รัฐขอให้คนเดินทางกลับต่างจังหวัดกักตัวเอง 14 วัน

ทำเนียบฯ 23 มี.ค.- “เทวัญ” เผย รัฐบาลห้ามคนเดินทางกลับต่างจังหวัดไม่ได้ แต่ขอให้กักตัวเอง 14 วัน กำชับจังหวัดทำแผน ป้องกันโรคระดับชุมชน หมู่บ้าน ประธานสมาคมธนาคารไทย ยันเงินสดมีเพียงพอ เอทีเอ็มกดใช้ได้ ธนาคารพร้อมให้บริการ  ด้านมหาดไทย มอบผู้ว่าคัดกรอง สั่งกักตัว 14 วันกลุ่มเสี่ยง ตามความเหมาะสม


นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลมาตรการแก้ไขปัญหาจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)  แถลงผ่านศูนย์แถลงข่าวทำเนียบรัฐบาลว่า สถานการณ์ผู้ป่วยที่มีผู้ป่วยเพิ่มขึ้น ในวันนี้ 122 ราย และมียอดผู้ป่วยสะสม 721 ราย ตามที่กระทรวงสาธารณสุขรายงานมานั้น รัฐบาลยังต้องขอความร่วมมือประชาชน ในเขต กทม. และปริมณฑล ให้อยู่บ้าน งดเดินทางไปต่างจังหวัด ซึ่งหลังจากมีประกาศจากกรุงเทพมหานคร ปิด สถานที่หลายแห่ง จนประชาชนและแรงงานต่างด้าวกลับภูมิลำเนา เป็นสิ่งที่รัฐบาลไม่สามารถห้ามได้ จึงมีมาตราการรองรับที่ต่างจังหวัดด้วยการให้แต่ละจังหวัดทำแผน ป้องกันโรคระดับชุมชน หมู่บ้าน และขอให้คนที่เดินทางกลับจากกรุงเทพฯ แยกตัวพร้อมสังเกตอาการเป็นเวลา 14 วัน

รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมมนตรี กล่าวว่า สำหรับประชาชนที่ยังไม่ได้เดินทาง ออกจากกรุงเทพฯ รัฐบาลอยากให้อยู่ในกรุงเทพฯ ต่อไปก่อน เพราะกังวลว่าอาจเป็นผู้นำเชื้อไปติดญาติ ส่วนคนไทยที่เสียชีวิตที่กรุงวอชิงตัน สหรัฐฯ กระทรวงการต่างประเทศจะให้ความช่วยเหลือและประสานงานในเรื่องนี้ต่อไป 


นายเทวัญ กล่าวว่า ทางรัฐบาลจีนได้บริจาค เวชภัณฑ์ชุดตรวจคนไข้ตลอดจนหน้ากากอนามัยให้กับประเทศไทยซึ่งทางรัฐบาลไทยขอขอบคุณรัฐบาลจีนเป็นอย่างสูง ขณะเดียวกันคณะกรรมการเยียวยา เตรียมมาตรการให้ความช่วยเหลือด้านต่าง ๆ ซึ่งจะมีการเสนอรายละเอียดในการประชุมครม.วันพรุ่งนี้ (24 มี.ค.)

ด้าน ร.ต.อ.พงศกร ขวัญเมือง โฆษกกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงประกาศกรุงเทพมหานคร เรื่องคำสั่งปิดสถานที่ต่าง ๆ เป็นการชั่วคราว ว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทวีความรุนแรงมากขึ้น เป็นที่มาให้ทาง กทม.ต้องดำเนินการไม่ให้สถานการณ์การระบาดดังกล่าวขยายวงกว้าง จึงได้ประชุมร่วมกับทีมแพทย์โรงพยาบาลในพื้นที่ กทม. อาทิ โรงพยาบาลศิริราช โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ฯลฯ ซึ่งลงความเห็นว่าวิธีป้องกันยับยั้งไม่ให้ผู้คนเดินทางออกจากบ้านหรือมาอยู่รวมกัน โดยเฉพาะในสถานที่ปิด ห้างสรรพสินค้า สนามมวย ฯลฯ ทั้งยังป้องกันไม่ให้ผู้คนเคลื่อนย้าย ลดการแพร่กระจายของเชื้อโรค ทาง กทม. จึงออกมาตรการประกาศดังกล่าวออกมา 

โฆษกกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ส่วนที่มีคำถามว่าภายหลังจากมีคำสั่งดังกล่าว ส่งผลให้มีประชาชนเดินทางกลับบ้านจนแน่นสถานีขนส่งหมอชิตนั้น การเดินทางกลับภูมิลำเนาของประชาชนนั้นอยู่เหนืออำนาจของ กทม.ในการสั่งห้ามเดินทาง แต่ข้อมูลตัวเลขผู้โดยสารที่เดินทางกลับด้วยรถโดยสารประจำทาง พบว่า 90% เป็นผู้ใช้แรงงานต่างชาติ ลาว เมียนมา กัมพูชา ที่ได้รับผลกระทบจากการปิดด่าน ขณะที่อีก 10% เป็นพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการจำกัดการแพร่กระจายเชื้อโควิด-19 


ร.ต.อ.พงศกร กล่าวว่า ส่วนธนาคารที่อยู่ทั้งใน-นอกห้างสรรพสินค้า เปิดให้บริการตามปกติ  ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ทุกแห่งยังคงเปิดให้บริการตามปกติ  แต่เป็นการให้ซื้อกลับไปรับประทานเท่านั้น ยกเว้นในพื้นที่สนามบินที่จะยังคงมีโต๊ะให้นั่งรับประทาน แต่จะมีมาตรการเว้นระยะห่างเพื่อความปลอดภัย

นายแพทย์ทวี โชติพิทยสุนนท์ ผู้ทรงคุณวุฒิ ในคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ กล่าวว่า ขณะนี้โรคระบาดไปไกลที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา สถานการณ์นี้จึงต้องการความร่วมแรงร่วมใจและปฎิบัติตามที่กระทรวงสาธารณสุข และแพทย์แนะนำ สำหรับการแพร่เชื้อทางอากาศที่หลายคนวิตกกังวลว่าเชื้อไวรัสโควิด-19 สามารถอยู่ในอากาศได้นานขึ้นนั้น ขอชี้แจงว่าเชื้อไวรัสฯนี้สามารถแพร่เชื้อได้ทางอากาศแต่ไม่มาก ส่วนใหญ่พบในผู้ป่วยที่มีอาการหนัก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วยที่อยู่ในโรงพยาบาล แต่พบไม่มาก ดังนั้นในทางการแพทย์จึงแนะนำให้ใส่หน้ากาก n95 

นายแพทย์ทวี  กล่าวว่า ขอแนะนำประชาชนที่เดินทางกลับบ้าน ให้ทยอยกันเดินทาง อย่าไปเป็นกลุ่มใหญ่ เพราะมีโอกาสสูงในการแพร่เชื้อได้ และเมื่อกลับถึงบ้านให้ล้างมือ ทำความสะอาดร่างกาย ใส่หน้ากากอนามัย ก่อนมาพบครอบครัว สิ่งสำคัญคือต้องระวัง ไม่พาตัวเชื้อไปแพร่เชื้อเพิ่มและอดใจกักตัวเองไว้ 14 วัน เพราะถึงแม้จะไม่แสดงอาการ แต่ก็มีโอกาสที่เชื้อจะอยู่ในระยะอาการน้อย หรือฟักตัวแล้วกลับไปแสดงอาการที่บ้านได้

นายสมคิด  จันทมฤก  รองปลัดกระทรวงมหาดไทยและโฆษกกระทรวงมหาดไทย  กล่าวถึงมาตรการการรองรับคนในกรุงเทพฯเดินทางกลับภูมิลำเนา เพราะอาจจะเป็นเสียงนำเชื้อโรคไปต่างจังหวัดว่า ได้วางกรอบแนวทางโดยมีทีมดูแล ค้นหา เฝ้าสังเกตการณ์ ประกอบด้วย กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ผู้ช่วยสารวัตร เจ้าหน้าที่ อสม. ผู้ที่นายอำเภอแต่งตั้ง ซึ่งทีมดังกล่าวจะกระจายอยู่ทุกหมู่บ้านทุกตำบล นอกจากนี้ ยังมีมาตรการเน้นย้ำให้ดูแลผู้สูงอายุเพิ่มเติม เพราะเสี่ยงการติดเชื้อ โดยมี อสม. ให้คำแนะนำเป็นพิเศษ รวมถึงมีแผนปฏิบัติการจะดูแลผู้กักตัวที่เดินทางจาก กทม.ให้ครบ 14 วัน

