แพทย์แนะอย่าปกปิดข้อมูลการเดินทาง เสี่ยงแพร่โควิด-19

กรุงเทพฯ 26 ก.พ. – โรงพยาบาลบี.แคร์ฯ ยืนยันมีมาตรการคัดกรองเฝ้าระวังโควิด-19 อย่างเข้มงวด หลังพบผู้ป่วยชายติดเชื้อโควิด-19 จนต้องเฝ้าระวังบุคลากรในโรงพยาบาล พร้อมแนะผู้ป่วยอย่าปกปิดข้อมูล เพราะเสี่ยงที่เชื้อจะแพร่ระบาดเป็นวงกว้าง


การตรวจอุณหภูมิร่างกายก่อนเข้าอาคาร และการซักถามประวัติผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงติดเชื้อโควิด-19 เป็นมาตรการควบคุมและเฝ้าระวังไวรัสโคโรนา 2019 ที่โรงพยาบาลบี.แคร์ เมดิคอลเซ็นเตอร์ ดำเนินการอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เกิดการระบาดของเชื้อโควิด-19 และจะดำเนินไปอย่างเข้มข้น หลังจากพบชายคนหนึ่งเดินทางกลับจากประเทศที่มีความเสี่ยง แล้วมีอาการป่วย เข้ารับการรักษา แต่กลับไม่เปิดเผยว่าเคยเดินทางออกนอกประเทศ ก่อนจะยอมรับภายหลัง จนแพทย์ตรวจพบว่าติดเชื้อโควิด-19 


ที่โรงพยาบาลบี.แคร์ เมดิคอลเซ็นเตอร์ มีการดำเนินการคัดกรองและเฝ้าระวังตามขั้นตอนของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข อยู่แล้ว หากการคัดกรองเบื้องต้น และพบมีอาการ เช่น มีไข้ เจ็บคอ ไอ น้ำมูกไหล เหนื่อยหอบ และมีประวัติเดินทางไปประเทศกลุ่มเสี่ยง เข้าข่ายเฝ้าระวัง จะถูกแยกตัวและเข้าสู่กระบวนการตรวจหาเชื้อทันที โดยระหว่างที่รอผลจะถูกนำมากักตัวเฝ้าระวังในห้องความดันลบ หากผลเป็นลบ ไม่มีเชื้อ ก็จะให้กลับบ้านได้ แต่หากผลเป็นบวก มีเชื้อโควิด-19 ก็จะถูกส่งตัวไปโรงพยาบาลแห่งอื่น  


ผอ.โรงพยาบาลบี.แคร์ เมดิคอลเซ็นเตอร์ ระบุว่า ถึงแม้โรงพยาบาลจะมีมาตรการคัดกรองที่คุมเข้ม แต่หากผู้ป่วยไม่ให้ความร่วมมือ เดินทางไปประเทศเสี่ยงติดเชื้อ หรือสัมผัสกับกลุ่มเสี่ยง แล้วไม่บอกแพทย์ที่ทำการรักษา จะยิ่งทำให้การควบคุมโรคทำได้ยากขึ้น เช่น กรณีของผู้ป่วยชายคนนี้ 

การไม่เปิดเผยข้อมูลการเดินทางไปประเทศกลุ่มเสี่ยงของผู้ป่วยคนนี้ ส่งผลให้บุคลากรทางการแพทย์ของโรงพยาบาลบี.แคร์ เมดิคอลเซ็นเตอร์ 30 คน ต้องหยุดงาน และเฝ้าระวังโรค 14 วัน ทำให้เพื่อนร่วมงานต้องหมุนเวียนควงกะทดแทนบุคลากรที่หายไป 

นอกจากนี้ ผลกระทบของผู้ป่วยรายนี้ ยังทำให้หลานชายวัย 8 ขวบ ติดเชื้อ และมีผู้เฝ้าระวังอีกนับร้อยคน ในจำนวนนี้เป็นนักเรียนของโรงเรียนพระหฤทัยดอนเมือง ซึ่งเป็นโรงเรียนที่หลานของผู้ป่วยกำลังศึกษาอยู่ โดยตั้งแต่ช่วงเที่ยงวัน มีผู้ปกครองทยอยเดินทางมารับลูกกลับบ้าน โดยโรงเรียนปิดประตูรั้วทางเข้า ไม่ให้ผู้ไม่เกี่ยวข้องเข้าไป และมีเจ้าหน้าที่เข้ามาทำความสะอาด พ่นยาฆ่าเชื้อทั่วโรงเรียน 

