fbpx

ป่าไม้-ส.ป.ก.ร่วมตำรวจตรวจฟาร์มไก่อีกครั้งพรุ่งนี้

กรุงเทพฯ 11 ก.พ. – กรมป่าไม้ร่วมกับตำรวจ บก.ปทส.ตรวจสอบเพิ่ม กรณี “ปารีณา” บุกรุกพื้นที่ป่า 46 ไร่ หาข้อมูลเพิ่มเติมประกอบการดำเนินคดี  ด้านเลขาฯ ส.ป.ก.ระบุการคืนที่ 682 ไร่ ทำฟาร์มไก่ถือว่าสมบูรณ์แล้ว คาดเข้าสืบทรัพย์เตรียมแผนบริหารจัดการพื้นที่ ก่อนนำเข้าสู่กระบวนการจัดสรรสิทธิ์พรุ่งนี้


นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวว่า วันพรุ่งนี้ (12 ก.พ.) มอบหมายให้นายธวัชชัย ลัดกรูด ผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 1 (อุดรธานี) ประธานคณะทำงานตรวจสอบการครอบครองที่ดินรัฐของ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ร่วมกับตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) เดินทางไปฟาร์มไก่เขาสนฟาร์ม ตำบลรางบัว อำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี ตามที่ได้รับการร้องขอจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อนำชี้แนวเขตและให้ข้อมูลประกอบการสอบสวนเพิ่มเติม กรณีบุกรุกยึดถือครอบครองพื้นที่ป่าสงวนและป่าไม้ถาวรประมาณ 46 ไร่เศษ ซึ่งกรมป่าไม้แจ้งดำเนินคดีต่อ บก.ปทส. รวม 4 ข้อหา 


ส่วนการบุกรุกครอบครองพื้นที่ป่าสงวนและป่าไม้ถาวรหมู่ 9 ต. ท่าเคย อ.สวนผึ้ง ซึ่งนายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต่อต้านคอรัปชั่น (คปต.) ร้องทุกข์กล่าวโทษนายทวี ไกรคุปต์ บิดา น.ส.ปารีณา โดยตำรวจ สภ.สวนผึ้งได้ประสานเจ้าพนักงานกรมป่าไม้เข้าตรวจสอบและพบการบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนและป่าไม้ถาวรรวม 392-3-32 ไร่ ในการนี้ได้แจ้งความ พร้อมตรวจสิ่งปลูกสร้าง โรงเลื่อยไม้ และจระเข้กว่า 1,000 ตัวไว้ ขณะนี้พนักงานสอบสวนกำลังหาตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดี หากประสานให้เจ้าพนักงานป่าไม้เข้าตรวจพื้นที่และให้ข้อมูลเพิ่มเติมก็ยินดีร่วมมือ

นายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข เลขาธิการ สำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) กล่าวว่า น.ส.ปารีณาส่งมอบที่ดิน 682 ไร่ พร้อมสิ่งปลูกสร้างสมบูรณ์ตั้งแต่วันที่ 2 มกราคมที่ผ่านมา ซึ่งการจะนำที่ดินแปลงดังกล่าวเข้าสู่กระบวนการจัดสรรสิทธิ์แก่ผู้มีคุณสมบัตินั้น ทาง ส.ป.ก.จะเร่งสืบทรัพย์ที่มีอยู่ในที่ดินแปลงดังกล่าว จากนั้นจะพิจารณาแนวทางพัฒนาระบบสาธารณูปโภคและส่งเสริมอาชีพเกษตรที่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ จากการสำรวจก่อนหน้านี้พบว่าที่ดินบริเวณดังกล่าวมีสภาพแห้งแล้งไม่เหมาะต่อการปลูกพืช ดังนั้น จึงอาจส่งเสริมการทำปศุสัตว์ โดยให้เกษตรกรรวมกลุ่มและทำรูปแบบแปลงรวม จึงอาจคงสิ่งปลูกสร้างที่ใช้ประโยชน์ได้ไว้ ส่วนที่ไม่เหมาะสมเป็นความรับผิดชอบของ น.ส.ปารีณาในการรื้อถอน ส่วนการดำเนินคดีอาญาตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ. 2484 อยู่ระหว่างรอสำนักงานคณะกรรมการกฤษีกาให้ความเห็นว่าเป็นหน้าที่ของกรมป่าไม้ที่เป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมายหรือเป็นหน้าที่ของ ส.ป.ก. ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ดูแลที่ดิน


