ทำเนียบฯ 26 มี.ค.-เลขาฯ สมช.เผย ศบค.จะใช้กฎหมายเข้มข้นทุกพื้นที่กับผู้ฝ่าฝืนข้อกำหนดตามพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ มีโทษจำคุก 2 ปี ปรับ 4 หมื่น ประเมินการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ถ้าประชาชนไม่ร่วมมือ Social distancing ถึงวันที่ 15 เม.ย.จะมีผู้ป่วยสะสม 25,225 คน ด้านกระทรวงต่างประเทศห่วงการป้องกันตามแนวชายแดน ช่วงแรงงานต่างด้าวกลับเข้าไทยหลังสงกรานต์
พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (เลขาฯ สมช.) กล่าวภายหลังการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นผู้อำนวยการศูนย์ฯ ว่า เป็นการหารือถึงภาพรวมข้อกำหนดต่าง ๆ ที่มีผลบังคับใช้แล้ว และยังมีข้อกำหนดบางอย่างที่ยังไม่ชัดเจน โดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติ ที่ประจำอยู่ตามจุดตรวจ (ด่าน) จะแจ้ง ชี้แจงรายละเอียดอีกครั้ง อย่างกรณีการเดินทางข้ามจังหวัดที่ในข้อเท็จจริงไม่อยากจะให้มีการข้าม เพราะต้องการให้จำกัดการเคลื่อนไหวอยู่ในจังหวัดของตัวเอง แต่ถ้ามีความจำเป็นต้องข้าม ก็จะต้องเจอกับมาตรการที่เข้มข้น ทั้งการตรวจอุปกรณ์ในรถ การตรวจอุณหภูมิร่างกาย การตรวจบัตรประจำตัวประชาชน และถ้าตรวจพบว่ามีไข้ ก็จะส่งตรวจไปที่โรงพยาบาลทันที จึงขอร้องหากไม่จำเป็นอย่าเดินทางข้ามจังหวัด
“มาตรการที่ออกมาไม่ใช่เพื่อคนอื่น และอย่าลืมว่าผู้ที่ติดเชื้อและเสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ และมีโรคประจำตัวอยู่แล้ว รวมถึงเด็กเล็กก็เป็นกลุ่มเสี่ยง ซึ่งมาตรการที่ออกมาก็เพื่อให้คนกลุ่มเสี่ยงเหล่านี้ได้ป้องกันตัวเอง ด้วยการไม่ออกจากบ้าน ความเสี่ยงอีกอย่างที่น่าเป็นห่วงคือการที่ลูกหลานออกไปข้างนอกแล้วกลับมาอยู่กับกลุ่มเสี่ยงเหล่านี้ จึงจำเป็นก็ต้องมี Social distancing สำหรับโทษถ้าฝ่าฝืนมาตรการและข้อกำหนดจริง ๆ จะรับโทษหนักจำคุก 2 ปีปรับ 40,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ แต่เราไม่อยากใช้มาตรการลงโทษขนาดนั้น จึงขอความร่วมมือกันก่อนให้ปฏิบัติตามข้อกำหนด แต่ถ้ายังไม่เชื่อฟังกันอีกก็ต้องเพิ่มความเข้มข้น และบทลงโทษต่อ ๆ ไปซึ่งบทลงโทษถึงวันนี้ เจ้าหน้าที่จะจริงจังแล้วแต่ทั้งหมดก็ต้องขึ้นอยู่กับเจตนาว่ามีเจตนาร้ายหรือดีมากน้อยแค่ไหน โดยพื้นที่เข้มข้นจะทำทั่วประเทศพร้อมกัน” พล.อ.สมศักดิ์ กล่าว
มีรายงานว่าในที่ประชุม ศบค. กระทรวงต่างประเทศแสดงความเป็นห่วงตามแนวชายแดนรอบประเทศเป็นพิเศษ ว่า ทุกฝ่ายจะต้องมีความระมัดระวัง และดูแลปัญหา โดยเฉพาะการเคลื่อนย้ายของกลุ่มแรงงานต่างด้าว กลับเข้าไทยหลังเทศกาลสงกรานต์ จะต้องมีการคัดกรองและตรวจสอบอย่างเข้มข้น เพื่อไม่ให้เป็นการซ้ำเติมสถานการณ์การแพร่ระบาดในไทย
นอกจากนี้ที่ประชุมศบค. ยังประเมินแนวโน้มจำนวนผู้ป่วยและจำนวนคาดการณ์ถึงวันที่ 15 เมษายน 2563 โดย ภาคประชาชนร่วมมือในการเว้นระยะห่างหรือ Social distancing 80 % จะมีผู้ป่วยสะสมจำนวน 7, 745 ราย แต่หากประชาชน ร่วมมือในการเว้นระยะห่าง Social distancing เพียง 50 % จะมีผู้ติดป่วยสะสม 17, 635 ราย และถ้าไม่มีมาตรการป้องกันจะทำให้มีผู้ป่วยสะสมถึง 25,225 ราย.-สำนักข่าวไทย