ภาคธุรกิจร่วมแชร์ New Era เพื่ออนาคตประเทศไทย

กรุงเทพฯ 23 มี.ค.- ผู้บริหารจากแวดวงธุรกิจ ร่วมถ่ายทอดความเคลื่อนไหวของธุรกิจ ในงานสัมมนาเศรษฐกิจของไทย New Era Economy อนาคตประเทศไทย จัดโดยหนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ เพื่อให้เห็นความเคลื่อนไหวของธุรกิจในทุกวันนี้


นายกวีวุฒิ เต็มภูวภัทร เจ้าของเพจและพอดแคสต์ 8 บรรทัดครึ่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เพอร์เพิล เวนเจอร์ส จำกัด บริษัทลูกในกลุ่มเอสซีบีเอกซ์ (SCBX) ผู้ให้บริการแอปพลิเคชั่น “Robinhood” กล่าว ว่า new era economy หลายเรื่องเกิดขึ้นแล้วในชีวิตของเรา เช่น การมีปฏิสัมพันกับผู้คนในโลกโซเชียล และจากสถิติพบว่า กว่า 80% ของการใช้งานแอปพลิเคชันบนโทรศัพท์มือถือ ใช้งานอยู่แค่ 3 แอปเท่านั้น และในอนาคตแอปฯบนมือถือจะน้อยลง เพราะมี Super App ปัจจุบันแอปพลิเคชั่นต่างๆ พยายามรวบรวมบริการหลายๆอย่างไว้ด้วยกัน เพื่อให้เป็น Super App โดยก่อนหน้านี้หลายแอปฯ ยอมทุ่มเงินมหาศาล ยอมขาดทุน เพื่อให้คนรู้จักและใช้แอปฯของตัวเองมากขึ้น จากนั้นก็เริ่มมีธุรกิจโฆษณาเข้ามาบนแอปมากขึ้น ในอนาคต Super App จะมีมูลค่าตลาดและบริษัทมากมายมหาศาล นอกจากนี้ เทรนด์ทั่วโลก จะหันไปที่ Sharing Economy มากขึ้น เพราะไม่ต้องการเป็นเจ้าของแต่เพียงผู้เดียว ดังจะเห็นได้จากในญี่ปุ่น ที่มีบริษัทให้บริการเช่าผู้คน เช่น เช่าแฟน เช่าลุง เช่าครอบครัว ซึ่งกำลังเติบโตมาก วันนี้อาจจะดูเป็นลักษณะเฉพาะ แต่ในอนาคตจะเปลี่ยนแปลง และสำหรับเรื่องความยั่งยืน เหมือนเป็นสิ่งที่จับต้องไม่ได้ แต่ก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วเช่น รถไฟฟ้า การจ่ายเงินอาจจะจ่ายด้วยคาร์บอน ดังนั้น ช่วงเวลาที่เปลี่ยนแปลง ธุรกิจที่ทั่วโลกกำลังเผชิญความท้าทาย ผู้ที่อยู้รอดคือ ผู้ที่ค้นหา new era

ด้านนายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท. (PTT) กล่าวว่า ไทยกำลังเจอความท้าทายในหลายๆด้าน โดยเฉพาะสงคราม ที่ส่งผลกระทบต่อราคาพลังงาน และส่งผลในระยะยาวถึงการตระหนักถึง supply chain ดังนั้นจึงจะมีการโยกย้ายฐานการผลิตเกิดขึ้น แต่สิ่งที่ไทยขาดคือ เรื่องนวัตกรรม การพัฒนาคน ความเท่าเทียม รวมถึงปัญหาสังคมผู้สูงอายุ เรื่องการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ (Climate change) ซึ่งรัฐต้องเข้ามาช่วย และที่สำคัญต้องอาศัยความจริงใจของรัฐบาลไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลไหน


ปตท.เดินหน้าลงทุนตามวิสัยทัศน์ใหม่ เพื่อขับเคลื่อน New Economy ของประเทศโดยได้ปรับเปลี่ยนวิสัยทัศน์สู่ “Powering Life with Future Energy and Beyond ซึ่ง ปตท. มองว่าธุรกิจที่มีความจำเป็นและมีโอกาสเติบโตได้ คือ ธุรกิจพลังงานแห่งอนาคต (Future Energy) ประกอบด้วย 4 กลุ่ม ได้แก่ พลังงานทดแทน ระบบกักเก็บพลังงาน/แบตเตอรี่ ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) และไฮโดรเจน

เรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เดิมมีการพูดถึงในลักษณะการเป็นอาสาสมัคร แต่ต่อไปจะเป็นกฏหมายบังคับใช้มากขึ้น รวมถึงการกีดกันทางการค้า พลังงานทดแทน จึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เป็นทั้งความท้าทายและโอกาส ดังนั้นเทคโนโลยีจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะเข้ามาช่วย เช่น โฟลตติ้งโซลาร์ และหากจะท้าทายขึ้นไปอีกก็แผงโซลาร์ในทะเล ซึ่งปตท.ก็เริ่มทำบ้างแล้ว โดยตั้งเป้าผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน 12,000 เมกกะวัตต์ภายในปี 2030 ฉนั้นพื้นที่ที่จะดำเนินการก็ไม่ได้มีเฉพาะประเทศไทย จะมีไปต่างประเทศด้วย

นอกจากนี้ระบบ certificate การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนก็เป็นสิ่งสำคัญ เพราะแนวโน้มอุตสาหกรรมหลายแบรนด์ ในหลายประเทศเริ่มประกาศ ว่า โรงงานทั่วโลกของเขาจะต้องใช้ไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน 100% โดยมีการตั้งแผงโซลาร์นอกโรงงานและมีการซื้อขายผ่านแพลตฟอร์ม ก็สามารถเคลมได้ว่าเขาใช้ไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน


“ส่วนเรื่องที่ไทยจะเป็นฐาน EV ทั้งๆที่เป็นฐานผลิตรถสันดาปภายใน อยากเสนอภาครัฐว่า เราต้องดำเนินการตีคู่ไปด้วยกัน เพราะส่วนตัวมองว่า รถ EV ยังไม่สามารถแทนรถยนต์สันดาปได้ทันที เพราะรถยนต์คันหนึ่งเฉลี่ยใช้ได้นานกว่า 6 ปี ดังนั้น รัฐบาลควรทำให้โรงงานของเราเป็นที่สุดท้ายของโลก ทำอย่างไรโรงงานในประเทศไทยจึงจะยังเป็นฐานการผลิต ในขณะที่โรงงานในประเทศอื่นๆปิดแล้ว หรือทำอย่างไรโรงงานผลิตเดิมจึงจะตีคู่ไปกับโรงงาน EV ได้” นายอรรถพล กล่าว

อย่างไรก็ตาม นายอรรถพล ได้ทิ้งท้ายว่า การจะทำสิ่งใหม่ สิ่งที่ท้าทาย ที่ในไทยและทั่วโลกกำลังเผชิญอยู่ ต้องมี 3 อย่าง คือ เทคโนโลยี เงินทุน และคน ซึ่งสามารถขับเคลื่อนได้โดย Passion and purpose คือ ต้องมีวัตถุประสงค์ที่ชัดเจนจึงจะสามารถก้าวไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง

นพ.ตนุพล วิรุฬหการุญ ประธานคณะผู้บริหาร บีดีเอ็มเอส เวลเนส คลินิกในเครือโรงพยาบาลกรุงเทพ ได้กล่าวถึง Health & Wellness ประตูบานใหม่เศรษฐกิจไทย ว่า ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด ทั่วโลกมี 3-4 ธุรกิจที่เติบโตสวนกระแส ประกอบด้วย ธุรกิจ Wellness Real Estate Mental Wellness (ธุรกิจด้านสุขภาพจิต ) ธุรกิจด้านสาธารณสุขและการป้องกันโรคภัยไข้เจ็บ และกลุ่มอาหารเพื่อสุขภาพ อาหารลดน้ำหนัก แต่ธุรกิจที่ตกลงเยอะคือ Wellness Tourism (การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ) เนื่องจากไม่สามารถเดินทางได้ แต่เมื่อกลับสู่ภาวะปกติกลุ่มธุรกิจเพื่อสุขภาพจะกลับมาเติบโตตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป และคาดว่า ปี 2567 มูลค่าธุรกิจการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพจะทะลุ 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนในปี 2568 กลุ่มธุรกิจเพื่อสุขภาพจะเติบโตไปถึง 7 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ

นักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพเป็นกลุ่มที่สร้างรายได้เข้าประเทศจำนวนมาก แต่มีการใช้ทรัพยากรต่ำกว่ากลุ่มอื่น และเชื่อว่าไทยมีศักยภาพ สามารถชิงตำแหน่งอันดับ 1 เดสติเนชั่นการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพจากยุโรปได้ แต่ต้องเสริมแกร่งและสร้างการรับรู้ด้านภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย การต้อนรับแบบไทย จุดเด่นด้านอาหารสุขภาพ ร่วมกับการเป็นฮับด้านการแพทย์ที่ช่วยสร้างความเชื่อมั่น และรวมถึงสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ โดยนักท่องเที่ยวด้านสุขภาพเป็นนักท่องเที่ยวคุณภาพที่มีแนวโน้มจับจ่ายสูงถึงเฉลี่ย 6 หมื่นบาทต่อเที่ยว

นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA กล่าวว่า ไทยสามารถใช้จุดแข็งจากโครงสร้างพื้นเพื่อดึงดูดการลงทุนเข้ามาได้มาก ตลอด 20 ปี WHA สร้างแรงงานได้ 2 แสนตำแหน่ง ดึงการลงทุนกว่า 1.4 ล้านล้านบาท ในพื้นที่ EEC เกิดการจ้างงาน การผลิต ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าการตัดสินใจของนักลงทุนที่มูลค่าโครงการระดับหมื่นล้านบาท แสนล้านบาท เมื่อลงทุนแล้วจะไม่ย้ายออกไปง่าย ๆ

นอกจากนี้ WHA ยังสร้างโครงการ Mission to the Sun เส้นทางก้าวสู่ Tech Company เช่น การทำเรื่อง ESG, Green Logistics, Digital Assets (Metaverse), Digital Health Tech, Circular รวมถึงการพัฒนาบุคลากร สิ่งสำคัญคือ ต้องมอง Global Megatrends ให้ออก จะช่วยให้สามารถวางกลยุทธ์ได้

WHA มองว่าไทยยังคงเป็นประเทศที่น่าสนใจ เพราะมีสิทธิประโยชน์ทางด้านภาษีที่ดีที่สุดในขณะนี้ บุคลากรมีความเชี่ยวชาญ หลายกลุ่มธุรกิจเติบโตมากขึ้นหลังโควิด-19 เช่น อุตสาหกรรมยา ดังนั้น New Era ประเทศไทย จะต้องมี 3 หลักสำคัญ คือ เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ซึ่งไม่สามารถแยกจากกันได้ .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

“ขัตติยา” ชี้ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก.

กทม. 10 ส.ค.-“ขัตติยา” สส.เพื่อไทย ชี้โพลฯ ประชาชนเชื่อมั่นกองทัพสูง แต่ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก. น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ X ถึงผลสำรวจล่าสุดของนิด้าโพล ที่ให้ความไว้วางใจกองทัพสูงกว่ารัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ ว่าอยากชวนมองภาพให้ครบว่า ทุกหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ล้วนทำงานร่วมเป็นทีมเดียวกัน ภายใต้ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ศูนย์นี้จัดตั้งขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยรวมเอาหลายภาคส่วนเข้ามาทำงานร่วมกัน ทั้งกระทรวงกลาโหม สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารบก ทุกฝ่าย คือทีมไทยแลนด์ ที่แบ่งบทบาทหน้าที่และประสานงาน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน คือ การรักษาอธิปไตยของประเทศ และปกป้องความปลอดภัยของชีวิตประชาชน แม้กองทัพจะมีบทบาทสำคัญเป็นด่านหน้าในพื้นที่ชายแดน แต่ก็ไม่ได้ทำงานแยกเดี่ยวหรือเป็นอิสระจากภาคส่วนอื่นๆ หากทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกหน่วยงานภายใต้ร่มของ ศบ.ทก. ในสถานการณ์ที่ท้าทายเช่นนี้ ไม่มีหน่วยงานใดสามารถทำงานบรรลุเป้าหมายได้เพียงลำพัง ความสำเร็จต้องเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน.-314.-สำนักข่าวไทย

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ทบ.ยัน ‘มทภ.2’ ไม่ได้กล่าวรุกล้ำอธิปไตยปมปราสาทตาควาย

