“ศิริกัญญา” อภิปรายนโยบายเศรษฐกิจรัฐบาล เย้ยไม่เหมือนโฆษณา

รัฐสภา 25 มี.ค.-“ศิริกัญญา” อภิปรายนโยบายเศรษฐกิจรัฐบาล เย้ยไม่เหมือนโฆษณา พอมาทำเองเละคามือ รับไม่ได้ ลั่น บริหารพลาดอิท่าไหนจนคนคิดถึง “ลุงตู่” ชี้ความเดือดร้อนมีทุกหย่อมหญ้า ตั้งแต่เกษตรกรยันนักลงทุน บอกค่าแรง 400 หลอกลวงล้วนๆ หลังชนฝาเมื่อไหร่ก็เอานโยบายเก่ามาปัดฝุ่น

การประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล สส.สบัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน อภิปรายว่าขอบคุณนายกฯที่ทำให้คนทั้งประเทศตาสว่างว่ารัฐบาลเพื่อไทยไม่ได้เก่งกาจด้านเศรษฐกิจความสำเร็จในอดีตที่ได้มาเพราะที่โชคช่วย ตอนนายกเศรษฐา ทวีสิน ว่าแย่แล้ว วันนี้แย่ยิ่งกว่า วันนี้ถึงแม้จะมีนายกแพ็คคู่มากกว่า 7 เดือนแล้วแต่วันนี้เห็นกันชัดๆว่าไม่ได้เก่งจริงตามที่ได้โอ้อวดเอาไว้ เพราะไม่ได้มีความเชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจไม่ได้มีความรู้ความเข้าใจในการบริหารงานด้านเศรษฐกิจล้มเหลว เละคามือและในวันที่ข้ามขั้ว ประชาชนบางส่วนรับได้ เพราะศรัทธาในตัวอดีตนายก แต่วันนี้ก็คงรู้ตัวแล้วว่าคิดผิดเข็ดแล้วไม่เห็นดีอย่างที่คิดไม่เห็นเหมือนในโฆษณาว่าเก่งด้านเศรษฐกิจเอาเข้าจริงบริหารได้ย่ำแย่


“วันนี้เห็นได้ชัดเต็ม 2 ตา สัมผัสได้ทุกรูขุมขน เข้าใจกระจ่างแจ้งทุกอย่างแล้ว ว่าคุณไม่ได้เก่งจริงอย่างที่คุณได้เคยโอ้อวดเอาไว้ คุณไม่ได้มีความเชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจไม่ได้มีความรู้ความเข้าใจ บริหารเศรษฐกิจล้มเหลว เละคามือ ณ วันที่ข้ามขั้ว บางส่วนเขารับได้ ดิฉันเชื่อ เขาหลับตาข้างหนึ่ง เพราะเขาศรัทธาในอดีตนายกฯ ว่าบริหารเก่ง อย่างน้อยรัฐบาลที่มีเพื่อไทยเป็นแกนนำ เข้ามาแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ก็จะนำพาเศรษฐกิจไทยให้ได้กลับมารุ่งโรจน์โชติช่วงเหมือนในอดีต แต่วันนี้พวกเขารู้ตัวแล้วว่าคิดผิด เช็ดแล้ว พอแล้ว ไม่เห็นดีอย่างที่คิด ไม่เห็นเหมือนที่โฆษณาว่าเก่งด้านเศรษฐกิจ เอาเข้าจริงบริหารย่ำแย่ ไม่เป็นชิ้นเป็นอัน แต่นั่นยังไม่ทำให้เราช้ำใจ ความผิดมหันต์แบบที่ให้อภัยไม่ได้ของแพทองธารในการบริหารเศรษฐกิจผิดพลาดล้มเหลว คือทำให้คนร้องหาลุงตู่ คิดถึงลุงตู่ ลองคิดดูสิคะ ช่วงเศรษฐกิจที่คุณประยุทธ์บริหารเลวร้ายขนาดไหน เลวร้ายที่สุดในรอบ 10 ปี ทำอีท่าไหน ให้คนกลับไปคิดถึงลุงตู่”

ทั้งนี้ ความเดือดร้อนตอนนี้มีทุกหย่อมหญ้า ตั้งแต่รายได้เกษตรกร คนงาน ค่าครองชีพสูง ทำมาหากินก็ไม่คล่อง โรงงานห้างร้านบริษัททยอยปิดตัว ปัญหาเฉพาะหน้าแก้ไม่ได้ ปัญหาโครงสร้างก็ไม่เคยพูดถึงอย่างจริงจัง


