fbpx

สภาหอฯ ถกภาคธุรกิจรับมือโควิด-19

กรุงเทพฯ 9 มี.ค.- สภาหอการค้าไทยนำ 8 กลุ่มธุรกิจ ถกรับมือโควิด-19 ส่งรัฐบาลออกมาตรการช่วยเหลือ ด้าน ททท.ปรับลดเป้านักท่องเที่ยว กรณีดีมีความเป็นไปได้ร้อยละ 70 ลดเหลือ 34.2 ล้านคน กรณีเลวร้าย มีความเป็นไปได้ร้อยละ 30 จะมียอดเหลือเพียง 30 ล้านคน


สภาหอการค้าแห่งประเทศไทยจัดการประชุมเชิงปฏิบัติการ “ไทยช่วยไทย:โอกาสจากวิกฤติ COVID-19” โดยมี 8 กลุ่มธุรกิจเข้าร่วม เพื่อหาแนวทางช่วยเหลือซึ่งกันและกันเพื่อความอยู่รอด การกระตุ้นภาคการท่องเที่ยว ตลอดจนการลดต้นทุนในการดำเนินธุรกิจ ตลอดจนการสื่อสารที่ชัดเจน ประกอบด้วย กลุ่มธุรกิจที่พัก/โรงแรม/รีสอร์ท กลุ่มธุรกิจค้าปลีก, กลุ่มธุรกิจอาหาร/เครื่องดื่ม/ภัตตาคาร, กลุ่มธุรกิจ Entertainment and Man Made เช่น สวนสนุก สวนน้ำ ศูนย์ประชุม, กลุ่มธุรกิจการเดินทาง, กลุ่มุธุรกิจบริการทัวร์ และกลุ่มธุรกิจ Health and Wellness และกลุ่มธุรกิจสื่อสารและประชาสัมพันธ์

นายกลินท์ สารสิน ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า เพื่อรับทราบผลกระทบและหาแนวทางช่วยเหลือ เช่น บริษัทขนาดใหญ่จะช่วยผู้ประกอบการเอสเอ็มอีตามที่รัฐบาลออกมาตรการพี่ช่วยน้อง ซึ่งบริษัทขนาดใหญ่สามารถนำค่าใช้จ่ายหักลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบคคลได้ถึง 2 เท่า สภาหอการค้าแห่งประเทศไทยอยากจะเห็นเกิดขึ้นในช่วง 2-3 เดือนนับจากนี้ไป และจากการเข้าร่วมประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจ (ครม.เศรษฐกิจ) วันที่ 6 มีนาคมที่ผ่านมา รัฐบาลจะออกมาตรการหลาย อย่างช่วยเหลือผู้ประกอบการ เช่น มาตรการทางการเงินที่จะให้ธนาคารรัฐส่งต่อให้ธนาคารพาณิชย์นำไปปล่อยสินเชื่อให้กับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี  คาดว่าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีพรุ่งนี้ (10 มี.ค.) จะอนุมัติมาตรการนี้ในรูปของเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำร้อยละ 2 ต่อปี โดยมีเป้าหมายไม่ให้ผู้ประกอบการเลิกจ้างงาน และในการประชุมครั้งนี้ยังมีกลุ่มธนาคารพาณิชย์เข้าร่วม และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ให้ข้อมูลด้านสถานการณ์การท่องเที่ยวด้วย  และต้องการทราบนโยบายภาครัฐ ขณะนี้ยังไม่ชัดเจน เช่น บางกระทรวงให้ข้าราชการออกไปประชุมสัมมนาต่างจังหวัด ขณะที่บางกระทรวงระบุว่าไม่ได้ ซึ่งต้องการให้มีความชัดเจนเรื่องนี้ นอกจากนี้ จะต้องหามาตรการสร้างความเชื่อมั่นนักท่องเที่ยวให้มีความมั่นใจที่จะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย สำหรับผลสรุปจากการประชุมเชิงปฏิบัติครั้งนี้จะส่งมอบให้รัฐบาลพิจารณาจัดมาตรการสนับสนุนและช่วยเหลือผู้ประกอบการต่อไปด้วย  


นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า จากสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ททท.จับตาตั้งแต่กระทรวงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวของจีนประกาศห้ามคนจีนออกเดินทางนอกประเทศ โดยเฉพาะกรุ๊ปทัวร์ตั้งแต่วันที่ 27 มกราคม 2563 ถึงวันที่ 1 มีนาคม 2563 พบว่า นักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยลดลงมากกว่าร้อยละ 23 และยังมีแนวโน้มลดลงอีก คาดการณ์กรณีดีมีความเป็นไปได้ร้อยละ 70 สถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 สามารถควบคุมได้และน่าจะสิ้นสุดประมาณเดือนมีนาคม 2563 และเดือนเมษายน 2563 จะเป็นเดือนที่นักท่องเที่ยวต่ำสุด ก่อนจะปรับตัวขึ้นอีก 2 เดือน คือ พฤษภาคม-มิถุนายน 2563 และตัวเลขกลับมาเป็นบวกเดือนกรกฎาคม 2563  กรณีนี้เป้าหมายนักท่องเที่ยวต่างชาติรวมตลอดปี 2563 จะมียอดรวม 34.2 ล้านคน ลดลงจากปี 2562 ที่มียอดรวม 39.8 ล้านคน  

ส่วนกรณีเลวร้าย มีความเป็นไปได้ร้อยละ 30 สถานการณ์ต่อเนื่องจนถึงเดือนพฤษภาคม 2563 และเป็นจุดต่ำสุด คาดว่าการฟื้นตัวต้องใช้เวลามากกว่าเดิม โดยการท่องเที่ยวจะสามารถฟื้นตัวใช้เวลาอีก 3 เดือนคือ ตั้งแต่เดือนมิถุนายน-สิงหาคม 2563 การท่องเที่ยวกลับมาฟื้นตัวเดือนกันยายน 2563 กรณีนี้ เป้าหมายนักท่องเที่ยวต่างชาติภาพรวมจะลดลงเหลือประมาณ 30 ล้านคน  ใช้จ่ายคนละประมาณ 50,000 บาท รายได้จะอยู่ในระดับ 1.5-1.6 ล้านล้านบาท  โดยนักท่องเที่ยวจากยุโรปยังคงเดินทางเข้ามาในไทยโดยรัสเซียเข้ามาเพิ่มขึ้น คาดหวังว่าบางกลุ่มอยากมาประเทศไทยแต่ก่อนหน้านี้ประเทศไทยนักท่องเที่ยวหนาแน่นก็จะใช้โอกาสนี้เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย และยังมีนักท่องเทียวจากอาเซียน ปีที่แล้วรวมเกือบ 8 ล้านคน และยังมีนักท่องเที่ยวจากทางเอเชียใต้ด้วย  


“สิ่งสำคัญที่สุด คือ ทำให้นักท่องเที่ยวเข้ามาท่องเที่ยวแล้วรู้สึกปลอดภัย ขณะนี้จีนอนุญาตให้เที่ยวภายในมลฑลจากนั้นขยายท่องเที่ยวระหว่างมลฑล จากนั้นจะทำรายชื่อประเทศที่แนะนำให้เดินทางและไม่แนะนำให้เดินทาง ซึ่งประเทศไทยจะต้องสร้างความมั่นใจว่าเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยปลอดภัย มีมาตรฐานที่ดี” นายยุทธศักดิ์ กล่าว

ส่วนเป้าหมายคนไทยเที่ยวกันเองภายในประเทศยังยืนยันตัวเลขเดิม คือ เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 167 ล้านคนครั้ง เป็น 172 ล้านคนครั้ง เพิ่มขึ้นร้อยละ 4 จากปี 2562 รายได้จะเพิ่มจากปีที่ผ่านมาอีก 100,000-200,000 ล้านบาท จากปีที่ผ่านมามีรายได้ไทยเที่ยวไทย 1.1 ล้านล้านบาท โดยคนไทยปรับเปลี่ยนการท่องเที่ยวในระยะทางใกล้ ๆ ไม่เกิน 300 กิโลเมตร เดินทางโดยรถตู้ เช่น พัทยา กาญจนบุรี หัวหิน และประจวบคีรีขันธ์ เป็นต้น ซึ่งพื้นที่เหล่านี้อัตราการเข้าพักของโรงแรมอยู่ในระดับที่น่าพอใจ 

