22 มี.ค. – สธ. ออกหนังสือด่วนถึงผู้ว่าฯ จัดทำแผนปฏิบัติการค้นหาเฝ้าระวังและป้องกันระดับอำเภอและหมู่บ้าน
วันนี้ (22 มี.ค. 63) นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายสุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรคในฐานะกรรมการและเลขานุการคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ มีหนังสือด่วนที่สุดถึงผู้ว่าราชการจังหวัด ในฐานะประธานกรรมการโรคติดต่อจังหวัด ขอความร่วมมือให้จัดทำแผนปฏิบัติการค้นหาเฝ้าระวังและป้องกันระดับอำเภอและหมู่บ้าน ดังนี้ (1) ให้จัดตั้งทีมอาสาโควิด– 19 ระดับอำเภอและหมู่บ้านเพื่อดำเนินการค้นหาและเฝ้าระวัง (2)จัดทำฐานข้อมูลของผู้เดินทางกลับจากกรุงเทพมหานครและปริมณฑลที่มาถึงภูมิลำเนาตั้งแต่วันที่ 22 มีนาคม 2563 เป็นต้นไป (3) ให้ความรู้และสร้างความเข้าใจให้แก่ผู้เดินทางกลับมาจากกรุงเทพมหานครและปริมณฑลเพื่อแยกตัวสังเกตอาการไข้และอาการทางเดินหายใจทุกวัน และหลีกเลี่ยงการใกล้ชิดผู้อื่นในที่พำนักหรือที่อาศัยจนครบ 14 วัน นับจากวันที่เดินทางมาถึงภูมิลำเนา (4) แจ้งผู้เดินทางกลับจากกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด โดยไม่รับประทานอาหารและใช้ภาชนะร่วมกับผู้อื่น ไม่ใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น เช่นผ้าเช็ดหน้า หมอน ผ้าห่ม แก้วน้ำช้อนส้อม ล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่นาน 20 วินาทีหรือแอลกอฮอล์ 70% หลีกเลี่ยงการพูดคุยใกล้ชิดกับผู้อื่น โดยเฉพาะผู้สูงอายุและผู้ป่วยเรื้อรัง ทั้งนี้ หากมีไข้และอาการทางเดินหายใจ ให้สวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าและรีบแจ้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่โดยทันที
รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ย้ำถึงเหตุผลและความจำเป็นในขณะนี้ว่า ในสถานการณ์ปัจจุบัน พบผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โรคโควิด-19 มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในเขตกรุงเทพมหานคร ประกอบกับผู้ว่าราชการจังหวัดได้มีการออกประกาศกรุงเทพมหานคร ฉบับ 2 สั่งปิดสถานที่เป็นการชั่วคราวเพิ่มเติม ซึ่งรัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุขห่วงกังวลว่าจะมีประชาชนจำนวนหนึ่งเดินทางออกจากกรุงเทพฯ จึงได้สั่งการให้เร่งจัดทำแผนปฏิบัติการค้นหา เฝ้าระวัง และป้องกันโรคติดต่อจังหวัด เพื่อป้องกัน ควบคุมไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 จากพื้นที่หนึ่งไปสู่อีกพื้นที่
รัฐบาลเข้าใจดีถึงช่วงนี้ว่า เป็นเวลาแห่งความยากลำบาก ขอทุกคนเสียสละ ร่วมกันงดเดินทาง เว้นกิจกรรมทางสังคม “อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ” เราจะสามารถฝ่าวิกฤตินี้ ไปด้วยกัน .- สำนักข่าวไทย