ส่วนกรณีที่มีคนไม่ยอมกักตัวและยังใช้ชีวิตตามปกติ จะสามารถกำกับดูแลควบคุมได้อย่างไรนั้น นายสมคิด กล่าวว่า หากฝ่าฝืนไม่ยอมกักตัว ก็จะมีโทษทั้งจำและปรับ ลำดับแรกจะขอความร่วมมือให้ปฏิบัติตัวตามคำแนะนำ หากไม่ปฏิบัติตาม เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อที่แต่งตั้งโดยกระทรวงมหาดไทยก็สามารถเอาผิดได้

ขณะที่นายปรีดี ดาวฉาย ประธานสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า ยืนยันมีเงินสดเพียงพอที่จะให้ประชาชนมาเบิกถอนนำไปใช้จ่ายได้ ผ่านช่องทางต่างๆ เช่น ผ่านตู้เอทีเอ็มในระบบของธนาคารพาณิชย์ทั่วประเทศ 54,000 ตู้ ในส่วนของสาขาธนาคารต่างๆ นับรวมทั้งสาขาที่อยู่ในและนอกห้างสรรพสินค้า ปัจจุบันมี 6,800 กว่าแห่ง ซึ่งธนาคารทุกแห่งยังเปิดให้บริการตามปกติ และยังมีช่องทางการให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์ เช่น ทางอินเตอร์เน็ต และทางโมบายแบงค์กิ้ง

นายปรีดี กล่าวว่า สำหรับการให้บริการเรื่องสินเชื่อ ทั้งสินเชื่อผู้ประกอบการและสินเชื่อบุคคลที่ใช้บริการกับธนาคารต่างๆ กว่า 3-4 ล้านราย ยังให้บริการเป็นปกติ แม้การค้าขายจะมีอาการหยุดชะงักไปบ้าง จึงมีมาตรการต่างๆ เช่น การพักชำระเงินต้น หรือการพิจารณาว่าลูกค้ารายใดมีความสามารถในการชำระลดลงไป เราจะช่วยเหลือลูกค้าได้ประมาณ 3 หมื่นราย ซึ่งความช่วยเหลือในส่วนนี้จะต้องมาเรื่อยๆ

“ในเรื่องของสภาพคล่องทางธนาคารพาณิชย์ได้ร่วมมือกับทางภาครัฐ ซึ่งทางภาครัฐได้จัดเตรียมวงเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำผ่านธนาคารออมสินมาให้ทางธนาคารพาณิชย์เพื่อนำไปปล่อยกู้ให้กับลูกค้าในวงเงิน 1.5 แสนล้านบาท ในอัตราดอกเบี้ย 2% ซึ่งได้เริ่มดำเนินการในส่วนนี้แล้ว นอกจากนี้ภาครัฐยังมี บริษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ที่ทำหน้าที่เป็นผู้ค้ำประกันลูกค้าให้กับธนาคารพาณิชย์ ซึ่งเป็นจำนวนเงินถึง 6 หมื่นล้านบาท”

นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับโควิด19 อย่างเป็นทางการ รวมอยู่ในเวปไซด์ของทำเนียบรัฐบาล www.thaigov.go.th และเฟซบุ๊กไทยคู่ฟ้า นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีพร้อมที่จะใช้ยาแรงหากมีความจำเป็น โดยก่อนตัดสินใจจะสอบถามข้อมูลรอบด้านจากทุกฝ่าย  ส่วนมาตรการเยียวยา ได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน นายกรัฐมนตรีมีความเป็นห่วงผลกระทบที่เกิดขึ้นกับลูกจ้าง โดยในที่ประชุม ครม.พรุ่งนี้จะมีมติออกมาเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบในหลายด้าน.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รวบแล้ว! มือปืนโหดสวมชุดไรเดอร์ ตามยิงซ้ำที่ รพ. ดับ 2

