประเทศ, กระทรวงกลาโหม ทำเพื่อปกป้องอธิปไตยและลดความสูญเสีย

ส่วนกรณีที่กัมพูชาพยายามบิดเบือน ส่งผลให้ประเทศไทยเสียเปรียบหรือไม่ นายมาริษ กล่าวว่า ตนเชื่อว่าเราชี้แจงด้วยความอดทนอดกลั้น สิ่งที่ยืนยันคือเราไม่ได้ใช้โอกาสในการบิดเบือน เราพูดข้อเท็จจริง เป็นสุภาพบุรุษ ดังนั้น ไม่ต้องกังวลสายตาโลก ซึ่งนอกเหนือจากหนังสือประท้วงดังกล่าวแล้ว ยังส่งไปให้ทูต UN ประจำนครนิวยอร์กและเจนีวาด้วย เชื่อว่าสุดท้ายความจริงก็คือความจริง หากเชื่อข้อมูลบิดเบือนได้ โลกก็ไม่มีความสงบสุข ขออย่ากังวล เพราะมอนิเตอร์สถานการณ์ ภาพลักษณ์เราดีมาก

นายมาริษ กล่าวทิ้งท้ายว่า นายแอลมานูแอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศสได้ส่งข้อความมายินดี และหลังจากแถลงนี้ตนจะเข้าหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเวียดนามซึ่งจะมีการทำความเข้าใจในเรื่องนี้กันด้วย.-312.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.พล.7 ของเขมร โดนกระสุนปืนใหญ่ยิงดับ บนช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ

26 ก.ค. – พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ จากการปะทะแย่งชิงพื้นที่ระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ตลอดวันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปะทะระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา บริเวณภูมะเขือ และช่องตาเฒ่า ตั้งแต่เช้ามืดวันนี้ ทหารไทยสามารถปกป้องพื้นที่ภูมะเขือ และกดดันทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ได้สำเร็จ ในขณะที่ทหารกัมพูชา พยายามกลับเข้ามาโจมตีกลับ เพื่อยึดภูมะเขือ ส่งผลให้มีทหารกัมพูชาเสียชีวิตหลายนาย หนึ่งในนั้นคือ พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ. – สำนักข่าวไทย

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

กริพเพน

ทอ. ส่ง F16 – กริพเพน ปฏิบัติการรอบ 2 ทิ้งบอมบ์พื้นที่ทางทหารเขมร

26 ก.ค. – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และกริพเพน 2 ลำ ออกปฏิบัติการรอบสอง โจมตียุทธบริเวณทำลายพื้นที่ทหารกัมพูชา บริเวณปราสาทตาควาย อ.พนมดง จ.สุรินทร์ ภารกิจลุล่วง และกับฐานปฏิบัติโดยปลอดภัย สำหรับพื้นที่บริเวนนี้ ทหารไทยกับทหารกัมพูชา ปะทะกันดุเดือด โดยทหารไทยพยายามทำลายพื้นที่กัมพูชาวางกำลังไว้หลายระลอก ในขณะที่กัมพูชาโต้กลับและระดมกำลังทหารมาเพิ่มเติม ส่งผลให้พื้นที่บริเวนนี้มีการปะทะดุเดือดตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.ถึงวันนี้. – สำนักข่าวไทย

เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ”

26 ก.ค.- เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ” ทหารไทยยึดอาวุธปืน-โดรน 11 รายการ พร้อมมือถือ 7 เครื่อง ใช้ถ่ายคลิปยั่วยุทหารไทย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า สำหรับปฏิบัติการ ของเจ้าที่ทหารกองทัพภาคที่ 2 บนภูมะเขือที่สามารถยึดกลับคืนมาได้ ทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 10 นาย พร้อมทั้งตรวจพบและสามารถยึดอาวุธ ยุทโธปกรณ์ จำนวน 11 รายการ ประกอบด้วย นอกจากนี้ยังพบโทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง ที่ทางทหารกัมพูชาชอบถ่ายในเวลาทำคลิปเมื่อเจอกับทหารไทยบริเวณแนวชายแดน -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

แนวป้องกันน้ำท่วมฝีมือทหารช่าง ลดความรุนแรงน้ำท่วม

เชียงราย 29 ก.ค. – น้ำจากลำน้ำสายที่ทะลักเข้าท่วมชุมชนชายแดนแม่สายที่เชียงรายลดลงแล้ว แต่ทิ้งเศษซากความเสียหายไว้จำนวนมากและทำให้ชาวแม่สายอย่างน้อย 500 ครัวเรือนได้รับความเดือดร้อน แต่ยังถือว่าไม่หนักหนาสาหัสเหมือนน้ำท่วมใหญ่เมื่อปีที่แล้ว ส่วนหนึ่งมาจากแนวป้องกันน้ำท่วมยาวเกือบ 4 กิโลเมตร จากฝีมือของทหารช่าง.-สำนักข่าวไทย

