ทำเนียบฯ 23 มี.ค.- “เทวัญ” เผย รัฐบาลห้ามคนเดินทางกลับต่างจังหวัดไม่ได้ แต่ขอให้กักตัวเอง 14 วัน กำชับจังหวัดทำแผน ป้องกันโรคระดับชุมชน หมู่บ้าน ประธานสมาคมธนาคารไทย ยันเงินสดมีเพียงพอ เอทีเอ็มกดใช้ได้ ธนาคารพร้อมให้บริการ ด้านมหาดไทย มอบผู้ว่าคัดกรอง สั่งกักตัว 14 วันกลุ่มเสี่ยง ตามความเหมาะสม
นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลมาตรการแก้ไขปัญหาจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) แถลงผ่านศูนย์แถลงข่าวทำเนียบรัฐบาลว่า สถานการณ์ผู้ป่วยที่มีผู้ป่วยเพิ่มขึ้น ในวันนี้ 122 ราย และมียอดผู้ป่วยสะสม 721 ราย ตามที่กระทรวงสาธารณสุขรายงานมานั้น รัฐบาลยังต้องขอความร่วมมือประชาชน ในเขต กทม. และปริมณฑล ให้อยู่บ้าน งดเดินทางไปต่างจังหวัด ซึ่งหลังจากมีประกาศจากกรุงเทพมหานคร ปิด สถานที่หลายแห่ง จนประชาชนและแรงงานต่างด้าวกลับภูมิลำเนา เป็นสิ่งที่รัฐบาลไม่สามารถห้ามได้ จึงมีมาตราการรองรับที่ต่างจังหวัดด้วยการให้แต่ละจังหวัดทำแผน ป้องกันโรคระดับชุมชน หมู่บ้าน และขอให้คนที่เดินทางกลับจากกรุงเทพฯ แยกตัวพร้อมสังเกตอาการเป็นเวลา 14 วัน
รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมมนตรี กล่าวว่า สำหรับประชาชนที่ยังไม่ได้เดินทาง ออกจากกรุงเทพฯ รัฐบาลอยากให้อยู่ในกรุงเทพฯ ต่อไปก่อน เพราะกังวลว่าอาจเป็นผู้นำเชื้อไปติดญาติ ส่วนคนไทยที่เสียชีวิตที่กรุงวอชิงตัน สหรัฐฯ กระทรวงการต่างประเทศจะให้ความช่วยเหลือและประสานงานในเรื่องนี้ต่อไป
นายเทวัญ กล่าวว่า ทางรัฐบาลจีนได้บริจาค เวชภัณฑ์ชุดตรวจคนไข้ตลอดจนหน้ากากอนามัยให้กับประเทศไทยซึ่งทางรัฐบาลไทยขอขอบคุณรัฐบาลจีนเป็นอย่างสูง ขณะเดียวกันคณะกรรมการเยียวยา เตรียมมาตรการให้ความช่วยเหลือด้านต่าง ๆ ซึ่งจะมีการเสนอรายละเอียดในการประชุมครม.วันพรุ่งนี้ (24 มี.ค.)