ปทุมธานี 5 มิ.ย.- จับแล้ว! มือปืนโหดสวมชุดไรเดอร์ รัวกระสุนใส่หน้าบ้าน ก่อนตามไปยิงซ้ำที่ รพ. เสียชีวิต 2 ราย สารภาพอ้างแค้นถูกตีท้ายครัว ความคืบหน้าเหตุมือปืนชายแต่งกายไรเดอร์ ใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะ ยิงใส่กลุ่มวัยรุ่นชายหญิง ที่นั่งจับกลุ่มกันอยู่หน้าบ้าน ในพื้นที่ ต.ระแหง อ.ลาดหลุมแก้ว ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย หลังเกิดเหตุกลุ่มเพื่อนได้นำคนเจ็บไปส่งโรงพยาบาล แต่คนร้าย ได้ขี่รถจักรยานยนต์ตามประกบ ใช้อาวุธปืนตามยิงซ้ำถึงในโรงพยาบาล ส่งผลให้ผู้ได้รับบาดเจ็บที่อยู่ท้ายกระบะเสียชีวิต 2 ราย ล่าสุดเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวมือปืน ทราบชื่อนายสมยศ อายุ 32 ปี พร้อมของกลางอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่ใช้ในการก่อเหตุ โดยให้การรับสารภาพว่าตนเองจะมายิงนายมานะ หรือไอซ์ อายุ 33 ปี เพียงคนเดียว ซึ่งก่อนเกิดเหตุตนได้นั่งกินเบียร์มาก่อน และที่ทำไปนั้น เพราะจับได้ว่าผู้ตายเป็นชู้กับภรรยาตน หลังก่อเหตุขับรถหนีไปจังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม .-สำนักข่าวไทย

“ภูมิธรรม” รับกัมพูชาล้ำ 200 ม. จริง แต่เป็นจุด No Man’s Land

ทำเนียบ 5 มิ.ย.- “ภูมิธรรม” รับกัมพูชาล้ำ 200 เมตร จริง แต่เป็นจุด No Man’s Land ย้ำใช้เวที JBC เจรจา บอกไม่ใช่เรายอมศิโรราบ แต่ไทยมีข้อมูลหลักฐาน รอชัดเจน 14 มิ.ย. ขณะที่กองทัพเตรียมพร้อมตรึงกำลังแนวชายแดน ลั่นไม่ยอมใคร ยืนยันไทยเริ่มต้นจากสันติ ชี้หากประกาศกฏอัยการศึก แม่ทัพภาค 2 มีอำนาจสั่งได้ทันที นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการลงพื้นที่ชายแดน ไทย-กัมพูชา บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานีเมื่อวานนี้ ว่า ตนได้รับรายงานจากกองทัพภาคที่สอง ถึงข้อมูลที่ออกไปในปัจจุบัน ผิดไปจากสิ่งที่เป็นอยู่ ในปัจจุบันมากพอสมควร จึงอยากให้ระมัดระวังเรื่องข้อมูลข่าวสาร ยืนยันว่า ในพื้นที่ไม่ได้มีการวางทุ่นระเบิด จะเป็นภาพเก่าในอดีต ซึ่งตนมองว่าเป็นการสร้างความสับสน และทำลายศรัทธาความร่วมมือของประชาชน นายภูมิธรรม กล่าวถึงการรุกล้ำ 200 เมตร ว่า ทั้งหมดนี้อยู่ที่คณะกรรมการ JBC ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่ชายแดนกำหนดแต่ละฝ่ายมีจุดที่ค่อมกัน ดังนั้นจึงกำหนดให้เป็น […]

