“ศิริกัญญา” อภิปรายนโยบายเศรษฐกิจรัฐบาล เย้ยไม่เหมือนโฆษณา

รัฐสภา 25 มี.ค.-“ศิริกัญญา” อภิปรายนโยบายเศรษฐกิจรัฐบาล เย้ยไม่เหมือนโฆษณา พอมาทำเองเละคามือ รับไม่ได้ ลั่น บริหารพลาดอิท่าไหนจนคนคิดถึง “ลุงตู่” ชี้ความเดือดร้อนมีทุกหย่อมหญ้า ตั้งแต่เกษตรกรยันนักลงทุน บอกค่าแรง 400 หลอกลวงล้วนๆ หลังชนฝาเมื่อไหร่ก็เอานโยบายเก่ามาปัดฝุ่น

การประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล สส.สบัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน อภิปรายว่าขอบคุณนายกฯที่ทำให้คนทั้งประเทศตาสว่างว่ารัฐบาลเพื่อไทยไม่ได้เก่งกาจด้านเศรษฐกิจความสำเร็จในอดีตที่ได้มาเพราะที่โชคช่วย ตอนนายกเศรษฐา ทวีสิน ว่าแย่แล้ว วันนี้แย่ยิ่งกว่า วันนี้ถึงแม้จะมีนายกแพ็คคู่มากกว่า 7 เดือนแล้วแต่วันนี้เห็นกันชัดๆว่าไม่ได้เก่งจริงตามที่ได้โอ้อวดเอาไว้ เพราะไม่ได้มีความเชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจไม่ได้มีความรู้ความเข้าใจในการบริหารงานด้านเศรษฐกิจล้มเหลว เละคามือและในวันที่ข้ามขั้ว ประชาชนบางส่วนรับได้ เพราะศรัทธาในตัวอดีตนายก แต่วันนี้ก็คงรู้ตัวแล้วว่าคิดผิดเข็ดแล้วไม่เห็นดีอย่างที่คิดไม่เห็นเหมือนในโฆษณาว่าเก่งด้านเศรษฐกิจเอาเข้าจริงบริหารได้ย่ำแย่


“วันนี้เห็นได้ชัดเต็ม 2 ตา สัมผัสได้ทุกรูขุมขน เข้าใจกระจ่างแจ้งทุกอย่างแล้ว ว่าคุณไม่ได้เก่งจริงอย่างที่คุณได้เคยโอ้อวดเอาไว้ คุณไม่ได้มีความเชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจไม่ได้มีความรู้ความเข้าใจ บริหารเศรษฐกิจล้มเหลว เละคามือ ณ วันที่ข้ามขั้ว บางส่วนเขารับได้ ดิฉันเชื่อ เขาหลับตาข้างหนึ่ง เพราะเขาศรัทธาในอดีตนายกฯ ว่าบริหารเก่ง อย่างน้อยรัฐบาลที่มีเพื่อไทยเป็นแกนนำ เข้ามาแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ก็จะนำพาเศรษฐกิจไทยให้ได้กลับมารุ่งโรจน์โชติช่วงเหมือนในอดีต แต่วันนี้พวกเขารู้ตัวแล้วว่าคิดผิด เช็ดแล้ว พอแล้ว ไม่เห็นดีอย่างที่คิด ไม่เห็นเหมือนที่โฆษณาว่าเก่งด้านเศรษฐกิจ เอาเข้าจริงบริหารย่ำแย่ ไม่เป็นชิ้นเป็นอัน แต่นั่นยังไม่ทำให้เราช้ำใจ ความผิดมหันต์แบบที่ให้อภัยไม่ได้ของแพทองธารในการบริหารเศรษฐกิจผิดพลาดล้มเหลว คือทำให้คนร้องหาลุงตู่ คิดถึงลุงตู่ ลองคิดดูสิคะ ช่วงเศรษฐกิจที่คุณประยุทธ์บริหารเลวร้ายขนาดไหน เลวร้ายที่สุดในรอบ 10 ปี ทำอีท่าไหน ให้คนกลับไปคิดถึงลุงตู่”

ทั้งนี้ ความเดือดร้อนตอนนี้มีทุกหย่อมหญ้า ตั้งแต่รายได้เกษตรกร คนงาน ค่าครองชีพสูง ทำมาหากินก็ไม่คล่อง โรงงานห้างร้านบริษัททยอยปิดตัว ปัญหาเฉพาะหน้าแก้ไม่ได้ ปัญหาโครงสร้างก็ไม่เคยพูดถึงอย่างจริงจัง