“ตอนนี้รัฐบาลมอง 2 เรื่อง คือ ทำอย่างไรประเทศไทยจะปลอดภัยจากไวรัสโควิด-19 ทำอย่างไรเมื่อสถานการณ์กลับมาสู่ปกติยังมีผู้ประกอบการทำธุรกิจต่อไปได้ จึงเน้นพยุงให้สถานการณ์ธุรกิจท่องเที่ยวเดินหน้าต่อไปได้ ทั้งช่วยด้านการพัฒนา ลดภาระค่าใช้จ่ายต่าง ๆ” นายยุทธศักดิ์ กล่าว 

นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง กล่าวว่า ผลที่ได้จากการประชุมเชิงปฏิบัติการ “ไทยช่วยไทย:โอกาสจากวิกฤติ COVID-19” วันนี้ทางหอการค้าแห่งประเทศไทยจะมอบให้รัฐบาลเพื่อนำไปดำเนินการ 3 เรื่อง คือ มาตรการควบคุมไม่ให้มีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19  ในประเทศไทย เพราะขณะนี้นักท่องเที่ยวยังเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวประมาณร้อยละ 50 หากไวรัสยังคงแพร่ระบาดนักท่องเที่ยวจะหายไปอีก รัฐบาลจึงทำทุกวิถีทางเตรียมการป้องกันให้ได้  เรื่องที่ 2 คือ หามาตรการให้ผู้ประกอบการสามารถอยู่รอดได้ผ่านมาตรการต่าง ๆ ทั้งยืดหนี้ การลดรายจ่าย การดูแลมัคคุเทศก์ เป็นต้น เพราะเมื่อสถานการณ์คลี่คลายจะกลับมาทำธุรกิจได้เป้าหมายที่ 3 คือ ในช่วง 3-4 เดือนนี้ เตรียมการเพื่ออนาคต โดยรัฐบาลจะตั้งคณะกรรมการ Ease of Travelling เพื่อดูแลนักท่องเที่ยวให้ได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุด เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวต่อไป  

“สถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ขณะนี้มีผู้ป่วยสะสมเกือบ 100,000 คน มีผู้เสียชีวิตเกือบ 4,000 คน   และได้แพร่ระบบออกไปอีก 3 ประเทศ ได้แก่ เกาหลีใต้ อิหร่านและอิตาลี ผู้ป่วยแต่ละประเทศเข้าใกล้ 10,000 คน ผลกระทบต่อประเทศไทย คือ นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาลดลงประมาณร้อยละ 45 จึงหารือกับภาคเอกชน เพื่อหามาตรการช่วยเหลือต่อไป” นายกอบศักดิ์ กล่าว .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชี้อิสราเอล-อิหร่านส่งสัญญาณหาทางถอยจากสงคราม

เยรูซาเล็ม 19 เม.ย.- สื่ออิสราเอลมองว่า การที่อิหร่านพยายามปฏิเสธว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอิหร่านวันนี้ไม่ใช่การโจมตีแก้แค้นของอิสราเอล และการที่อิสราเอลยังคงนิ่งเฉยไม่ออกตัวว่าเป็นผู้กระทำ เป็นการส่งสัญญาณว่าทั้ง 2 ฝ่ายกำลังหาทางล่าถอยจากการทำสงครามในขณะที่นานาชาติกดดันให้ใช้ความอดกลั้น เว็บไซต์ไทมส์ออฟอิสราเอลรายงานว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการยืนยันจากทางการอิสราเอลว่า ได้โจมตีอิหร่านในเช้าวันนี้ ขณะที่สื่อทางการอิหร่านรายงานเพียงว่า มีการเปิดใช้งานระบบป้องกันภัยทางอากาศ และปฏิเสธรายงานข่าวเรื่องมีการโจมตีที่ตั้งทางทหารในเมืองอิสฟาฮาน ที่อยู่ห่างจากกรุงเตหะรานลงไปทางใต้ 315 กิโลเมตร โดยระบุว่าเหตุการณ์ปกติ แต่เจ้าหน้าที่อิสราเอลและสหรัฐที่ขอสงวนนามเผยกับสื่อในสหรัฐว่า เป็นฝีมือของอิสราเอล หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ของสหรัฐอ้างแหล่งข่าวอิหร่าน 3 คนว่า ฐานทัพอากาศในเมืองอิสฟาฮานถูกโจมตีแต่ไม่มีข้อมูลเรื่องความเสียหาย ไทมส์ออฟอิสราเอลมองว่า ลักษณะของการโจมตีอย่างจำกัด ซึ่งมีรายงานว่าเป็นการใช้โดรน ไม่ใช่ขีปนาวุธหรือปฏิบัติการโจมตีทางอากาศ ประกอบกับการที่อิสราเอลไม่ได้ยอมรับอย่างเป็นทางการ น่าจะเปิดทางให้รัฐบาลอิหร่านสามารถปฏิเสธเรื่องความจำเป็นที่จะต้องขู่โจมตีอิสราเอลเป็นครั้งที่ 2 หลังจากระดมยิงขีปนาวุธและโดรนมากกว่า 300 ลูกใส่อิสราเอลเมื่อเช้ามืดวันที่ 14 เมษายนตามเวลาอิสราเอล เป็นสัญญาณเบื้องต้นว่า ทั้ง 2 ประเทศอาจกำลังหาทางล่าถอยจากการทำสงคราม ก่อนหน้านี้มีการคาดการณ์กันอย่างกว้างขวางว่า อิสราเอลจะแก้แค้นอิหร่านตามที่แสดงท่าทีมาตลอดทั้งสัปดาห์ว่า จะไม่ยอมปล่อยให้อิหร่านโจมตีโดยไม่ตอบโต้ จุดกระแสวิตกว่า การโจมตีตอบโต้กันไปมาจะบานปลายกลายเป็นสงครามเต็มรูปแบบ อย่างไรก็ดี มีสัญญาณว่ากองกำลังป้องกันอิสราเอลได้ลดความุรนแรงของแผนการโจมตีตามที่นานาชาติกดดันให้ใช้ความอดกลั้น.-814.-สำนักข่าวไทย  