ดรามานิติไล่ไรเดอร์รับลูกค้าหน้าคอนโดฯ

5 มิ.ย. – สาวเรียกรถผ่านแอปฯ มารับหน้าคอนโดฯ หัวหน้าวินมอเตอร์ไซค์ถือวิทยุสื่อสารพร้อมไล่ให้ลงรถ ขู่ไม่อนุญาตให้เรียกรถผ่านแอปฯ ด้านไรเดอร์รู้ข่าวบุกรวมตัว ลั่นถ้าคู่กรณีไม่ออกมาก็อย่าหวังว่าแยกย้าย คลิปจากผู้โดยสารคนหนึ่งถ่ายไว้ขณะเรียกรถมารับบริเวณด้านหน้าคอนโดฯ ย่านสาทร แต่กลับถูกชายรายหนึ่งถือวิทยุสื่อสาร ไล่ให้ลงจากรถ พร้อมพูดขู่ว่าไม่ใช่วินห้ามเข้า แฟนเพจเฟซบุ๊กอยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทริน์ part 6 ได้รับเรื่องร้องเรียนจากลูกบ้านคอนโดฯ แห่งหนึ่ง โพสต์ไว้หลังจากเรียกรถผ่านแอปพลิเคชัน แต่กลับถูกขัดขวาง ระบุว่า “เราได้เรียกรถจักรยานยนต์ผ่านแอปพลิเคชันเพื่อไปทำงานตามปกติ แต่มีชายคนหนึ่ง (คาดว่าเป็นวินในหมู่บ้าน มีวิทยุสื่อสารด้วย) เข้ามาไล่ให้ลงจากรถ พร้อมพูดในลักษณะข่มขู่ว่า “ไม่ให้เรียกผ่านแอปฯ เพราะที่นี่มีวินอยู่แล้ว” และยังไล่คนขับกลับไปทันที เหตุการณ์นี้ทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัยและเสียเวลาในการเดินทาง รบกวนช่วยตรวจสอบ ขอความชัดเจนว่าในหมู่บ้านมีข้อกำหนดห้ามเรียกรถผ่านแอปฯ หรือไม่ หากมีรบกวนขอเอกสารหรือประกาศที่เป็นทางการด้วย หากไม่มีรบกวนช่วยดำเนินการกับบุคคลดังกล่าว เพราะพฤติกรรมที่เกิดขึ้นเข้าข่ายคุกคามและไม่เหมาะสม” หลังจากโพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ ปรารกฏว่าวานนี้ (4 มิ.ย.) มีไรเดอร์จำนวนมานัดรวมตัวกันและเดินทางไปยังคอนโดฯ ดังกล่าว โดยมีตำรวจเข้ามาพูดคุย ขณะที่ทางตัวแทนไรเดอร์ระบุว่า ถ้าคู่กรณีไม่ออกมาก็อย่าหวังว่าแยกย้าย และนิติคอนโดฯ ต้องออกมาพูดให้ชัดเจนว่าไรเดอร์เข้าไปรับผู้โดยสารได้ไหม” ต่อมาที่ สน.บางขุนเทียน เจ้าหน้าที่เรียกตัวนายพงษ์ อายุ 52 […]

คนขับหลับใน รถทัวร์เสียหลักตกร่องถนน ดับ 2 สาหัส 5

ประจวบคีรีขันธ์ 4 มิ.ย. – รถทัวร์ตกร่องกลางถนนชนเสาไฟ บนถนนเพชรเกษม อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ ผู้โดยสารเสียชีวิต 2 ราย บาดเจ็บสาหัส 5 คน คนขับยอมรับหลับใน วงจรปิดจับภาพขณะเกิดเหตุรถทัวร์ขับมาดีๆ จู่ๆ ไถลลงร่องกลางถนน โดยไม่มีคู่กรณี เหตุเกิดประมาณตี 04.30 น.ที่ผ่านมา (4 มิ.ย.) บนถนนเพชรเกษม บริเวณหน้าค่ายพระมงกุฎเกล้า อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ รถที่เกิดเหตุเป็นรถบัสโดยสารปรับอากาศ สายระยอง-มุกดาหาร พลิกตะแคงอยู่ในร่องกลาง มีร่องรอยชนกับเสาไฟและการ์ดเลนถนน สภาพรถด้านหน้าพังยับเยิน กระจกหน้าและด้านข้างแตกร้าว หลังคาฉีกขาด ที่เกิดเหตุมีผู้เสียชีวิต 2 คน เป็นชาย และอาการสาหัส 5 คน นอกจากนี้ยังมีผู้บาดเจ็บอีกจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ปฐมพยาบาลเบื้องต้นและเร่งนำตัวนำส่งโรงพยาบาล ขณะที่ผู้โดยสารต่างอยู่ในอาการตกใจ บอกว่าก่อนเกิดเหตุรู้สึกว่ารถส่ายไปมา คนขับรถคือ นายทศพร อายุ 51 ปี ให้การว่า ในรถมีผู้โดยสารรวมคนขับแล้ว 28 คน รับผู้โดยสารจาก จ.ระยอง […]