ชนชั้นแรกที่ถูกแจกความสิ้นหวังอย่างเท่าเทียมคือเกษตรกร เมื่อสักครู่ที่รัฐมนตรีขึ้นมาก็เห็นได้ว่าเรามีรัฐมนตรีแบบนี้หรือที่คอยส่งข้อมูลให้นายกรัฐมนตรี ทำให้นายกรัฐมนตรีไม่ทันข้อมูล เพราะโดนรัฐมนตรีหลอก ว่าราคาสินค้าเกษตรทุกอย่างยังดี เช่น ราคาปาล์มที่มี 5-6บาท จริงๆ รายได้เกษตรกรตกต่ำทุกชนิดทั้งข้าว อ้อย มันสำปะหลัง และข้าวโพด รัฐมนตรีมารายงานอะไรก็เชื่อไม่รู้เรื่องไม่สามารถให้ทิศทางการแก้ปัญหาได้ก็ปล่อยให้รัฐมนตรีทำไปได้แต่สั่งว่าให้ไปแก้ปัญหาแต่ไม่ได้บอกว่าให้ทำอะไรไม่ได้บอกว่าจะต้องเตรียมการอะไรล่วงหน้า และยังไม่มีน้ำยาพอที่จะประสานงานให้รัฐมนตรีต่างพรรคได้ทำงานร่วมกันได้เลย

“มันจบแล้วรัฐบาลเพื่อไทยที่ไม่สนไม่แคร์ นางสาวแพทองธารสัญญาว่าจะเข้ามาแก้ปัญหาค่าครองชีพให้กับประชาชนเพื่อให้คนไทยมีกินมีใช้แต่หลังจากบริหารได้ 6 เดือน ประชาชนกลับบอกว่าด้วยปัญหาค่าครองชีพสูง คนไม่กล้าจับจ่ายใช้สอย กำลังซื้อในประเทศไม่ขยายตัวเป็นเรื่องแรกที่ประชาชนกังวล” นางสาวศิริกัญญากล่าว

นางสาวศิริกัญญา กล่าวต่อว่า ข้าวของต่างๆไม่ได้ลดลง และยังมีของที่แพงขึ้นไปอีก นอกจากนี้ยังมีค่าไฟที่เพิ่มขึ้น ซึ่งนายกก็บอกกับพ่อนายก ให้ไปบอกในเวทีต่างๆ ว่าจะลด แน่ๆลดเหลือ 3.70 บ้างลดเหลือ 3.50บ้าง ซึ่งทั้งหมดเป็นราคาคุยและไม่กล้าแตะทุนพลังงาน ส่วนที่เหลือก็ไม่รู้ไปฟังใครเขาหรอกมาสิ่งที่ทำไปแล้วก็ทำไม่ได้แต่ที่เกิดขึ้นแน่ๆคือไม่ลด แต่เพิ่มแน่ๆเรามีสิทธิ์ได้ควักกระเป๋าตังค์จ่ายค่าไฟเพิ่มจากดีลต่างๆที่เกิดขึ้นในรัฐบาลนี้


นอกจากนี้ยังมีอีกสาเหตุหนึ่งคือรายได้คนไม่เพิ่มไม่พอกับค่าครองชีพการที่มาบอกเกี่ยวกับเรื่อง GDP โตชาวบ้านเขาไม่ได้รู้เรื่อง เพราะเงินในกระเป๋าไม่ได้เพิ่มไปด้วย และไม่เคยพูดว่าจะเพิ่มรายได้เพิ่มเงินในกระเป๋าให้ประชาชนอย่างไร มัวแต่สนใจแต่ GDP