ชนชั้นแรกที่ถูกแจกความสิ้นหวังอย่างเท่าเทียมคือเกษตรกร เมื่อสักครู่ที่รัฐมนตรีขึ้นมาก็เห็นได้ว่าเรามีรัฐมนตรีแบบนี้หรือที่คอยส่งข้อมูลให้นายกรัฐมนตรี ทำให้นายกรัฐมนตรีไม่ทันข้อมูล เพราะโดนรัฐมนตรีหลอก ว่าราคาสินค้าเกษตรทุกอย่างยังดี เช่น ราคาปาล์มที่มี 5-6บาท จริงๆ รายได้เกษตรกรตกต่ำทุกชนิดทั้งข้าว อ้อย มันสำปะหลัง และข้าวโพด รัฐมนตรีมารายงานอะไรก็เชื่อไม่รู้เรื่องไม่สามารถให้ทิศทางการแก้ปัญหาได้ก็ปล่อยให้รัฐมนตรีทำไปได้แต่สั่งว่าให้ไปแก้ปัญหาแต่ไม่ได้บอกว่าให้ทำอะไรไม่ได้บอกว่าจะต้องเตรียมการอะไรล่วงหน้า และยังไม่มีน้ำยาพอที่จะประสานงานให้รัฐมนตรีต่างพรรคได้ทำงานร่วมกันได้เลย

“มันจบแล้วรัฐบาลเพื่อไทยที่ไม่สนไม่แคร์ นางสาวแพทองธารสัญญาว่าจะเข้ามาแก้ปัญหาค่าครองชีพให้กับประชาชนเพื่อให้คนไทยมีกินมีใช้แต่หลังจากบริหารได้ 6 เดือน ประชาชนกลับบอกว่าด้วยปัญหาค่าครองชีพสูง คนไม่กล้าจับจ่ายใช้สอย กำลังซื้อในประเทศไม่ขยายตัวเป็นเรื่องแรกที่ประชาชนกังวล” นางสาวศิริกัญญากล่าว

นางสาวศิริกัญญา กล่าวต่อว่า ข้าวของต่างๆไม่ได้ลดลง และยังมีของที่แพงขึ้นไปอีก นอกจากนี้ยังมีค่าไฟที่เพิ่มขึ้น ซึ่งนายกก็บอกกับพ่อนายก ให้ไปบอกในเวทีต่างๆ ว่าจะลด แน่ๆลดเหลือ 3.70 บ้างลดเหลือ 3.50บ้าง ซึ่งทั้งหมดเป็นราคาคุยและไม่กล้าแตะทุนพลังงาน ส่วนที่เหลือก็ไม่รู้ไปฟังใครเขาหรอกมาสิ่งที่ทำไปแล้วก็ทำไม่ได้แต่ที่เกิดขึ้นแน่ๆคือไม่ลด แต่เพิ่มแน่ๆเรามีสิทธิ์ได้ควักกระเป๋าตังค์จ่ายค่าไฟเพิ่มจากดีลต่างๆที่เกิดขึ้นในรัฐบาลนี้


นอกจากนี้ยังมีอีกสาเหตุหนึ่งคือรายได้คนไม่เพิ่มไม่พอกับค่าครองชีพการที่มาบอกเกี่ยวกับเรื่อง GDP โตชาวบ้านเขาไม่ได้รู้เรื่อง เพราะเงินในกระเป๋าไม่ได้เพิ่มไปด้วย และไม่เคยพูดว่าจะเพิ่มรายได้เพิ่มเงินในกระเป๋าให้ประชาชนอย่างไร มัวแต่สนใจแต่ GDP

