24 ก.ค. – สมช. ประณามการกระทำของกัมพูชา ใช้อาวุธหนักยิงเข้ามาฝั่งไทย โดยไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจน ทำให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ พร้อมย้ำขณะนี้เป็นเพียงการปะทะกัน ยังไม่ใช่ภาวะสงคราม
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) วันนี้เป็นนัดพิเศษ และเป็นการประชุม ครม.ด้วย โดยได้รับรายงานการปะทะที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่าเป็นการยิงเข้ามาจากทางกัมพูชา และมีการใช้อาวุธหนักยิงเข้ามาในเขตแดนประเทศไทย โดยไม่มีเป้าหมายชัดเจน ทำให้มีผู้เสียชีวิตรวม 11 คน เป็นพลเรือน 10 คน ทหาร 1 นาย และบาดเจ็บ 28 คน จึงขอประณามการกระทำของกัมพูชาที่ใช้กำลังโดยไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจน
ขณะที่อาวุธหนักบางลูกยิงเข้ามาที่ปั๊มน้ำมัน ซึ่งห่างชายแดนเพียง 3 กิโลเมตร ถือเป็นการใช้กำลังโดยไม่ยึดกฎหมายระหว่างประเทศ ยืนยันไม่ใช่ภาวะสงคราม เป็นเพียงการปะทะกันเท่านั้น และย้ำว่าไทยใช้สันติวิธี ไม่ประสงค์ใช้ความรุนแรง แต่เป็นการยั่วยุ จึงต้องป้องกันตนเองและประเทศชาติ ซึ่งไทยไม่ยอมให้มีการละเมิดอธิปไตย
ทั้งนี้ ได้เตรียมการป้องกันและปกป้องอธิปไตยอย่างเต็มที่ โดยใช้มาตรการต่างๆ และอำนาจทางการทหารอย่างเหมาะสม ซึ่งหากฉุกเฉินทหารสามารถปฏิบัติการได้ทันที โดยให้ยึดหลักกฎหมายระหว่างประเทศ พร้อมกันนี้ได้สั่งการให้อพยพประชาชนออกจากพื้นที่เสี่ยงให้ไกลกว่า 50 กิโลเมตร พร้อมกำหนดแผนดูแลความปลอดภัยครอบคลุม 4 จังหวัด คือ อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ และบุรีรัมย์
สำหรับมติของที่ประชุม สมช. คือดูแลประชาชนอย่างดีที่สุด เยียวยาผู้เสียชีวิตและสูญเสีย รวมถึงดูแลโรงเรียนบริเวณชายแดน ปิดโรงเรียน อพยบคนไข้ และปรับเปลี่ยนโรงพยาบาลอำเภอเป็นโรงพยาบาลสนามด้วย
นายภูมิธรรม เปิดเผยว่า ไม่สนใจฮุน เซน ออกนอกประเทศไปพบใคร และ รมต.ต่างประเทศ ก็ได้คุยกับเลขาฯ ยูเอ็นแล้ว และเรื่องของแรงงานกัมพูชาก็ขอให้เหตุการณ์ชายแดนสงบลงก่อน.-สำนักข่าวไทย