“กี่ครั้งกี่หนแล้วที่แพทองธารพร่ำเพ้อ พูดถึงค่าแรงขั้นต่ำสัญญาตั้งกี่รอบแล้วว่าภายในปี 67 ได้แน่นอนแต่มันคือสัญญาณลมๆแล้งๆที่รู้อยู่แก่ใจว่าทำไม่ได้พูดคนเดียวไม่พอยังเอาไปเล่าให้พ่อฟังทำให้นำไปพูดทุกเวทีหาเสียงว่าค่าแรง 400 บาทได้แน่ๆ แต่เอาเข้าจริงประกาศออกมาแทบช็อค ว่า 400 บาทได้จริงๆแต่เหลือแค่ 4 จังหวัดกับ 1 อำเภอ บอกว่าภายในปี 60 ก็ไม่ได้ได้ต้นปี 68 แต่ก็ยังให้ความหวังไม่หยุดบอกว่าปี 68 ได้แน่ แต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะได้ 400 บาทแล้วจะสัญญาเพื่อ ? โกหกหลอกลวงกันล้วนๆโกหกตอนหาเสียงยังพอให้อภัยแต่นี่มีอำนาจในมือแต่ยังทำไม่ได้ก็ยังจะมาหลอกประชาชนไปเรื่อยๆเป็นนายกก็ทำไม่ได้มีนายก 2 คนก็ยังทำไม่ได้นี่เป็นการหลอกประชาชนไปเรื่อยๆ ทำลายความหวังครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง”นางสาวศิริกัญญากล่าว

นางสาวศิริกัญญา กล่าวต่อว่า รัฐบาลที่ผู้นำประเทศที่บอกว่าต้องการสร้างโอกาสให้กับประชาชนตอนนี้ก็ยังไม่ลงมือทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ใช้วิธีการแก้ปัญหารายวันขายผ้าเอาหน้ารอด ทำให้เศรษฐกิจไทยตอนนี้ดีสุดๆแล้วใครจะบอกว่าไม่ดีตนว่าไม่ใช่แต่ต่อจากนี้ ไปจะแย่ลงเรื่อยๆ ซึ่งคณะกรรมการนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจก็คงต้องทำต่อทั้งนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งการจ่ายเงิน 2 เฟสที่ผ่านมาก็เห็นแล้วว่ามันล้มเหลว การบริโภคไม่กระเตื้องGDP ไม่กระตุก แต่ก็ยังทำต่อและเริ่มมีตัวเลขแล้วว่าจะกระตุ้นเศรษฐกิจได้เท่าไหร่ และลดกลุ่มคนที่ได้รับสิทธิ์เหลือเพียงแค่ 2.7ล้านคน กลุ่มคนอายุ 16- 20 ปีเรียกว่าเป็นนโยบายประชานิยมยังไม่ได้เลยกระตุ้นเศรษฐกิจไม่ขึ้นกระตุ้นความนิยมก็ไม่ขึ้นเช่นเดียวกัน

ขณะที่การกระตุ้นเศรษฐกิจด้านอื่นๆทั้งด้านการท่องเที่ยว ด้านการลงทุน แต่ถึงจะเปลี่ยนนายก นโยบายเศรษฐกิจก็ยังเหมือนเดิม แม้จะรู้แล้วว่าไม่ได้ผลแต่ยังคงใช้วิธีการเดิม วันนี้มองไม่เห็นภาพเลยว่ารัฐบาลมีแผนอย่างไรโครงการมันค่อยๆผุดมาทีละอันทีละวัน ทีละวันแต่ในภาพรวมไม่มีมองไม่เห็นทางออกรัฐบาลแก้หนี้ไปแล้วหลายรอบทั้งพักหนี้เกษตรกร แก้หนี้นอกระบบแต่ปัจจุบันก็ยังแก้ไม่ไปถึงไหนแต่ประกาศจบโครงการแล้ว นอกจากนี้ ยังมีการแก้ปัญหาด้านการเกษตรเช่นเรื่องข้าวที่ผิดพลาด

“นี่มันเรื่องบ้าอะไร การบริหารประเทศแบบเด็กเล่นขายของไม่มีผิดรู้ทั้งรู้ว่าราคาข้าวอยู่ในขาลง ก็ยังเชียร์ให้เกษตรกรทำนาปรัง เพิ่มตลาดก็ไม่ได้ รัฐบาลหรือแก๊งต้มตุ๋นประชาชน นายกรัฐมนตรีจะต้องเป็นคนที่ประสานให้กระทรวงทุกกระทรวงเห็นภาพตรงกันแล้วทำงานประสานกัน แต่เปล่าเลยคณะกรรมการมีรองนายก 2 คน ดำเนินนโยบายสวนทางกันเอง แล้วใครจะรับผิดชอบถ้าไม่ใช่นายกรัฐมนตรีที่ชื่อแพทองธาร ชินวัตร ดิฉันคิดว่าไม่ไหว ดูเหมือนใช้คนไม่ถูกงานจริงๆ แต่ว่าก็ยังคงไม่มีการเปลี่ยนตัวรัฐมนตรีจนถึงทุกวันนี้ยังคงปกป้องกันได้ ฉะนั้น เราก็ยังคงมีรัฐมนตรีที่ไม่เข้าใจ ปัญหาของชาวนาเลย” นางสาวศิริกัญญากล่าว