ด้าน ร.ต.อ.พงศกร ขวัญเมือง โฆษกกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงประกาศกรุงเทพมหานคร เรื่องคำสั่งปิดสถานที่ต่าง ๆ เป็นการชั่วคราว ว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทวีความรุนแรงมากขึ้น เป็นที่มาให้ทาง กทม.ต้องดำเนินการไม่ให้สถานการณ์การระบาดดังกล่าวขยายวงกว้าง จึงได้ประชุมร่วมกับทีมแพทย์โรงพยาบาลในพื้นที่ กทม. อาทิ โรงพยาบาลศิริราช โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ฯลฯ ซึ่งลงความเห็นว่าวิธีป้องกันยับยั้งไม่ให้ผู้คนเดินทางออกจากบ้านหรือมาอยู่รวมกัน โดยเฉพาะในสถานที่ปิด ห้างสรรพสินค้า สนามมวย ฯลฯ ทั้งยังป้องกันไม่ให้ผู้คนเคลื่อนย้าย ลดการแพร่กระจายของเชื้อโรค ทาง กทม. จึงออกมาตรการประกาศดังกล่าวออกมา
โฆษกกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ส่วนที่มีคำถามว่าภายหลังจากมีคำสั่งดังกล่าว ส่งผลให้มีประชาชนเดินทางกลับบ้านจนแน่นสถานีขนส่งหมอชิตนั้น การเดินทางกลับภูมิลำเนาของประชาชนนั้นอยู่เหนืออำนาจของ กทม.ในการสั่งห้ามเดินทาง แต่ข้อมูลตัวเลขผู้โดยสารที่เดินทางกลับด้วยรถโดยสารประจำทาง พบว่า 90% เป็นผู้ใช้แรงงานต่างชาติ ลาว เมียนมา กัมพูชา ที่ได้รับผลกระทบจากการปิดด่าน ขณะที่อีก 10% เป็นพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการจำกัดการแพร่กระจายเชื้อโควิด-19
ร.ต.อ.พงศกร กล่าวว่า ส่วนธนาคารที่อยู่ทั้งใน-นอกห้างสรรพสินค้า เปิดให้บริการตามปกติ ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ทุกแห่งยังคงเปิดให้บริการตามปกติ แต่เป็นการให้ซื้อกลับไปรับประทานเท่านั้น ยกเว้นในพื้นที่สนามบินที่จะยังคงมีโต๊ะให้นั่งรับประทาน แต่จะมีมาตรการเว้นระยะห่างเพื่อความปลอดภัย
นายแพทย์ทวี โชติพิทยสุนนท์ ผู้ทรงคุณวุฒิ ในคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ กล่าวว่า ขณะนี้โรคระบาดไปไกลที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา สถานการณ์นี้จึงต้องการความร่วมแรงร่วมใจและปฎิบัติตามที่กระทรวงสาธารณสุข และแพทย์แนะนำ สำหรับการแพร่เชื้อทางอากาศที่หลายคนวิตกกังวลว่าเชื้อไวรัสโควิด-19 สามารถอยู่ในอากาศได้นานขึ้นนั้น ขอชี้แจงว่าเชื้อไวรัสฯนี้สามารถแพร่เชื้อได้ทางอากาศแต่ไม่มาก ส่วนใหญ่พบในผู้ป่วยที่มีอาการหนัก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วยที่อยู่ในโรงพยาบาล แต่พบไม่มาก ดังนั้นในทางการแพทย์จึงแนะนำให้ใส่หน้ากาก n95
นายแพทย์ทวี กล่าวว่า ขอแนะนำประชาชนที่เดินทางกลับบ้าน ให้ทยอยกันเดินทาง อย่าไปเป็นกลุ่มใหญ่ เพราะมีโอกาสสูงในการแพร่เชื้อได้ และเมื่อกลับถึงบ้านให้ล้างมือ ทำความสะอาดร่างกาย ใส่หน้ากากอนามัย ก่อนมาพบครอบครัว สิ่งสำคัญคือต้องระวัง ไม่พาตัวเชื้อไปแพร่เชื้อเพิ่มและอดใจกักตัวเองไว้ 14 วัน เพราะถึงแม้จะไม่แสดงอาการ แต่ก็มีโอกาสที่เชื้อจะอยู่ในระยะอาการน้อย หรือฟักตัวแล้วกลับไปแสดงอาการที่บ้านได้