“กี่ครั้งกี่หนแล้วที่แพทองธารพร่ำเพ้อ พูดถึงค่าแรงขั้นต่ำสัญญาตั้งกี่รอบแล้วว่าภายในปี 67 ได้แน่นอนแต่มันคือสัญญาณลมๆแล้งๆที่รู้อยู่แก่ใจว่าทำไม่ได้พูดคนเดียวไม่พอยังเอาไปเล่าให้พ่อฟังทำให้นำไปพูดทุกเวทีหาเสียงว่าค่าแรง 400 บาทได้แน่ๆ แต่เอาเข้าจริงประกาศออกมาแทบช็อค ว่า 400 บาทได้จริงๆแต่เหลือแค่ 4 จังหวัดกับ 1 อำเภอ บอกว่าภายในปี 60 ก็ไม่ได้ได้ต้นปี 68 แต่ก็ยังให้ความหวังไม่หยุดบอกว่าปี 68 ได้แน่ แต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะได้ 400 บาทแล้วจะสัญญาเพื่อ ? โกหกหลอกลวงกันล้วนๆโกหกตอนหาเสียงยังพอให้อภัยแต่นี่มีอำนาจในมือแต่ยังทำไม่ได้ก็ยังจะมาหลอกประชาชนไปเรื่อยๆเป็นนายกก็ทำไม่ได้มีนายก 2 คนก็ยังทำไม่ได้นี่เป็นการหลอกประชาชนไปเรื่อยๆ ทำลายความหวังครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง”นางสาวศิริกัญญากล่าว

นางสาวศิริกัญญา กล่าวต่อว่า รัฐบาลที่ผู้นำประเทศที่บอกว่าต้องการสร้างโอกาสให้กับประชาชนตอนนี้ก็ยังไม่ลงมือทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ใช้วิธีการแก้ปัญหารายวันขายผ้าเอาหน้ารอด ทำให้เศรษฐกิจไทยตอนนี้ดีสุดๆแล้วใครจะบอกว่าไม่ดีตนว่าไม่ใช่แต่ต่อจากนี้ ไปจะแย่ลงเรื่อยๆ ซึ่งคณะกรรมการนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจก็คงต้องทำต่อทั้งนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งการจ่ายเงิน 2 เฟสที่ผ่านมาก็เห็นแล้วว่ามันล้มเหลว การบริโภคไม่กระเตื้องGDP ไม่กระตุก แต่ก็ยังทำต่อและเริ่มมีตัวเลขแล้วว่าจะกระตุ้นเศรษฐกิจได้เท่าไหร่ และลดกลุ่มคนที่ได้รับสิทธิ์เหลือเพียงแค่ 2.7ล้านคน กลุ่มคนอายุ 16- 20 ปีเรียกว่าเป็นนโยบายประชานิยมยังไม่ได้เลยกระตุ้นเศรษฐกิจไม่ขึ้นกระตุ้นความนิยมก็ไม่ขึ้นเช่นเดียวกัน

ขณะที่การกระตุ้นเศรษฐกิจด้านอื่นๆทั้งด้านการท่องเที่ยว ด้านการลงทุน แต่ถึงจะเปลี่ยนนายก นโยบายเศรษฐกิจก็ยังเหมือนเดิม แม้จะรู้แล้วว่าไม่ได้ผลแต่ยังคงใช้วิธีการเดิม วันนี้มองไม่เห็นภาพเลยว่ารัฐบาลมีแผนอย่างไรโครงการมันค่อยๆผุดมาทีละอันทีละวัน ทีละวันแต่ในภาพรวมไม่มีมองไม่เห็นทางออกรัฐบาลแก้หนี้ไปแล้วหลายรอบทั้งพักหนี้เกษตรกร แก้หนี้นอกระบบแต่ปัจจุบันก็ยังแก้ไม่ไปถึงไหนแต่ประกาศจบโครงการแล้ว นอกจากนี้ ยังมีการแก้ปัญหาด้านการเกษตรเช่นเรื่องข้าวที่ผิดพลาด

“นี่มันเรื่องบ้าอะไร การบริหารประเทศแบบเด็กเล่นขายของไม่มีผิดรู้ทั้งรู้ว่าราคาข้าวอยู่ในขาลง ก็ยังเชียร์ให้เกษตรกรทำนาปรัง เพิ่มตลาดก็ไม่ได้ รัฐบาลหรือแก๊งต้มตุ๋นประชาชน นายกรัฐมนตรีจะต้องเป็นคนที่ประสานให้กระทรวงทุกกระทรวงเห็นภาพตรงกันแล้วทำงานประสานกัน แต่เปล่าเลยคณะกรรมการมีรองนายก 2 คน ดำเนินนโยบายสวนทางกันเอง แล้วใครจะรับผิดชอบถ้าไม่ใช่นายกรัฐมนตรีที่ชื่อแพทองธาร ชินวัตร ดิฉันคิดว่าไม่ไหว ดูเหมือนใช้คนไม่ถูกงานจริงๆ แต่ว่าก็ยังคงไม่มีการเปลี่ยนตัวรัฐมนตรีจนถึงทุกวันนี้ยังคงปกป้องกันได้ ฉะนั้น เราก็ยังคงมีรัฐมนตรีที่ไม่เข้าใจ ปัญหาของชาวนาเลย” นางสาวศิริกัญญากล่าว