นางสาวศิริกัญญา กล่าวต่อว่า ความล้มเหลวรายวันยังไม่จบ นายกแถลงเองว่าการผูกขาดทุกชนิดทำให้ประชาชนยากจนลง 1 ใน 2 มาตรการจะมีการปลดล็อคทุนผูกขาดโดยเฉพาะเรื่องข้าว ให้ SME สามารถส่งออกข้าวได้เอง ซึ่งที่ต้องทำคือการแก้ระเบียบการค้าข้าวเท่านั้นเอง โดยจะต้องยกเลิกขั้นต่ำของการสต๊อกข้าว แต่จากเดิมต้องมีสต๊อกข้าว 500 ตันหรือ 20 ตู้คอนเทนเนอร์เปลี่ยนใหม่เป็นต้องมีสต๊อกข้าว 100 ตันหรือ 4 ตู้คอนเทนเนอร์ โดยให้เหตุผลว่าสร้างความน่าเชื่อถือให้กับผู้ซื้อและที่ตลกกว่าคือนายกรัฐมนตรียอมข้าราชการเรื่องง่ายๆยังล้มเหลวขนาดนี้ ชาตินี้ก็คงไม่มีวันได้ฟังนายกแถลงผลงานเรื่องทลายทุนผูกขาดที่จะส่งผลกระทบกับค่าครองชีพของประชาชนจริงๆ

ทั้งนี้ รัฐบาลเมื่อหมดบุญเก่าก็นำนโยบาย เก่ามานำเสนอใหม่เพื่อให้คนหลงเชื่ออีกครั้ง แต่รอบนี้คนไม่หลงกลแล้วนอกจากจะขุดเอาของเก่ามาขายก็ยังมีความฝันว่าจะไปถึงดวงดาวแต่ก็ไปได้แค่ยอดมะพร้าวเพราะมือไม่ถึง จะมี 1 คนที่ขายฝันคือพ่อนายกที่จะมาพูดอะไรล้ำๆ วัดฝันว่าเศรษฐกิจไทยจะพุ่งขึ้นพาไกลไปจนถึงดวงดาวตอนนี้ก็เป็นการขายฝันกันต่อ เกือบลืมไปแล้วว่าดิจิทัลวอลเล็ตครั้งแรก จะแจกเป็นเงินดิจิทัล ที่มีบล็อคเชนอยู่เบื้องหลัง วันก่อนพ่อนายกพูดก็นึกขึ้นได้ ว่าดิจิทัลวอลเล็ต เปลี่ยนรูปแบบวิธีการไปจนจำเค้าเดิมไม่ได้

โดยนายทักษิณ ชินวัตรเล่าว่าที่ผิดแผน เพราะแบงค์ชาติบอกว่าทำไม่ได้ที่เคยคิดไว้ว่าไม่ต้องเตรียมเงินไว้ล่วงหน้าค่อยไปหาเงินมาใช้หนี้ทีหลังทำไม่ได้เพราะ ติดพ.ร.บ.เงินตราก็เลยพับแผนแจกเป็นเงินสด อย่าว่าแต่ดวงดาวเลย ยอดมะพร้าวก็ยังไปไม่ถึง แต่ก็ยังไม่ล้มเลิกความพยายามว่า ดิจิทัลวอลเล็ต จะต้องเป็นคริปโตเท่านั้น ไม่ใช่กระเป๋าเงินทั่วไปจึงมีไอเดียเพิ่มเติมเรื่อง สเตเบิลคอยน์ และสั่งรัฐมนตรีกระทรวงการคลังให้รับไอเดียนี้ไปศึกษา นายทักษิณมักจะพูดว่าเราต้องเพิ่มเม็ดเงินให้กับเศรษฐกิจโดยไม่ต้องพิมพ์แบงค์ที่ไหน โดยการออกคอยโดยมีพันธบัตรรัฐบาลค้ำประกันเพื่อให้เงินหมุนเวียนในเศรษฐกิจปีนี้ 3.5 แน่ๆ ปีหน้า 4.7ต้องถึง 5 ไม่งั้นเราจะด้อยกว่าประเทศอื่น