นายสมคิด จันทมฤก รองปลัดกระทรวงมหาดไทยและโฆษกกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงมาตรการการรองรับคนในกรุงเทพฯเดินทางกลับภูมิลำเนา เพราะอาจจะเป็นเสียงนำเชื้อโรคไปต่างจังหวัดว่า ได้วางกรอบแนวทางโดยมีทีมดูแล ค้นหา เฝ้าสังเกตการณ์ ประกอบด้วย กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ผู้ช่วยสารวัตร เจ้าหน้าที่ อสม. ผู้ที่นายอำเภอแต่งตั้ง ซึ่งทีมดังกล่าวจะกระจายอยู่ทุกหมู่บ้านทุกตำบล นอกจากนี้ ยังมีมาตรการเน้นย้ำให้ดูแลผู้สูงอายุเพิ่มเติม เพราะเสี่ยงการติดเชื้อ โดยมี อสม. ให้คำแนะนำเป็นพิเศษ รวมถึงมีแผนปฏิบัติการจะดูแลผู้กักตัวที่เดินทางจาก กทม.ให้ครบ 14 วัน
ส่วนกรณีที่มีคนไม่ยอมกักตัวและยังใช้ชีวิตตามปกติ จะสามารถกำกับดูแลควบคุมได้อย่างไรนั้น นายสมคิด กล่าวว่า หากฝ่าฝืนไม่ยอมกักตัว ก็จะมีโทษทั้งจำและปรับ ลำดับแรกจะขอความร่วมมือให้ปฏิบัติตัวตามคำแนะนำ หากไม่ปฏิบัติตาม เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อที่แต่งตั้งโดยกระทรวงมหาดไทยก็สามารถเอาผิดได้
ขณะที่นายปรีดี ดาวฉาย ประธานสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า ยืนยันมีเงินสดเพียงพอที่จะให้ประชาชนมาเบิกถอนนำไปใช้จ่ายได้ ผ่านช่องทางต่างๆ เช่น ผ่านตู้เอทีเอ็มในระบบของธนาคารพาณิชย์ทั่วประเทศ 54,000 ตู้ ในส่วนของสาขาธนาคารต่างๆ นับรวมทั้งสาขาที่อยู่ในและนอกห้างสรรพสินค้า ปัจจุบันมี 6,800 กว่าแห่ง ซึ่งธนาคารทุกแห่งยังเปิดให้บริการตามปกติ และยังมีช่องทางการให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์ เช่น ทางอินเตอร์เน็ต และทางโมบายแบงค์กิ้ง
นายปรีดี กล่าวว่า สำหรับการให้บริการเรื่องสินเชื่อ ทั้งสินเชื่อผู้ประกอบการและสินเชื่อบุคคลที่ใช้บริการกับธนาคารต่างๆ กว่า 3-4 ล้านราย ยังให้บริการเป็นปกติ แม้การค้าขายจะมีอาการหยุดชะงักไปบ้าง จึงมีมาตรการต่างๆ เช่น การพักชำระเงินต้น หรือการพิจารณาว่าลูกค้ารายใดมีความสามารถในการชำระลดลงไป เราจะช่วยเหลือลูกค้าได้ประมาณ 3 หมื่นราย ซึ่งความช่วยเหลือในส่วนนี้จะต้องมาเรื่อยๆ
“ในเรื่องของสภาพคล่องทางธนาคารพาณิชย์ได้ร่วมมือกับทางภาครัฐ ซึ่งทางภาครัฐได้จัดเตรียมวงเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำผ่านธนาคารออมสินมาให้ทางธนาคารพาณิชย์เพื่อนำไปปล่อยกู้ให้กับลูกค้าในวงเงิน 1.5 แสนล้านบาท ในอัตราดอกเบี้ย 2% ซึ่งได้เริ่มดำเนินการในส่วนนี้แล้ว นอกจากนี้ภาครัฐยังมี บริษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ที่ทำหน้าที่เป็นผู้ค้ำประกันลูกค้าให้กับธนาคารพาณิชย์ ซึ่งเป็นจำนวนเงินถึง 6 หมื่นล้านบาท”
นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับโควิด19 อย่างเป็นทางการ รวมอยู่ในเวปไซด์ของทำเนียบรัฐบาล www.thaigov.go.th และเฟซบุ๊กไทยคู่ฟ้า นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีพร้อมที่จะใช้ยาแรงหากมีความจำเป็น โดยก่อนตัดสินใจจะสอบถามข้อมูลรอบด้านจากทุกฝ่าย ส่วนมาตรการเยียวยา ได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน นายกรัฐมนตรีมีความเป็นห่วงผลกระทบที่เกิดขึ้นกับลูกจ้าง โดยในที่ประชุม ครม.พรุ่งนี้จะมีมติออกมาเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบในหลายด้าน.-สำนักข่าวไทย