กรุงเทพฯ 15 ส.ค. – ภาคธุรกิจ มองพรรคแกนนำรัฐบาลคิดเร็ว แข็งแรงและตัดสินใจได้รวดเร็ว เชื่อรัฐบาลใหม่เดินหน้านโยบาย เศรษฐกิจต่อเนื่อง
นายอุเทน โลหชิตพิทักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงทางการเมือง หลังจากนายเศรษฐา ทวีสิน พ้นจากความเป็นนายกรัฐมนตรี โดยจากการติดตามข่าวพบว่าพรรคแกนนำรัฐบาลจะยังคงพรรคร่วมรัฐบาลไว้ ทำให้มองว่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่ไม่ดี หากมีการเปลี่ยนแปลงคงเป็นไปในแนวทางที่ดีกว่า สิ่งหนึ่งที่เห็นแล้วสบายใจคือการตกผลึกในการจัดการเลือกผู้นำรัฐบาลคนใหม่ได้อย่างรวดเร็วโดยใช้เวลาแค่ช่วงข้ามคืน ไม่ยืดเยื้อ เป็นกลุ่มพรรคการเมืองที่คิดเร็ว แข็งแรง และตัดสินใจได้รวดเร็ว ทำให้กลไกการดำเนินนโยบายของรัฐไม่หยุดนิ่ง ถือเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดต่อประชาชนในขณะนี้
ส่วนทิศทางเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลัง หากรัฐบาลจะคงนโยบายด้านเศรษฐกิจไม่เปลี่ยนแปลงก็จะมีส่วนสำคัญให้ภาคการบริโภคดีขึ้นกว่าครึ่งปีแรก ขณะที่มีความหวังว่าธนาคารแห่งประเทศไทยมีโอกาสลดดอกเบี้ยตามทิศทางธนาคารกลางทั่วโลก ถือเป็นส่วนหนึ่งในการเพิ่มกำลังซื้อให้กับภาคประชาชน แต่หาก ธปท.ไม่ลดดอกเบี้ย ก็จะส่งผลต่อภาระหนี้สิน กำลังซื้อก็จะลดน้อยลง ขณะนี้กำลังซื้อในระดับล่างมีการหดตัวอยู่แล้ว โดยกลุ่มพฤกษาได้เตรียมสนับสนุนลูกค้า เรื่องดอกเบี้ยที่มีการจับมือกับธนาคารหลายแห่ง
สำหรับผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกปี 2567 บริษัททำรายได้ 9,864 ล้านบาท รักษาอัตรากำไรขั้นต้นได้ดีที่ 33% และยังคงสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง โดยมีอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อทุน (Net gearing ratio) ต่ำที่ 0.39 เท่า
ส่วนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ในครึ่งปีแรก บริษัทฯ ทำยอดโอนได้ 8,310 ล้านบาท และทำยอดขายได้ 7,478 ล้านบาท โดยกลุ่มสินค้าประเภทบ้านเดี่ยวมียอดขาย 2,696 ล้านบาท เติบโตราว 9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เปิดโครงการใหม่ รวม 6 โครงการ มูลค่า 7,509 ล้านบาท และในครึ่งปีหลังมีแผนเปิด 23 โครงการ มูลค่า 19,600 ล้านบาท ทุกโครงการออกแบบพื้นที่ใช้สอยเหมาะสมกับผู้อยู่อาศัยทุกเพศทุกวัย โดยนำนวัตกรรมด้านการอยู่อาศัยเข้ามาใช้ในขณะที่ยังใส่ใจ ด้านผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ บริษัทยังมียอดขายรอโอน (Backlog) มูลค่าราว 4,900 ล้านบาท (คิดเป็น 65% ที่คาดว่าจะโอนได้ในปีนี้) และยังมีสินค้าที่ยังเปิดขายอยู่ มูลค่ารวม 62,577 ล้านบาท สามารถรองรับการเติบโตได้ถึง 2.5 ปี
นอกจากนี้ บริษัทมองถึงการต่อยอดธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ให้ครบวงจร และได้เปิดตัว “วิซลาห์ ทีเอช” ธุรกิจให้บริการอีมาร์เก็ตเพลสที่ครบทุกเรื่องของการตกแต่งภายในแบบครบวงจรอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งได้ร่วมทุนกับ “ซันเรย์ กรุ๊ป” บริษัทที่เชี่ยวชาญด้านการออกแบบ ก่อสร้าง และตกแต่งภายในครบวงจรที่ใหญ่ที่สุดในสิงคโปร์ เปิดตัว วิซลาห์ ซูเปอร์ แอปฯ ในชื่อ “Wizlah TH” อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งจะเป็นแพลตฟอร์มตัวกลางเชื่อมสถาปนิกและลูกค้าให้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของ อีโคซิสเต็มการตกแต่งบ้าน มีจุดแข็งจากการนำเทคโนโลยี AI, AR และ 3D มาใช้ จำลองการตกแต่งภายในเพื่อวางเฟอร์นิเจอร์ในรูปแบบสามมิติเสมือนจริง ให้ลูกค้าเห็นภาพที่ชัดเจนก่อนสั่งชื้อได้ ซึ่งช่วยลด Pain Point ของลูกค้า จากความลังเลใจที่ไม่ได้เห็นและสัมผัสสินค้าจริง
ด้านธุรกิจเฮลท์แคร์ มีทิศทางเติบโตในทุกมิติ ทำรายได้ครึ่งปีแรก 1,013 ล้านบาท เติบโต 19% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2566 และในช่วงระหว่างปีที่ผ่านมา วิมุต ได้ร่วมทุนกับ “นำวิวัฒน์” เพื่อจัดตั้งบริษัทร่วมทุน ‘เซอร์วิโซ เฮลท์แคร์ โซลูชั่น’ บริการทำความสะอาดและฆ่าเชื้อเพื่อให้เครื่องมือแพทย์ปราศจากเชื้อ บำบัดมูลฝอยติดเชื้อทางการแพทย์ และให้บริการด้านวิศวกรรมชีวการแพทย์ นอกจากนี้ วิมุตยังเดินหน้าตามแผนลงทุนมูลค่ารวมกว่า 1,500 ล้านบาท เตรียมเปิดโรงพยาบาลเฉพาะทางย่านทองหล่อ 1 แห่ง และ เตรียมเปิดโรงพยาบาลดูแลผู้สูงวัย 2 แห่ง ย่านวัชรพลและ แบริ่ง และศูนย์ดูแลผู้ป่วยและผู้สูงวัยอีก 3 แห่ง.-516-สำนักข่าวไทย