นางสาวศิริกัญญา ยังกล่าวต่อว่า พี่แบงค์ชาติรีรอไม่ยอมลดดอกเบี้ยเป็นเพราะความโลเลของนโยบายรัฐบาล เพราะความไม่แน่นอนของโครงการดิจิทัลวอลเล็ตที่ทำให้ต้องยืดการลดดอกเบี้ยออกไปก่อน เพราะอาจจะเกิดความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ และถ้าหากไม่มีโอกาสดิจิทัลวอลเล็ต แบงค์ชาติสามารถลดดอกเบี้ยได้อีก 50 สตางค์

ทั้งนี้ ตนไม่คาดหวังการชี้แจงอะไรอีกแล้วประชาชนเบื่อจะฟังคำแก้ตัวบิดเบือนและด้อยค่าประชาชน บางทีเผลอๆด้อยค่าฝ่ายค้านก็กระทบประชาชนไม่ต้องยกตัวเลขนู่นนี่ว่าเศรษฐกิจดีตลาดหุ้นมีพื้นฐาน เราแค่ยังไม่ฉลาดพอ รายได้คนเพิ่มขึ้นแล้วเราจะรวยกันแล้วไม่อยากฟังคำแก้ตัวว่าค่าครองชีพเรามันต่ำของอะไรถูกไปหมด เพียงแค่ต้องเลือกกินให้ถูกต้องเท่านั้นเอง ยิ่งพูดยิ่งสะท้อนว่านายกและลูกน้องรัฐมนตรีกับประชาชนเหมือนอยู่คนละโลกกัน เราให้เวลาให้โอกาสมามากพอแล้วแต่ทำไม่เคยได้ยังคงทำนโยบายรายวันขายผ้าเอาหน้ารอดไปวันๆฝันไกลแต่ก็ไปไม่ถึงดวงดาว หลังชนฝาเมื่อไหร่ก็ไปควักนโยบายเก่าๆเมื่อ 20 ปีที่แล้วมาใช้หมดหนทางจริงๆก็ลองหาแบงค์ชาติให้ลดดอกเบี้ย อย่ามาแก้ตัวว่าเศรษฐกิจพังมาก่อนหน้านี้แล้ว แบงค์ชาติไม่ลดดอกเบี้ย หรือรัฐมนตรีพรรคร่วมเยอะเกินไปจึงทำไม่สำเร็จช่วยบอกอะไรที่เรายังไม่รู้

“แม้ในเวลานี้ขึ้นลมยังไม่ปั่นป่วนมาก ท่านยังทำให้วิบัติได้ขนาดนี้ พายุหมุนทางเศรษฐกิจของแท้กำลังจะมาแล้ว คลื่นลมจะสูงแรงและปั่นป่วนมาก ถ้าเราอยากให้เศรษฐกิจรอดได้ อยากให้ประเทศรอดได้ อยากให้ประชาชนรอดได้ เราไม่สามารถที่จะมีผู้นำประเทศแบบนี้ได้จริงๆไม่สามารถอดทนกันต่อไปได้อีกแล้วไม่สามารถอยู่ในสภาวะสิ้นหวังแบบนี้ได้อีกต่อไปแล้วไม่ยอมเอาอนาคตลูกหลานไปเสี่ยงได้อีกแล้วและไม่สามารถไว้วางใจนางสาวแพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีได้อีกต่อไป” นางสาวศิริกัญญากล่าว.-312.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 4 แสน