ผงะ! พบศพหนุ่มเมียนมาในแท็งก์น้ำ ดาดฟ้าหอพัก

ผงะ! พบศพหนุ่มเมียนมาสภาพเปลือย ในแท็งก์น้ำบนดาดฟ้าหอพัก ย่านมีนบุรี เสียชีวิตมาแล้ว 2 วัน คาดลงไปเล่นน้ำคลายร้อน

ระทึก! สารแอมโมเนียจากโรงน้ำแข็งรั่ว บาดเจ็บนับร้อย

ระทึกกลางดึก สารแอมโมเนียรั่วในโรงน้ำแข็ง อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ชาวบ้านสูดดม ได้รับผลกระทบกว่า 100 คน ต้องกระจายส่งตาม รพ. ต่างๆ

จับแล้ว! ชายอินเดียฆ่าปาดคอหญิงวัย 51 ปี

เกิดเหตุฆ่าปาดคอหญิงอายุ 51 ปี ในโรงแรมท้องที่ สน.ตลาดพลู ผู้ต้องสงสัยเป็นชายชาวอินเดียที่อยู่ด้วยกันในโรงแรม กว่า 1 สัปดาห์ ก่อนหายตัวไปหลังเกิดเหตุ ล่าสุดตามจับได้แล้ว สารภาพอ้างแค้นผู้ตายไม่คืนเงิน

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผยเหนือ-อีสาน-ใต้ พายุฝนฟ้าคะนองบางแห่ง

กรมอุตุฯ เผยภาคเหนือ ภาคอีสาน มีพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่ง ส่วนภาคใต้ มีฝนฟ้าคะนอง กรุงเทพฯ-ปริมณฑล อากาศร้อนจัดบางแห่ง โดยมีฝนฟ้าคะนองเล็กน้อย

ยังระดมฉีดน้ำ-โฟม สกัดเพลิงไหม้โกดังสารเคมี

เหตุเพลิงลุกไหม้โกดังเก็บสารเคมี ที่จังหวัดระยอง ผ่านมากว่า 30 ชั่วโมงแล้ว แต่เจ้าหน้าที่ยังคงเร่งทำงานอย่างหนักเพื่อทำให้เพลิงสงบ ขณะที่ล่าสุด จ.ระยอง ประกาศให้พื้นที่ 2 ตำบล เป็นพื้นที่ประสบสาธารณภัย

“บิ๊กโจ๊ก” ถอนคำร้องเอาผิด “เศรษฐา” อ้างไม่ติดใจแล้ว

“บิ๊กโจ๊ก” ยื่น ป.ป.ช. ขอถอนคำร้องเอาผิด “นายกฯ เศรษฐา” กรณีปฏิบัติหน้าที่มิชอบตาม ม.157 อ้างไม่ติดใจดำเนินคดีแล้ว