11 ส.ค.- โฆษกกองทัพบกโต้กัมพูชา ยันแม่ทัพภาค 2 ไม่ได้กล่าวรุกล้ำอธิปไตยปมปราสาทตาควาย ย้ำไทยไม่มีความพยายาม “ยั่วยุ-วางแผน” ใช้กำลังทางทหารตามที่เขมรกล่าวอ้าง พลตรี​ วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ได้ชี้แจงกรณีกระทรวงกลาโหมกัมพูชาแถลงการณ์ถึงคำสัมภาษณ์ พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เรื่องของปราสาทตาควาย ว่า “ยืนยันว่าเนื้อหาที่แม่ทัพภาคที่ 2 พูด ไม่ได้มีความหมายในแบบที่โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชาได้แถลงไป โดยเฉพาะท่านไม่พูดเรื่องการเคลื่อนย้ายกำลัง เพื่อรุกล้ำอธิปไตยกัมพูชา สิ่งที่ท่านได้กล่าวในวันนั้นคือ ปราสาทตาควายอยู่ภายใต้อธิปไตยของไทย ในช่วงที่มีการปะทะที่ผ่านมาพยายามเข้าไปยึดด้วยการวางกำลัง แต่ยังไม่สำเร็จ จึงได้ทำการวางกำลังบริเวณด้านนอก ห่างจากตัวปราสาท 30 เมตร แต่ในอนาคตจะต้องพยายามนำกลับมาภายใต้การควบคุมของไทยให้ได้ ตามขั้นตอนที่เหมาะสม พร้อมกล่าวว่าเตรียมนำเรื่องต่างๆ ไปพูดคุยเจรจาในวงเจรจาในกรอบการประชุม RBC ที่จะเกิดขึ้นใน 2 สัปดาห์ และย้ำถึงจุดยืนว่าไทยจะไม่ถอยจากแนวการวางกำลังเดิม ขอยืนยันว่า แม่ทัพภาคที่ 2 ไม่ได้พูดถึงเรื่องการใช้กำลังทางทหาร ไปดำเนินการอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นที่กล่าวไปในข้างต้น จึงไม่ใช่ความพยายามที่มีการยั่วยุและมีการวางแผนใช้กำลังทางทหารต่อกรณีปราสาทตาควายอย่างที่กัมพูชากล่าวอ้างแต่อย่างใด” -สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเล็ก​” ยันรับฟังข้อเรียกร้องต่ออายุราชการ “มทภ.2” ยึดรอบคอบ

11 ส.ค.- “พล.อ.ณัฐพล​” ยันรับฟังข้อเรียกร้องต่ออายุราชการ “แม่ทัพภาค 2” แต่ต้องพิจารณารอบคอบ เพื่อไม่ให้กระทบขวัญกำลังใจผู้ปฏิบัติงานระดับรอง ที่จะมีโอกาสเติบโตก้าวหน้า พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกระแสข่าวเรียกร้องให้มีการต่ออายุราชการทหาร ของ พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2  โดยยืนยันว่า รับฟังกระแสเรียกร้องดังกล่าว ที่มีมาจากคนไทยที่รักประเทศ และห่วงใยในสถานการณ์ หลังการสู้รบระหว่างไทย-กัมพูชาเพิ่งผ่านไป ซึ่งในฐานะผู้บังคับบัญชา ยืนยันว่ารับฟังข้อเรียกร้องดังกล่าว อย่างไรก็ตามเรี่องนี้ ยืนยันว่าจะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ สิ่งสำคัญ ต้องพิจารณาภาพรวมขวัญและกำลังใจของผู้ปฏิบัติงานระดับรอง ที่จะมีโอกาสก้าวหน้าเติบโตต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาสถานการร์การสู้รบ ทั้งแม่ทัพภาค 2 เอง และผู้บังคับบัญชาระดับรอง ต่างก็ทำภารกิจอย่างเต็มกำลัง และมีความสามารถทั้งหมด นักวิชาการไม่เห็นด้วยปมต่ออายุราชการ “แม่ทัพภาค 2” ผศ. ดร.วันวิชิต บุญโปร่ง อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต  ได้โพสท์เฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุถึงประเด็นดังกล่าวว่า เรื่องการขอเสนอการต่ออายุราชการ พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ออกไปนั้น ตนไม่เห็นด้วย ขอให้วางใจวางสติให้ดี ว่าเราต้องไม่ตกหลุมกับดักของคนภายในและภายนอก […]