18 ก.ค. – เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 400,000 บาท อ้างป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัด และแลกหลักฐานกรณีอดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร มีความสัมพันธ์กับสีกากอล์ฟ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จ.พิจิตร หลงกลเล่ห์เหลี่ยมของสีกากอล์ฟ โดยเมื่อปี 2559 อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร ส่งข้อความไปหาสีกากอล์ฟ ว่ามีเรื่องสำคัญของบ้านเมืองจะปรึกษา และหว่านล้อมว่าสีกากอล์ฟเป็นบุคคลสำคัญยิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครองส่วนหนึ่งใน จ.พิจิตร ไปในทิศทางที่ดีขึ้น หากให้ความร่วมมือจะมีผู้ใหญ่ใจดีที่พร้อมจะดูแลสีกากอล์ฟและลูก แล้วทิ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้ให้ติดต่อกลับ จากนั้นสีกากอล์ฟตอบกลับข้อความ ทำให้อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร เปิดเผยเป้าหมายทันทีว่าต้องการดำเนินการกับพระราชสิทธิเวที ในขณะนั้น (อดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร และอดีตเจ้าอาวาสวัดท่าหลวง จ.พิจิตร ที่เพิ่งสึกไป) ซึ่งมีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริต เสพเมถุน และประพฤติตนไม่เหมาะสม อาจเชื่อมโยงมาถึงสีกากอล์ฟ พร้อมเสนอเงิน 1 ล้านบาท แต่สีกากอล์ฟชวนอดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร คุยเรื่องทั่วไป โดยเฉพาะอ้างว่ามีอาการป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัดประมาณ 400,000 บาท […]

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด

อุบลราชธานี 17 ก.ค.-แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารได้รับบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด ซึ่งอาการโดยรวมดีขึ้น ที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ มณฑลทหารบกที่ 22 อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้เข้าเยี่ยมให้กำลังใจกับทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 6 ที่ได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบกับระเบิดทั้ง 3 นาย ซึ่งมีอาการโดยรวมดีขึ้น สำหรับทหารที่ได้รับบาดเจ็บทั้ง 3 นายประกอบด้วย ส.อ.ปฏิพัทธ์ ศรีลาศักดิ์ มีบาดแผลฟกซ้ำบริเวณหน้าอกจากการถูกแรงอัดระเบิด ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้า แต่ปัจจุบันดีขึ้น พลทหารณัฐวุฒิ ศรีเข้ม มีบาดแผลฟกซ้ำที่หน้าอกจากการอัดของระเบิด แน่นหน้าอก แต่ช่วยเหลือตัวเองได้ พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน ต้องตัดขาซ้ายใต้เข่าจากแรงระเบิด มีอาการปวดแผล แต่กินอาหารได้ตามปกติ หลังเยี่ยมพูดคุยให้กำลังใจ แม่ทัพก็เดินทางกลับไป เพื่อไปติดตามสถานการณ์ชายแดนด้านจังหวัดสุรินทร์ต่อไป.-711.-สำนักข่าวไทย

จนท. เข้าพบพระพรหมบัณฑิต ขอตรวจสอบบัญชีเงินวัดประยูรฯ

กทม. 17 ก.ค. – ตำรวจ ปปป. ป.ป.ท. และเจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯ บุกวัดประยุรวงศาวาส เข้าตรวจสอบบัญชีเงินวัด เบื้องต้น  ยืนยันไม่ใช่การบุกค้นกุฏิ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาส พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รักษาราชการแทนรองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.), พ.ต.อ.สถาปนา จุณณวัตต์ ผู้กำกับการกองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธแห่งชาติแห่งชาติ เดินทางเข้าพบพระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร เพื่อพูดคุยและขอข้อมูลเกี่ยวกับเอกสารการเงินภายในวัด หลังอดีตเจ้าคุณประสิทธิ์ อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาส เข้าไปพัวพันกับสีกากอล์ฟ และตรวจสอบข้อเท็จจริงจากคำให้การของพยาน ที่พบเงินถูกพับในลักษณะถูกนำออกมาจากตู้บริจาคในบ้านของสีกากอล์ฟ ซึ่งการตรวจสอบในวันนี้จะเน้นเรื่องเส้นทางการเงินของวัดทั้งหมด ที่ต้องสงสัยว่าอาจมีบางส่วนถูกยักยอก หลังการตรวจสอบ ผู้กำกับการ 6 บก.ปปป. กล่าวว่า ไม่สามารถที่จะเปิดเผยข้อมูลได้ ผู้บังคับบัญชาจะเป็นผู้ชี้แจง หลังจากนี้จะนำข้อมูลต่างๆ กลับไปเรียนให้ผู้บังคับบัญชาได้ทราบ แต่ยืนยันว่า วันนี้เป็นเพียงแค่การเข้ามาขอข้อมูลเท่านั้น ด้านเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติระบุว่า เป็นเพียงการบูรณาการของหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง และในการตรวจสอบเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหารแต่อย่างใด มีรายงานเพิ่มเติมว่าเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 หน่วยงาน ได้นำกำลังส่วนหนึ่งเข้าไปตรวจสอบที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย หรือ […]