เปิดภาพทหารล้อมรั้วลวดหนาม ปราสาทตาเมือนธม

สุรินทร์ 29 ก.ค.-เปิดภาพทหารล้อมรั้วลวดหนามรอบปราสาทตาเหมือนธม อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ จากเหตุสู้รบชายแดนไทย-กัมพูชา ในหลายพื้นที่ รวมทั้งบริเวณปราสาทตาเมือนธม อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในจุดที่มีการปะทะรุนแรง และก่อนหน้านี้มีเหตุการณ์ที่ฝ่ายกัมพูชาพยายามยั่วยุในลักษณะต่างๆ เช่น การขึ้นมาร้องเพลง และทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ ขณะที่แม่ทัพภาคที่ 2 ก็เชิญชวนให้คนไทยมาเที่ยวปราสาทตาเมือนธม โดยยืนยันว่าเป็นพื้นที่อธิปไตยไทย และได้รับความสนใจจากประชาชนจากทั่วสารทิศ ทั้งนี้ บริเวณปราสาทตาเมือนธม ถือเป็นพื้นที่แรกๆ ที่เกิดเหตุปะทะ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 ด้วยเหตุว่ากัมพูชาพยายามจะเข้ามายึดพื้นที่ปราสาท ซึ่งเป็นจุดสูงได้เปรียบในเชิงจุดยุทธศาสตร์ ก่อนจะเกิดเหตุปะทะในหลายพื้นที่ตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะในพื้นที่รับผิดชอบของกองทัพภาคที่ 2 และนำมาสู่การเจรจาหยุดยิงโดยรัฐบาล 2 ประเทศ เมื่อวานนี้ จนกระทั่งมีการหารืออย่างไม่เป็นทางการระหว่างฝ่ายทหารในพื้นที่ 2 ประเทศในวันนี้ และทำให้เสียงปืนสงบลง.-313.-สำนักข่าวไทย

ไทม์ไลน์หลังข้อตกลงหยุดยิง หลายพื้นที่ยังปะทะเดือด

29 ก.ค.- ย้อนดูไทม์ไลน์ เหตุปะทะในหลายพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา หลังข้อตกลงหยุดยิงมีผลตั้งแต่เวลาเที่ยงคืนที่ผ่านมา ทันทีที่ข้อตกลงหยุดยิงแบบไม่มีเงื่อนไข ถูกกำหนดในเวลาเที่ยงคืน สมรภูมิสำคัญตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะบริเวณปราสาทตาควาย ปราสาทตาเมือนธม เดือดถึงขีดสุด เพราะต่างฝ่ายต่างต้องการแย่งชิงพื้นที่ ยิ่ง 30 นาทีสุดท้ายก่อนเดดไลน์ ทหารหน่วยรบพิเศษของไทย เข้าปะทะ “กองกำลัง BHQ” ที่เสริมกำลังเข้ามาอย่างดุเดือด ก่อนที่ไทยจะยึดประสาทตาควายไว้ได้ก่อนถึงเส้นตายหยุดยิง แต่ปรากฏว่าเสียงปืนและระเบิด สงบลงหลังเส้นตายหยุดยิงเพียงไม่นาน ตลอดทั้งคืน ไทยยังถูกกัมพูชา ยิงยั่วยุ ยาวจนถึงเช้า ภาพนี้ทหารไทยได้ถ่ายเวลาจากนาฬิกา ในเวลา 06.29 น. ขณะได้ยินเสียงปืนใหญ่ที่ฝั่งกัมพูชาระดมยิงใส่ฝั่งไทยไว้เป็นหลักฐานว่า กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง พันเอกริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษก ทบ. เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากหน่วยในพื้นที่ กองกำลังสุรนารี ว่าหลังจากมีการหยุดยิง ในเวลา 00.00 น. แล้ว พบว่าในพื้นที่ภูมะเขือ ถูกก่อกวน โดยฝ่ายทหารกัมพูชา มีการยิงปะทะตอบโต้จากทั้งสองฝ่ายจนถึงเช้า พื้นที่ซำแต มีการยิงปะทะกันเกิดขึ้น จนถึงเวลา 05.30 น. เนื่องจากทหารกัมพูชาไม่ยอมหยุด […]

ทหารม้าคุมตัว 18 ทหารกัมพูชา ในพื้นที่ซำแต หลังยอมจำนน

ศรีสะเกษ 29 ก.ค.-ทบ. เผยคุมตัว 18 ทหารกัมพูชา หลังทหารม้า เข้ากวาดล้างที่มั่นเขมร พื้นที่ซำแต จ.ศรีสะเกษ หลังยอมจำนน จนท.ปลดอาวุธ ยึดถือหลักมนุษยธรรมสากลเคร่งครัด ก่อนจะดำเนินการตามกระบวนการที่เกี่ยวข้องต่อไป วันนี้ (29 กรกฎาคม 2568) พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า กองทัพภาคที่ 2 ได้รายงานผลการควบคุมตัวทหารกัมพูชา จำนวน 18 นาย สืบเนื่องจากเหตุการณ์ปะทะในพื้นที่ ซำแต อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ กรณีดังกล่าวเกิดขึ้นภายหลังที่ฝ่ายกัมพูชาได้ใช้อาวุธหนักและอาวุธวิถีโค้ง ยิงเข้ามาในเขตพื้นที่ของไทย ฝ่ายไทยจึงได้ใช้ หน่วยทหารม้าเฉพาะกิจเข้าทำการตอบโต้และกวาดล้างที่มั่นของฝ่ายกัมพูชา จากการปฏิบัติดังกล่าว พบมีทหารกัมพูชาจำนวนหนึ่งยอมจำนนโดยไม่มีท่าทีหรือลักษณะจะคุกคามฝ่ายไทย ทางหน่วยจึงดำเนินการปลดอาวุธและควบคุมตัวตามขั้นตอน โดยยึดถือหลักมนุษยธรรมสากลอย่างเคร่งครัด มีจำนวน 18 นาย ชั้นยศ ร้อยตรี 1 นาย, จ่าสิบโท 2 นาย, สิบเอก 12 นาย, สิบโท […]