ทบ.ยันคุมตัว 18 ทหารเขมร ยึดหลักกฎหมายสากล

11 ส.ค.- โฆษกกองทัพบก แถลงโต้กัมพูชาอาจไม่เข้าใจหลักปฏิบัติสากล ยืนยันควบคุมตัวทหารกัมพูชา 18 นาย เป็นไปตามหลักกฎหมายสากล พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ชี้แจงกรณีกัมพูชายื่นข้อเรียกร้องต่อทางการไทย เพื่อให้ส่งตัวทหารที่ถูกควบคุมตัวไว้กลับประเทศ ขอเรียนว่าฝ่ายกัมพูชาอาจไม่เข้าใจหลักปฏิบัติในระบบของสากล ยืนยันการปฏิบัติของฝ่ายไทยเป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมาย ตามหลักกฎหมายและหลักมนุษยธรรมสากล ซึ่งเชื่อว่าประเทศพันธมิตรและองค์กรระหว่างประเทศต่าง ๆ มีความเข้าใจ และไม่ได้มีความกังวลใดๆ อย่างที่กัมพูชากล่าวอ้าง โดยเฉพาะการที่ฝ่ายไทยได้เปิดโอกาสให้องค์กรสากลที่เกี่ยวข้องสามารถประสานขอเข้าเยื่ยมชมได้ตลอดตั้งแต่วันแรกๆ ที่ฝ่ายไทยได้มีการควบคุมตัว   อย่างเช่นเมื่อ 5 ส.ค. ที่ผ่านมา ได้มีคณะผู้แทนจาก ICRC ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ด้านการคุ้มครอง ผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ เจ้าหน้าที่โครงการของ ICRC และล่าม รวม 4 คน เพิ่งมาเยื่ยมชมไป จึงขอยืนยันว่าการควบคุมทหารกัมพูชาทั้ง 18 คนนั้น เป็นไปตามหลักกฎหมายสากล ที่อยู่ภายใต้ความคุ้มครองตามกฎหมายระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอนุสัญญาเจนีวา ไม่ใช่การควบคุมตัวอย่างผิดกฎหมายตามที่ กระทรวงกลาโหมกัมพูชาได้กล่าวอ้าง ทั้งนี้การถูกควบคุมตัวดังกล่าว จำเป็นต้องคงไว้ จนกว่าสถานะการณ์การหยุดยิงหรือสถานการณ์การสู้รบ จะมีความสมบูรณ์เป็นรูปธรรมที่ชัดเจนแล้วเป็นหลัก ทั้งนี้เพื่อผู้ที่ถูกควบคุมตัวทั้งหมด จะไม่หวนกลับมาทำการสู้รบกับฝ่ายไทยอีก ซึ่งเป็นไปตามแนวทางหลักสากล และเชื่อว่าด้วยสถานการณ์ในปัจจุบัน ฝ่ายกัมพูชายังมีเรื่องสำคัญอื่น ที่ควรให้ความสำคัญอย่างมากด้วยเช่นกัน […]

ทหารกล้าเล่านาทีระทึก รอดตายจากระเบิดชายแดน

11 ส.ค.- ทหารกล้า เล่าเหตุการณ์ ลูกระเบิดจากฝั่งกัมพูชา ร่วงใส่จุดที่กำลังพลอยู่พอดี จนได้รับบาดเจ็บ ทีมข่าวลงพื้นที่อำเภอลานสัก จ.อุทัยธานี บ้านของ สิบโทปรีชา เสือบัว อายุ 24 ปี หัวหน้าชุดหมู่ปืนเล็กหมวดปืนเล็ก กองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 4 ค่ายจิรประวัติ จังหวัดนครสวรรค์ เล่านาทีรอดชีวิตจากเหตุระเบิดที่ภูมะเขือ จังหวัดศรีสะเกษ เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ขณะประจำการอยู่ในบังเกอร์ ได้ยินเสียงปืนครกจากฝั่งกัมพูชา จึงรีบถอยตัวออกครึ่งหนึ่งเพื่อให้ลูกน้องหลบเข้าไปด้านในบังเกอร์  แต่จังหวะนั้นกระสุนระเบิดตกใส่ทันทีจนร่างกระเด็นและหมดสติ เหตุระเบิดทำให้สิบโทปรีชา ได้รับบาดเจ็บที่ดวงตาซ้าย ขณะปฏิบัติหน้าที่พร้อมเพื่อนทหารอีก 3 นาย สิบโทปรีชา ยังบอกอีกว่า “หากต้องบาดเจ็บอวัยวะส่วนไหน ก็ยอม แต่จะไม่ยอมเสียชาติ” พร้อมเผยว่าได้ติดต่อผู้บังคับบัญชาเพื่อขอกลับไปปฏิบัติหน้าที่ต่อ แม้ได้รับคำสั่งให้พักรักษาตัวก่อน แต่หากมีความจำเป็น เขาพร้อมกลับไปสู้เพื่อประเทศชาติทันที ทั้งนี้ ตัว สิบโทปรีชา และครอบครัวเชื่อว่า เป็นบารมี หลวงพ่อเดิม หลวงพ่อยูร และหนังเสือ วัดพนมเศษเหนือ จังหวัดนครสวรรค์ รวมถึงหลวงพ่อเคลือบ วัดหนองกระดี่ […]