ข่าวแนะนำ

มทภ.2 ยืนยัน ทุ่นระเบิดเป็นของใหม่ เตรียมยื่นเรื่องไปที่ “ยูเอ็น”

19 ก.ค. – แม่ทัพภาคที่ 2 ยืนยันผลตรวจสอบทุ่นระเบิดบริเวณเนิน 481 เป็นของใหม่ พบในเขตประเทศไทย คาดยังมีอีกกว่าร้อยลูกในพื้นที่ วันนี้ ที่กองบัญชาการกองกำลังสุรนารี เมื่อเวลา 15.30 น. พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 นำแถลงผลการตรวจสอบทุ่นระเบิด บริเวณเนิน 481 จ.อุบลราชธานี โดย พันเอกสมโชค จันทาสี ผู้บังคับหน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดด้านมนุษยธรรมที่ 3 ระบุว่า ได้จัดเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบจำนวน 7 นาย โดยจุดแรกที่เจอได้มีการวางจำนวน 3 ทุ่น ลักษณะการวางผิวดิน รัศมีห่างกัน 40 เซนซิเมตร มีใบไม้ปกคลุม ส่วนจุดที่ 2 เจอจำนวน 5 ทุ่น รัศมีการวางกระจัดกระจาย รวมที่พบทั้งหมดจำนวน 8 ลูก ซึ่งจากการกู้ระเบิดทั้ง 8 ลูก ทุ่นระเบิดมีความใหม่ ตัวอักษรชัดเจน เพราะถ้าเป็นของเก่าจะมีวัชพืชปกคลุม […]

“ทักษิณ” ลั่นไม่มีอีกแล้ว ใช้สัมพันธ์ส่วนตัวคุย “ฮุนเซน”

วัดบ้านไร่ 19 ก.ค.-“ทักษิณ” ลั่นไม่มีอีกแล้ว ใช้สัมพันธ์ส่วนตัวคุย “ฮุนเซน” หวั่นโดนอัดเทปซ้ำรอย ชี้หากพิสูจน์ได้ทหารพรานเหยียบทุ่นระเบิดใหม่ต้องประท้วงตามกติกา ซัดหากเล่นนอกบทต้องดำเนินการ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ทหารพรานถูกเหยียบทุ่นระเบิด ที่ช่องบก อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี ที่มีกระแสข่าวว่ากว่า 80% จากการตรวจสอบเป็นระเบิดใหม่ว่า ทั้งสองฝ่ายต้องพูดคุยกัน ถ้าไม่คุยกันอยู่อย่างนี้ไม่เป็นผลดี และขณะนี้อยู่ระหว่างการวิเคราะห์ว่าเป็นระเบิดใหม่หรือเก่า ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่า แต่ล่าสุดกระแสข่าวจากภาคสองยืนยันว่ากว่า 80% เป็นระเบิดใหม่ นายทักษิณ กล่าวว่าก็ต้องว่ากันไป ก็ต้องประท้วงตามกติกา และประท้วงเสร็จก็ต้องมาคุยกันทั้งสองฝ่าย ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่า ฝั่งกัมพูชามักเล่นนอกเกมบ่อยๆ เราต้องรับมืออย่างไร นายทักษิณ ระบุว่าก็ว่ากันไปตามสิ่งที่ควรจะเป็น ถ้าเขาทำอะไรที่นอกกติกา เราก็ต้องดำเนินการ เมื่อถามว่าถ้าพิสูจน์ได้แล้วเป็นเรื่องจริง จะร้ององค์กรโลกหรือไม่ เนื่องจากมีสนธิสัญญาออตตาวา ว่าด้วยเรื่องทุ่นระเบิด นายทักษิณ ระบุว่าที่จริงแล้ว เรามีสนธิสัญญาหลายฉบับ แต่ไม่ได้หยิบขึ้นมาใช้ เมื่อถามย้ำว่าหลังจากนี้จะไม่เจรจาโดยใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวแล้วใช่หรือไม่ นายทักษิณ ยืนยันด้วยเสียงหนักแน่นว่าไม่มีอีกแล้ว เพราะกลัวโดนอัดเทปเหมือนกัน.-313.-สำนักข่าวไทย

