ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย 13 มี.ค. – ตลาดหลักทรัพย์ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,128.91 จุด เพิ่มขึ้น 14.00 จุด (+1.26%) มูลค่าการซื้อขาย 119,659.78 ล้านบาท
การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยวันนี้ผันผวนอย่างหนัก โดยในช่วงเช้าเปิดเทรดไม่นานร่วงไป 10% จนต้องใช้ “เซอร์กิตเบรกเกอร์” และในช่วงบ่ายดัชนีฯเคลื่อนไหวในแดนบวกได้ดีขึ้นหลังจากตลาดหลักทรัพย์คุมเข้มชอร์ตเซล โดยทำระดับสูงสุด 1,164.16 จุด และทำระดับต่ำสุด 969.08 จุด
นายสุโชติ ถิรวรรณรัตน์ ผู้จัดการฝ่ายวิจัย บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) กล่าวว่า ภาวะตลาดหุ้นเอเชียในช่วงเช้าต่างติดลบกันหมด จากความกังวลการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ลุกลาม หลังจากที่ฟิลิปปินส์ปิดกรุงมะนิลา ทำให้ตลาดภูมิภาคปรับตัวลงแรง และตลาดหุ้นไทยร่วง 10% เกือบในทันทีที่เปิดทำการจนต้องใช้ “เซอร์กิตเบรกเกอร์” อีกรอบ ต่อมาหลังเปิดให้ซื้อขายอีกครั้งก็มีแรงซื้อกลับเข้ามา มองว่าเป็นผลจาก 3 ปัจจัย คือ 1. Valuation ถูกเมื่อดัชนีฯลงมาต่ำกว่า 1,000 จุด 2. เริ่มมีกระแสข่าวว่าตลาดหลักทรัพย์จะคุมชอร์ตเซลก่อนจะประกาศใช้ในช่วงบ่ายวันนี้ ทำให้มีแรงซื้อกลับหุ้นในกลุ่ม SET100 ที่ได้ปรับตัวลงไปมาก
นอกจากนั้น 3. มีข่าวจากสำนักข่าวต่างประเทศว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) พร้อมจะทำ QE อีกรอบ ส่งผลให้ดาวโจนส์ฟิวเจอร์สในช่วงบ่ายปรับตัวขึ้นมาบวกได้ 3% และหุ้นไทยก็ฟื้นตัวขึ้นในช่วงบ่ายด้วยเช่นกัน
แต่ทั้งนี้ การปรับขึ้นของดัชนีฯเริ่มชะลอเมื่อเข้าสู่ช่วงท้ายภาคบ่าย มองว่าเป็นเพราะนักลงทุนคงเลือกที่จะ Wait & See เพราะการดีดขึ้นของดัชนีฯท่ามกลางสถานการณ์ที่ยังไม่เป็นบวก แม้ว่าธนาคารกลางของหลายประเทศจะมีการอัดฉีดสภาพคล่อง แต่ก็เป็นแค่การบรรเทา ไม่ใช่การแก้ปัญหาด้านสาธารณสุขเพื่อขจัดไวรัสโควิด-19 ดังนั้นตลาดฯจึงลดแรงซื้อกลับ และวันนี้ก็เป็นวันทำการสุดท้ายของสัปดาห์ นักลงทุนจึงต้องการรอดูสถานการณ์ทั้งในประเทศและนอกประเทศในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ก่อน
ขณะที่ยังมีความกังวลว่าประเทศไทยจะเข้าสู่ระยะ 3 ของการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 เมื่อถึงจุดนั้นก็อาจจะทำให้การบริโภคและการท่องเที่ยวหยุดชะงัก ดังนั้น เมื่อดัชนีฯอยู่แถว 1,100 จุดจึงเริ่มหยุดซื้อ เพื่อรอติดตามสถานการณ์วันต่อวัน แต่ Downside ตลาดฯมีไม่มากแล้ว คงจะต้องขอข่าวบวกเรื่องการแก้ปัญหาด้านสาธารณสุขให้ได้ก่อน
แนวโน้มการลงทุนในสัปดาห์หน้า นายสุโชติ กล่าวว่า ตลาดฯ คงจะแกว่งไซด์เวย์ออกด้านข้าง ซึ่งโอกาสที่ดัชนีฯจะลงต่ำกว่าระดับ 1,000 จุดมีไม่มากนัก พร้อมให้แนวรับ 1,100-1,050 จุด ส่วนแนวต้าน 1,150-1,200 จุด
ด้านประเภทนักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 10,816.03 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ขายสุทธิ 728.38 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 7,620.16 ล้านบาท และนักลงทุนในประเทศขายสุทธิ 2,467.50 ล้านบาท.-สำนักข่าวไทย