ข่าวแนะนำ

นายกฯ โพสต์หารือประเมินปมชายแดนไทย-กัมพูชา

ทำเนียบ 5 มิ.ย.-นายกฯ โพสต์หารือประเมินปมชายแดนไทย-กัมพูชา ยึดหลักการสันติวิธี ยันไทยไม่ยอมรับอำนาจศาลโลก ชี้ต้องคุยเฉพาะพื้นที่เป็นปัญหา ไม่ขยายประเด็น นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย ถึงการหารือสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า “จากกรณีที่ทางรัฐบาลกัมพูชาออกแถลงการณ์เกี่ยวกับสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ดิฉันได้หารือร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ และท่านรองนายกรัฐมนตรี นายภูมิธรรม เวชยชัย ซึ่งได้โทรศัพท์เข้ามารายงานเรื่องการลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ ณ จังหวัดอุบลราชธานี อย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินภาพรวมอย่างรอบด้าน รัฐบาลไทยขอยืนยันในหลักการแก้ไขปัญหาด้วยแนวทางสันติวิธี ภายใต้ความเคารพในอธิปไตยและดินแดนของกันและกัน ในกรณีที่กัมพูชาประสงค์จะเสนอให้ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) เข้ามามีบทบาท รัฐบาลไทยขอเรียนว่า ประเทศไทยไม่ได้ให้การยอมรับเขตอำนาจศาล ICJ ในกรณีพิพาทต่างๆ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2503 จนถึงปัจจุบัน และขอย้ำว่า ประเด็นที่เกิดขึ้นควรได้รับการแก้ไขปัญหาในบริเวณที่มีการกระทบกระทั่งกันเท่านั้น ไม่ขยายประเด็นปัญหาออกไป ประเทศไทยยังยึดมั่นในกลไกการหารือทวิภาคีที่ทั้งสองฝ่ายตกลงกันไว้มาโดยตลอด เพื่อรักษาความสัมพันธ์อันดีระหว่างประชาชนทั้งสองประเทศค่ะ.-315.-สำนักข่าวไทย

ไทยไม่ยอมรับเขตอำนาจศาลโลก ย้ำขอใช้กรอบ JBC

ทำเนียบ 5 มิ.ย.-รัฐบาลออกแถลงการณ์กรณีไทย-กัมพูชา ยืนยันประเทศไทยไม่ยอมรับเขตอำนาจศาลโลกมาตั้งแต่ พ.ศ. 2503 จนถึงปัจจุบันแล้ว ย้ำขอใช้กรอบ JBC ในทุกระดับแก้ปัญหาระหว่างกัน นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ภายหลังเกิดแหตุการณ์ที่บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมานั้น เวลา 16.30 น. รัฐบาลได้ออกแถลงการณ์กรณีดังกล่าว เป็นฉบับที่ 2 ดังนี้ นับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ปะทะที่บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 ทั้งสองฝ่ายได้หารือและตกลงกันที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา ได้แก่ คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (Joint Border Commission: JBC) คณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา (General Border Committee: GBC) และคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (Regional Border Committee: RBC) บนพื้นฐานของความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างไทย-กัมพูชา ซึ่งเป็นผลมาจากการหารือระหว่างผู้บัญชาการทหารบกของทั้งสองฝ่าย เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม […]

อัยการสั่งฟ้อง 5 ผู้ต้องหา คดีนอมินี ตึกสตง.