ศบ.ทก. เรียกถกด่วนพรุ่งนี้ นำหลักฐานฟ้องยูเอ็น

กทม. 19 ก.ค.-ศบ.ทก.เรียกถกด่วน 20 ก.ค. หารือ กต. นำหลักฐานฟ้องยูเอ็น กัมพูชาละเมิดอนุสัญญาออตตาวา พร้อมส่งทหารช่าง ปูพรมเก็บกู้วัตถุระเบิดช่องบก พื้นที่อธิปไตยไทย 19 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) เตรียมนัด ศบ.ทก.ประชุมในวันที่ 20 ก.ค.นี้ เวลา14.00 น. กำหนดแนวทางการดำเนินการ กรณีกำลังพลจากหน่วยร้อย ร.6021 ปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนรักษาความสงบในพื้นที่ช่องบกและประสบเหตุเหยียบกับระเบิด ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ซึ่งจากหลักฐานพลว่าเป็นการวางกับระเบิดใหม่นั้น เบื้องต้น พล.อ.ณัฐพล ได้สั่งการกองทัพภาคที่2 เก็บข้อมูลหลักฐานทั้งหมด พร้อมให้แถลงข่าว และรายงานผลเป็นลายลักษณ์อักษรมาให้ทราบ เนื่องจากต้องเก็บทุกอย่างเป็นหลักฐาน เพื่อส่งให้กระทรวงการต่างประเทศต่อไป โดยในวันพรุ่งนี้ (20 ก.ค.) จะมีกระทรวงการต่างประเทศเข้ามาร่วมประชุม ศบ.ทก.ด้วย เพื่อมาให้คำแนะนำว่าขั้นตอนต่อไปในการดำเนินการ ควรจะทำอย่างไร ร่วมถึงตรวจสอบข้อมูลหลักฐานของแต่ละฝ่ายว่าตรงกันหรือไม่ เมื่อได้ข้อสรุปแล้วจะแถลงเป็นทางการ ในการประชุม ศบ.ทก. 21 ก.ค.นี้ […]

สำนักพุทธฯ สั่งเข้มทุกวัด เร่งจัดการบัญชีรายรับ-รายจ่าย ยึดตามมติ มส.

19 ก.ค.-สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ออกหนังสือเวียน กำชับไปยังทุกวัดทั่วประเทศ เร่งจัดการบัญชีรายรับ-รายจ่าย ยึดตามมติ มส. สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ออกหนังสือเวียน กำชับไปยังทุกวัดทั่วประเทศ ให้เร่งดำเนินการจัดทำบัญชีเงินฝาก รายรับ-รายจ่าย และงบดุลของวัด ให้ถูกต้องและเป็นระบบ ตามมติมหาเถรสมาคม ที่มีผลบังคับใช้แล้ว โดยการเปิดบัญชีและการเบิกถอนเงินฝากธนาคารของวัด จะต้องเปิดกับธนาคารที่มีสำนักงานตั้งอยู่ในเขตจังหวัดเดียวกับวัด และระบุชื่อบัญชีเงินฝากเป็นชื่อวัดเท่านั้น โดยมีรายชื่อผู้มีอำนาจถอนเงินอย่างน้อย 3 คน ซึ่งในการถอนเงินต้องมีผู้ลงนามจำนวน 2 ใน 3 และมีเจ้าอาวาสลงนามด้วยทุกครั้ง โดยใช้ใบถอนเงินของธนาคารและสมุดบัญชีเท่านั้น ในส่วนของบัญชีรายรับ-รายจ่าย ให้รายงานบัญชีของวัดทุกบัญชี สรุปเป็นรายเดือน จำนวน 12 เดือน ส่งสำนักงานพระพุทธศาสนาฯ ภายในวันที่ 20 มกราคมของปีถัดไป โดยสำเนาเอกสารไว้ที่วัดด้วยทุกฉบับ นอกจากนี้ทุกวัดควรพิจารณาใช้ระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ (e-Donation) ร่วมด้วย เพื่อแสดงข้อมูลบริจาคที่ครบถ้วน และให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ ติดตามอย่างเคร่งครัด โดยสำนักพระพุทธศาสนาฯ จะกำกับดูแล หรือประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการตรวจสอบบัญชี และรายงานการตรวจสอบให้มหาเถรสมาคมทราบ.-สำนักข่าวไทย