อย่างผู้ปกครองคนนี้ที่มารับหลานกลับบ้านทันที เพราะรู้สึกกังวล

ในทางการแพทย์ การคัดกรองผู้ป่วย ถือเป็นขั้นตอนแรกที่จะสามารถแบ่งประเภท และประเมินอาการของผู้ป่วยตามข้อเท็จจริง ก่อนจะส่งต่อไปรักษาได้อย่างถูกต้อง โดยเฉพาะในช่วงที่มีโรคระบาดอย่างโควิด-19 บุคลากรทางการแพทย์จึงให้ความสำคัญกับขั้นตอนนี้มาก เพราะหากรู้ว่าผู้ป่วยเป็นกลุ่มเสี่ยงติดเชื้อ ก็จะสามารถควบคุมไม่ให้โรคแพร่กระจายในวงกว้าง. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ใบประกอบวิชาชีพครู

เตือนคุณครูเปิดเทอมนี้ ต้องมี “ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู”

เตือนคุณครูเปิดเทอมนี้ ต้องมี “ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู” แนะรีบต่ออายุใบอนุญาต หลังคุรุสภาออกมาตรการ 5 ต. คุมเข้มทุกโรงเรียนทั่วไทย

เริ่ม 1 พ.ค.นี้ นักท่องเที่ยวเข้าไทย ต้องลงทะเบียนบัตร ตม.6 แบบดิจิทัล

เริ่ม 1 พ.ค.นี้ นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางเข้าไทย ต้องลงทะเบียนบัตร ตม.6 แบบดิจิทัล หรือ TDAC ล่วงหน้า อย่างน้อย 3 วันก่อนเดินทาง ตามกฎใหม่ ตม.

พีชเรียกอาต่าย

ผบ.ตร.ไม่ปลื้ม “พีช” โอ้อวดเรียก “อาต่าย” ลั่นไม่ใช่ญาติ

ผบ.ตร.ไม่ปลื้ม “พีช” คู่กรณีรถกระบะ โอ้อวดเรียก “อาต่าย” รู้จักคนในรัฐบาล หวังผลคดี ลั่นไม่ใช่ญาติ สอนลูกเสมออย่าทำตัวเป็นขยะสังคม บอกประชาชนใช้วิจารณญาณเลือกตั้ง

“นายกเบี้ยว” ยอมรับลูกขับรถหวาดเสียว พร้อมชดใช้-ดูแลลุงคู่กรณี

“นายกเบี้ยว” รับจบแทนลูก ยอมรับลูกขับรถหวาดเสียว พร้อมชดใช้ ดูแลลุงคู่กรณี ระบุสอนลูกไม่ดี ไม่มีเวลาให้ลูก ปฏิเสธไม่สนิทกับ ผบ.ตร. อย่าเอาท่านมาแปดเปื้อน ส่วนที่ลูกชายยังไม่ไปเยี่ยมลุงคู่กรณี เนื่องจากกลัวโดนถูกโวยวาย

ข่าวแนะนำ

ปล่องลิฟต์ตึกถล่ม

กทม.เดินหน้าเจาะปล่องลิฟต์ ค้นหาผู้สูญหายตึก สตง.

ผู้ว่าฯ กทม. เผยปฏิการค้นหาร่างผู้สูญหายจากเหตุตึก สตง.ถล่ม วันนี้เน้นเจาะปล่องลิฟต์-บันไดหนีไฟ หลังวานนี้ (18 เม.ย.) พบผู้เสียชีวิตในจุดดังกล่าวเพิ่มอีก 6 ราย ยืนยัน กทม. ให้ความร่วมมือกับทุกหน่วยงานในการเข้า เก็บพยานหลักฐาน เพื่อหาตัวผู้รับผิดชอบกับเหตุการณ์ดังกล่าว