นางสาวศิริกัญญา กล่าวต่อว่า ความล้มเหลวรายวันยังไม่จบ นายกแถลงเองว่าการผูกขาดทุกชนิดทำให้ประชาชนยากจนลง 1 ใน 2 มาตรการจะมีการปลดล็อคทุนผูกขาดโดยเฉพาะเรื่องข้าว ให้ SME สามารถส่งออกข้าวได้เอง ซึ่งที่ต้องทำคือการแก้ระเบียบการค้าข้าวเท่านั้นเอง โดยจะต้องยกเลิกขั้นต่ำของการสต๊อกข้าว แต่จากเดิมต้องมีสต๊อกข้าว 500 ตันหรือ 20 ตู้คอนเทนเนอร์เปลี่ยนใหม่เป็นต้องมีสต๊อกข้าว 100 ตันหรือ 4 ตู้คอนเทนเนอร์ โดยให้เหตุผลว่าสร้างความน่าเชื่อถือให้กับผู้ซื้อและที่ตลกกว่าคือนายกรัฐมนตรียอมข้าราชการเรื่องง่ายๆยังล้มเหลวขนาดนี้ ชาตินี้ก็คงไม่มีวันได้ฟังนายกแถลงผลงานเรื่องทลายทุนผูกขาดที่จะส่งผลกระทบกับค่าครองชีพของประชาชนจริงๆ

ทั้งนี้ รัฐบาลเมื่อหมดบุญเก่าก็นำนโยบาย เก่ามานำเสนอใหม่เพื่อให้คนหลงเชื่ออีกครั้ง แต่รอบนี้คนไม่หลงกลแล้วนอกจากจะขุดเอาของเก่ามาขายก็ยังมีความฝันว่าจะไปถึงดวงดาวแต่ก็ไปได้แค่ยอดมะพร้าวเพราะมือไม่ถึง จะมี 1 คนที่ขายฝันคือพ่อนายกที่จะมาพูดอะไรล้ำๆ วัดฝันว่าเศรษฐกิจไทยจะพุ่งขึ้นพาไกลไปจนถึงดวงดาวตอนนี้ก็เป็นการขายฝันกันต่อ เกือบลืมไปแล้วว่าดิจิทัลวอลเล็ตครั้งแรก จะแจกเป็นเงินดิจิทัล ที่มีบล็อคเชนอยู่เบื้องหลัง วันก่อนพ่อนายกพูดก็นึกขึ้นได้ ว่าดิจิทัลวอลเล็ต เปลี่ยนรูปแบบวิธีการไปจนจำเค้าเดิมไม่ได้

โดยนายทักษิณ ชินวัตรเล่าว่าที่ผิดแผน เพราะแบงค์ชาติบอกว่าทำไม่ได้ที่เคยคิดไว้ว่าไม่ต้องเตรียมเงินไว้ล่วงหน้าค่อยไปหาเงินมาใช้หนี้ทีหลังทำไม่ได้เพราะ ติดพ.ร.บ.เงินตราก็เลยพับแผนแจกเป็นเงินสด อย่าว่าแต่ดวงดาวเลย ยอดมะพร้าวก็ยังไปไม่ถึง แต่ก็ยังไม่ล้มเลิกความพยายามว่า ดิจิทัลวอลเล็ต จะต้องเป็นคริปโตเท่านั้น ไม่ใช่กระเป๋าเงินทั่วไปจึงมีไอเดียเพิ่มเติมเรื่อง สเตเบิลคอยน์ และสั่งรัฐมนตรีกระทรวงการคลังให้รับไอเดียนี้ไปศึกษา นายทักษิณมักจะพูดว่าเราต้องเพิ่มเม็ดเงินให้กับเศรษฐกิจโดยไม่ต้องพิมพ์แบงค์ที่ไหน โดยการออกคอยโดยมีพันธบัตรรัฐบาลค้ำประกันเพื่อให้เงินหมุนเวียนในเศรษฐกิจปีนี้ 3.5 แน่ๆ ปีหน้า 4.7ต้องถึง 5 ไม่งั้นเราจะด้อยกว่าประเทศอื่น