5 มิ.ย. – พนักงานอัยการคดีพิเศษ สั่งฟ้อง 5 ผู้ต้องหา คดีตึก สตง.ถล่ม ในส่วนความผิดตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวฯ นายศักดิ์เกษม นิไทรโยค โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เผยว่า วันนี้ พนักงานอัยการคดีพิเศษ มีความเห็นสั่งฟ้อง 5 ผู้ต้องหา คดีพิเศษที่เกี่ยวข้องกับตึก สตง.ถล่ม ในส่วนของความผิดตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวฯ มาตรา 36 มาตรา 37 และมาตรา 41 ในทุกข้อหา ยกเว้น นายประจวบ ศิริเขตร ซึ่งอัยการสั่งไม่ฟ้อง 1 ข้อหา ตามมาตรา 41 ผู้ต้องหาทั้ง 5 คน ประกอบด้วย นายโสภณ มีชัย, นายประจวบ ศิริเขตร, นายมานัส ศรีอนันท์,นายชวนหลิง จาง ชาวจีน กรรมการบริษัท ไชน่า เรลเวย์ และ […]

กัมพูชาจะไม่นำเรื่องพื้นที่พิพาทเข้าสู่วาระการประชุมเจบีซีกับไทย

กรุงเทพ 5 มิ.ย. – รัฐบาลกัมพูชาออกแถลงการณ์ลงวันที่ 4 มิถุนายนตำหนิเหตุการณ์ยิงปะทะกับทหารไทย พร้อมประกาศนำข้อพิพาทเรื่องดินแดนในพื้นที่ 4 จุดต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ โดยจะไม่นำเข้าวาระการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (Joint Boundary Committee- JBC) หรือ เจบีซี ไทย-กัมพูชา กลางเดือนนี้ แถลงการณ์ของรัฐบาลกัมพูชา รัฐบาลกัมพูชาได้ดำเนินนโยบายต่างประเทศบนรากฐานแห่งสันติภาพ มิตรภาพ และความร่วมมือระหว่างประเทศ เสมอมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับประเทศเพื่อนบ้านที่มีชายแดนร่วมกันตามที่กำหนดไว้ตั้งแต่สมัยอาณานิคมฝรั่งเศส นับตั้งแต่ได้รับเอกราช ยกเว้นช่วงระบอบการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของเขมรแดง กัมพูชายังคงยึดมั่นอย่างแน่วแน่ในการเปลี่ยนชายแดนร่วมเหล่านี้ให้เป็นเขตแห่งสันติภาพ มิตรภาพ ความร่วมมือ และการพัฒนา แม้จะมีความท้าทายเกิดขึ้นตลอดเส้นทางที่ผ่านมา กัมพูชาได้ให้ความสำคัญกับการยุติปัญหาชายแดนอย่างสันติ แม้ในช่วงเวลาที่มีความตึงเครียดเป็นครั้งคราวและมีการสูญเสียชีวิตของทหารผู้กล้าหาญที่ยืนหยัดปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของชาติ ความมุ่งมั่นที่ไม่เปลี่ยนแปลงของรัฐบาลกัมพูชา ในการแก้ไขปัญหาอย่างสันติเป็นที่ประจักษ์ในการดำเนินงานในอดีตที่ผ่านมา รวมถึงการส่งข้อพิพาทไปยังศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือ ICJ ซึ่งมีคำวินิจฉัยเป็นคุณแก่กัมพูชาในปี 2505 และอีกครั้งหนึ่งในปี 2556 ในข้อพิพาทชายแดนกับประเทศไทย การกระทำเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของกัมพูชาต่อกฎหมายระหว่างประเทศและการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งอย่างสันติ อย่างไรก็ตามเป็นเรื่องที่น่าเศร้าใจ ที่ในช่วงเช้าตรู่ของวันที่ 28 พฤษภาคม 2565 เวลาประมาณ 05:30 น. เกิดเหตุการณ์ที่ทหารไทยได้เปิดฉากยิงเข้าใส่ทหารกัมพูชาในพื้นที่หมู่บ้านเตโชมรกต ตำบลมรกต […]