นางสาวศิริกัญญา ยังกล่าวต่อว่า พี่แบงค์ชาติรีรอไม่ยอมลดดอกเบี้ยเป็นเพราะความโลเลของนโยบายรัฐบาล เพราะความไม่แน่นอนของโครงการดิจิทัลวอลเล็ตที่ทำให้ต้องยืดการลดดอกเบี้ยออกไปก่อน เพราะอาจจะเกิดความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ และถ้าหากไม่มีโอกาสดิจิทัลวอลเล็ต แบงค์ชาติสามารถลดดอกเบี้ยได้อีก 50 สตางค์

ทั้งนี้ ตนไม่คาดหวังการชี้แจงอะไรอีกแล้วประชาชนเบื่อจะฟังคำแก้ตัวบิดเบือนและด้อยค่าประชาชน บางทีเผลอๆด้อยค่าฝ่ายค้านก็กระทบประชาชนไม่ต้องยกตัวเลขนู่นนี่ว่าเศรษฐกิจดีตลาดหุ้นมีพื้นฐาน เราแค่ยังไม่ฉลาดพอ รายได้คนเพิ่มขึ้นแล้วเราจะรวยกันแล้วไม่อยากฟังคำแก้ตัวว่าค่าครองชีพเรามันต่ำของอะไรถูกไปหมด เพียงแค่ต้องเลือกกินให้ถูกต้องเท่านั้นเอง ยิ่งพูดยิ่งสะท้อนว่านายกและลูกน้องรัฐมนตรีกับประชาชนเหมือนอยู่คนละโลกกัน เราให้เวลาให้โอกาสมามากพอแล้วแต่ทำไม่เคยได้ยังคงทำนโยบายรายวันขายผ้าเอาหน้ารอดไปวันๆฝันไกลแต่ก็ไปไม่ถึงดวงดาว หลังชนฝาเมื่อไหร่ก็ไปควักนโยบายเก่าๆเมื่อ 20 ปีที่แล้วมาใช้หมดหนทางจริงๆก็ลองหาแบงค์ชาติให้ลดดอกเบี้ย อย่ามาแก้ตัวว่าเศรษฐกิจพังมาก่อนหน้านี้แล้ว แบงค์ชาติไม่ลดดอกเบี้ย หรือรัฐมนตรีพรรคร่วมเยอะเกินไปจึงทำไม่สำเร็จช่วยบอกอะไรที่เรายังไม่รู้

“แม้ในเวลานี้ขึ้นลมยังไม่ปั่นป่วนมาก ท่านยังทำให้วิบัติได้ขนาดนี้ พายุหมุนทางเศรษฐกิจของแท้กำลังจะมาแล้ว คลื่นลมจะสูงแรงและปั่นป่วนมาก ถ้าเราอยากให้เศรษฐกิจรอดได้ อยากให้ประเทศรอดได้ อยากให้ประชาชนรอดได้ เราไม่สามารถที่จะมีผู้นำประเทศแบบนี้ได้จริงๆไม่สามารถอดทนกันต่อไปได้อีกแล้วไม่สามารถอยู่ในสภาวะสิ้นหวังแบบนี้ได้อีกต่อไปแล้วไม่ยอมเอาอนาคตลูกหลานไปเสี่ยงได้อีกแล้วและไม่สามารถไว้วางใจนางสาวแพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีได้อีกต่อไป” นางสาวศิริกัญญากล่าว.-312.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” รายชื่อตรงตามโผ

กทม. 19 ก.ย.-โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” นั่งนายกฯ ควบมหาดไทย พร้อมตั้ง รองนายกฯ 6 คน รมต.สำนักนายกฯ 4 คน ขณะรายชื่อตรงตามโผ ไม่มีเปลี่ยนแปลง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย. 68) เวลา 09.30 น. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ สำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี โดยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 7 กันยายนพุทธศักราช 2568 แล้วนั้น บัดนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เลือกผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดินสืบต่อไปแล้ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเก้าแต่งตั้งรัฐมนตรีดังต่อไปนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ […]

“เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง

กรุงเทพฯ 19 ก.ย. – “เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง เชื่อ 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต หลังจากนี้จะใช้ชีวิตของตัวเองอุทิศให้ประชาชนและประเทศชาติ ชี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์บ้านเมืองว่าจะออกมาเคลื่อนไหวอีกหรือไม่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก สื่อมวลชนอาวุโส กล่าวขอบคุณกระบวนการยุติธรรม และศาลด้วยที่ความเมตตากับตนเอง ที่ผ่านมาเราต่อสู้ด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม สำหรับการตัดสินในวันนี้ทำให้รู้สึกโล่งใจ ดีใจทำให้เรารู้ว่าหลังจากนี้เราจะใช้ชีวิตของเราอย่างไรต่อ เพราะถือว่าเป็นคดีสุดท้าย 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต ต่อจากนี้เป็นต้นไปขอทำหน้าที่สื่อมวลชนที่ดีเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดชีวิตนี้จะอุทิศให้กับพี่น้องประชาชนและประเทศชาติ พร้อมบอกว่าเป็นคดีสุดท้ายใน 20 ปี ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา เราใช้วิชาชีพของตัวเองใช้ความเชี่ยวชาญของตัวเองรับใช้พี่น้องประชาชน ถือว่าเป็น 20 ปี ที่คุ้มมาก พี่น้องประชาชนให้กำลังใจเราเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะคนที่ร่วมมือกับเราในการแสวงหาข้อมูล เรารู้สึกว่ามีคนรักเรามาก และความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น เรานำเสนอความจริง เมื่อถามว่าที่ผ่านรู้สึกอย่างไรได้มีเตรียมใจไว้หรือไม่ น.ส.อัญชะลี ระบุว่า ทุกอย่างเตรียมความพร้อม ทุกอย่างไม่ต้องแอบทำใจ หากเราสู้จนถึงที่สุดแล้วอะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องเกิด ขอบคุณทุกหน่วยงานที่เคยช่วยเหลือทั้งในเรื่องเอกสาร หรืออื่นๆ ส่วนเหตุผลที่ศาลพิจารณายกฟ้องในคดีนี้ คือ ศาลเห็นว่าพยานให้การไม่ตรงกันในหลายประเด็นทั้งพยานวัตถุ […]

ศาลฎีกานัดฟังคำพิพากษาคดีม็อบพันธมิตรบุกยึด NBT ปี51

ศาลอาญา 19 ก.ย. – วันนี้ที่ศาลอาญา รัชดา ได้นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา หรือคดีแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหรือ พธม. นำผู้ชุมนุมบุกยึดสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย หรือ NBT เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2551 หรือเมื่อ 17 ปีก่อน ในช่วงระหว่างการชุมนุมขับไล่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ในขณะนั้น ซึ่งศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาในเวลา 10:00 น. โดยคดีดังกล่าวมีจำเลย 4 คน ได้แก่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก, นายภูวดล ทรงประเสริฐ, นายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที และนายชิติพัทธ์ ลิ้มทองกุล ซึ่งเป็นน้องชายของนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำ พธม. ทั้งหมดถูกฟ้องในความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป อั้งยี่ซ่องโจร บุกรุก และทำให้เสียทรัพย์ เนื่องจากปรากฏหลักฐานว่า จำเลยทั้งห้าเป็นระดับหัวหน้าและผู้สั่งการให้กระทำความผิด ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ได้มีจำเลยอีก 1 คน คือ นายสมเกียรติ […]

‘มาครง’ เตรียมเสนอหลักฐานยืนยัน ‘บริฌิตต์’ เป็นหญิงไม่ใช่ชาย

ปารีส 19 ก.ย. – ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส และบริฌิตต์ ภริยา เตรียมเสนอหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ต่อศาลสหรัฐเพื่อพิสูจน์ว่าบริฌิตต์เป็นผู้หญิงจริงๆ ไม่ใช่ผู้ชาย ทนายความของประธานาธิบดีมาครงและบริฌิตต์ บอกว่า ทั้งคู่จะยื่นเอกสารเหล่านี้ในคดีหมิ่นประมาทที่ทั้งสองได้ยื่นฟ้อง แคนแดซ โอเวนส์ อินฟลูเอนเซอร์ฝ่ายขวาชาวอเมริกัน ที่เผยแพร่ความเชื่อของตนผ่านทางสื่อและรายการพ็อคแคสต์ของตนเองว่าบริฌิตต์ เกิดมาเป็นผู้ชาย ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เธอเสียใจและไม่สบายใจอย่างมากกับข้อกล่าวหาดังกล่าว และเรื่องนี้รบกวนจิตใจของประธานาธิบดีฝรั่งเศส แม้จะไม่ได้ทำให้มาครงสมาธิหลุดจากภารกิจหน้าที่ของเขาในฐานะผู้นำประเทศ แต่มันก็เป็นเรื่องรบกวนจิตใจของคนที่ต้องรับผิดชอบทั้งเรื่องครอบครัวและเรื่องงาน ซึ่งตัวประธานาธิบดีก็ไม่มีข้อยกเว้น ในส่วนของการยื่นหลักฐานต่อศาลนั้น ทนายความของมาครงและภริยาบอกว่า ทั้งคู่พร้อมที่จะแสดงหลักฐานอย่างชัดเจนทั้งในภาพรวมและในรายละเอียด รวมถึงคำให้การจากผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะเป็นลักษณะทางวิทยาศาสตร์เพื่อพิสูจน์ว่าข้อกล่าวหานั้นเป็นเท็จ แม้จะเป็นกระบวนการที่บริฌิตต์จะต้องเผชิญต่อหน้าสาธารณชนอย่างเปิดเผย แต่เธอก็ยินดีที่จะทำ เธอตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อทำให้เรื่องนี้กระจ่าง สำหรับประเด็นเรื่องบริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ถูกเผยแพร่ครั้งแรกตามสื่อออนไลน์ของฝ่ายขวาและกลุ่มต่อต้านวัคซีนในฝรั่งเศสตั้งแต่ปี 2021 ต่อมา แคนแดซ โอเวนส์ อดีตนักวิจารณ์ของเดลี่ไวร์ (Daily Wire) สำนักข่าวสายอนุรักษ์นิยมของสหรัฐฯ ซึ่งมีผู้ติดตามบนโซเชียลมีเดียหลายล้านคน ได้เผยแพร่มุมมองของตนเองหลายครั้งว่า บริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ที่มีชื่อว่า ฌอง-มิเชล ทรอกโนซ์ (Jean-Michel Trogneux) ก่อนที่จะแปลงเพศในเวลาต่อมา ถึงขั้นอ้างว่าเธอพร้อมเดิมพันชื่อเสียงในอาชีพทั้งหมดของเธอกับข้อกล่าวหานี้ ส่งผลให้มาครงและภริยายื่นฟ้องต่อศาลสหรัฐฯ […]

ข่าวแนะนำ

พิธีบวงสรวงอัญเชิญพระบรมราชานุสาวรีย์ ร.7 ประดิษฐานหน้าอาคารรัฐสภา

รัฐสภา 20 ก.ย.- รัฐสภา จัดพิธีบวงสรวงอัญเชิญพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (องค์ใหม่) ประดิษฐานหน้าอาคาร ขนาดใหญ่กว่าพระองค์จริง 4 เท่า เมื่อเวลา 08.00 น. รัฐสภา จัดพิธีบวงสรวงอัญเชิญพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (องค์ใหม่) เพื่อประดิษฐานบนแท่นฐานพระบรมราชานุสาวรีย์ ณ บริเวณด้านหน้าอาคารรัฐสภา (ถนนสามเสน) โดยมีนายไชยา พรหมา รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่1 เป็นประธานในพิธี นอกจากนี้ยังมี พล.อ.สวัสดิ์ ทัศนา สว. นายชวนหลีก หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปปัตย์ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่านพรรคเพื่อไทย น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ สส.บัญชีรายชื่อพรรครวมไทยสร้างชาติ นายอิสระ เสรีวัฒนวุฒิเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า และประธานกรรมการ บมจ.อสมท รวมถึงข้าราชการรัฐสภา ร่วมพิธีด้วย โดยนายไชยาและพล.อ.สวัสดิ์ ถวายพวงมาลัยและโปรยดอกไม้ที่พระบาทของพระบรมราชานุสาวรีย์ฯ จากนั้นปักธูปที่เครื่องบวงสรางพร้อมโปรยดอกไม้ จากนั้นนายฉัตรชัย ปิ่นเงิน หัวหน้าโหรพราหมณ์ สำนักพระราชวัง อ่านโองการจากนั้นเชิญประธานในพิธีโปรยดอกไม้ที่โต๊ะเครื่องบวงสรวง วางพานประดับพุ่มดอกไม้ และจุด ธูป เทียน […]

อุตุฯ เตือน 9 จังหวัดรับมือฝนถล่ม ระวังน้ำท่วม-น้ำป่าไหลหลาก

กทม. 20 ก.ย.- กรมอุตุฯ เตือน 9 จังหวัดรับมือฝนตกหนัก เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่งโดยเฉพาะบริเวณจังหวัดตาก พิษณุโลก เพชรบูรณ์ เลย ชัยภูมิ นครนายก ปราจีนบุรี จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านภาคกลางและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามันประเทศไทยและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง สำหรับบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุโซนร้อน “มิแทก” บริเวณทะเลมณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน ได้อ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชันแล้ว คาดว่าจะอ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำและสลายตัวอย่างรวดเร็ว ขอให้ผู้ที่จะเดินทางไปบริเวณดังกล่าวตรวจสอบสภาพอากาศก่อนออกเดินทางไว้ด้วย -สำนักข่าวไทย

สึกแล้ว “ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง” ปมร้องเรียนทุจริตเงินวัด-พัวพัน 3 สีกา

19 ก.ย. – สึกแล้ว “ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง” และเดินทางออกจากวัดทันที หลังก่อนหน้านี้มีการร้องเรียนเกี่ยวกับทุจริตเงินวัด และพัวพัน 3 สีกา เป็นภาพเอกสารที่พระธรรมสุธี เจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง ส่งไปยังเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร เพื่อชี้แจงกรณีของผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง พร้อมแนบภาพถ่ายการลาสิกขาของผู้ช่วยเจ้าอาวาส เอกสารระบุข้อความว่า “ตามที่มีประเด็นปรากฏในสื่อออนไลน์ และสื่อต่างๆ เกี่ยวข้องกับผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง ทางวัดหัวลำโพง ขอชี้แจงตามประเด็นดังต่อไปนี้ 1.กรณีพฤติกรรมชู้สาวของพระครูปริยัติวัฒนกิจ ทางวัดยังไม่พบหรือปรากฏหลักฐาน เนื่องจากเป็นเรื่องส่วนบุคคล2.กรณียักยอกงินวัดนั้น ทางวัดขอชี้แจงว่า ยังไม่พบหรือปรากฏหลักฐาน เนื่องจากหน้าที่ของพระครูปริยัติวัฒนกิจ เป็นเพียงเจ้าหน้าที่ฌาปนสถานวัดหัวลำโพง มีหน้าที่ประสานงานกับเจ้าภาพที่มาติดต่อเกี่ยวกับการจองศาลาบำเพ็ญกุศล อีกทั้งฌาปนสถานวัดหัวลำโพง ประกอบด้วยกรรมการบริหารจำนวน 5 รูป โดยมีเจ้าอาวาสเป็นประธาน และมีการทำบัญชีรายรับรายจ่ายในส่วนฌาปนสถานของวัดมาโดยตลอด 3.กรณีลาสิกขา ทางพระครูปริยัติวัฒนกิจ แจ้งความประสงค์ลาสิกขาด้วยความสมัครใจ เพื่อมิให้กระทบกระเทือนต่อภาพลักษณ์ของวัด และศรัทธาของสาธุชน โดยลาสิกขา 18 ก.ย. 2568 เวลา 19.10 น. และเดินทางออกจากวัดทันที ย้อนดูคำชี้แจง “อดีตพระครูปริยัติวัฒนกิจ”ย้อนดูคำชี้แจงจากปากของอดีตพระครูปริยัติวัฒนกิจ ก่อนหน้านี้ที่ทีมข่าวได้พูดคุยผ่านทางโทรศัพท์ สำหรับเรื่องทุจริตเงินวัด อดีตพระครูปริยัติวัฒนกิจ บอกว่าเรื่องนี้ไม่เป็นความจริง ปกติหน้าที่เกี่ยวข้องกับเงินของตนเอง […]

เบื้องหลังละครกัมพูชา

สระแก้ว 19 ก.ย. – ชาวกัมพูชาที่บ้านหนองหญ้าแก้ว ยังไม่รามือ หลังพบความพยายามรวบรวมฝูงชนจากพื้นที่อื่น เข้ามาสร้างสถานการณ์ยึดดินแดนไทย อาจมีเบื้องหลังเป็นข้าราชการกัมพูชา-นายทุนต่างชาติ.-สำนักข่าวไทย