สำหรับที่ดิน ส.ป.ก.อำเภอสวนผึ้ง ซึ่งนายวีระแจ้งความว่านายทวีบุกรุก โดยปรากฏข่าวว่าตำรวจ สภ.สวนผึ้งเข้าตรวจสอบแล้วพบการบุกรุกที่ ส.ป.ก. 2 แปลง เนื้อที่กว่า 600 ไร่นั้น กำลังตรวจสอบว่าเป็นจริงตามข่าวหรือไม่ หากพบว่าบุกรุกจริงจะดำเนินการตามกฎหมายทันที

มีรายงานว่าเลขาธิการ ส.ป.ก. รายงานต่อนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีในวันที่เข้ารายงานความคืบหน้าการดำเนินการต่อน.ส. ปารีณาและให้ข้อมูลเกี่ยวกับกฎหมายพร้อมกับผู้แทนของกรมป่าไม้ในสัปดาห์ที่ผ่านมาว่าจะส่งเจ้าพนักงาน ส.ป.ก.เข้าสำรวจสืบทรัพย์ที่ดิน 682 ไร่ วันที่ 12 กุมภาพันธ์ พร้อมกับที่พนักงานสอบสวนนัดหมายเจ้าพนักงานกรมป่าไม้ไว้

ส่วนการเลี้ยงจระเข้กว่า 1,000 ตัวในบ่อเลี้ยงซึ่งอยู่ในเขตป่าไม้ ซึ่งกรมป่าไม้ตรวจยึดและแจ้งความไปแล้วนั้น ตามหลักฐานของกรมประมงควบคุมดูแลการเลี้ยงจระเข้ ซึ่งเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองนั้น ขออนุญาตโดยนายสีหนาท ไกรคุปต์ ลูกชายนายทวี โดยใบอนุญาตออกเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2560 สิ้นสุดวันที่ 6 สิงหาคม 2563 ซึ่งทางประมงจังหวัดราชบุรีแจ้งว่าการขออนุญาตเป็นไปตามขั้นตอน คือ ผู้ขออนุญาตแสดงเอกสารสิทธิ์ที่ดิน ซึ่งจะทำบ่อเลี้ยง เลขที่ 72/1 หมู่ 9 ต. ท่าเคย อ. สวนผึ้ง พร้อมสำเนาทะเบียนบ้านและสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน จากนั้นยื่นคำขอตามแบบฟอร์ม สป 142 เมื่อตรวจสอบเอกสารครบถ้วนจะได้รับใบอนุญาตให้มีไว้ในครอบครอง ซึ่งสัตว์ป่าที่ได้มาจากการเพาะพันธุ์ หรือ สป15 ซึ่งทางประมงจังหวัดระบุว่า นายสีหนาท แสดงเอกสารสิทธิ์ที่ดิน ซึ่งมีเลขที่บ้านตามข้อกำหนด โดยทางเจ้าหน้าที่ประมงไม่ทราบว่าที่ดินนั้นอยู่ในเขตป่าไม้แต่อย่างใด ถ้าถูกดำเนินคดีเรื่องบุกรุกป่า นายสีหนาท ต้องหาสถานที่เลี้ยงใหม่ แต่สิทธิ์การครอบครองจระเข้ทั้งหมดยังเป็นของผู้ขออนุญาตตามกฎหมาย.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบศพโบลท์หญิงวัย 47 ในป่าหญ้าริมทาง คาดถูกฆ่าชิงรถ

โบลท์หญิงวัย 47 ปี หายตัวจากบ้านพักย่านดินแดง 9 วัน ล่าสุดพบเป็นศพในป่าหญ้าริมถนนสายนครชัยศรี-ห้วยพลู อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ส่วนรถยนต์โผล่ที่ จ.ภูเก็ต คาดถูกคนร้ายฆ่าชิงรถ

pagers on display

ทำไมยังมีการใช้ “เพจเจอร์” ในยุคสมาร์ทโฟน

ลอนดอน 19 ก.ย.- เพจเจอร์ หรือวิทยุติดตามตัวเป็นอุปกรณ์การสื่อสารยอดนิยมในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1990 ที่ต้องหลีกทางให้แก่โทรศัพท์เคลื่อนที่ เนื่องจากเป็นการสื่อสารทางเดียว แต่ยังคงมีการใช้งานในบางกลุ่ม รวมถึงกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ที่เพจเจอร์ระเบิดพร้อมกันหลายพันเครื่องทั่วเลบานอนเมื่อวันที่ 17 กันยายน แหล่งข่าวเผยว่า ฮิซบอลเลาะห์ใช้เพจเจอร์ เนื่องจากเป็นช่องทางสื่อสารเทคโนโลยีต่ำ ส่งข้อความผ่านสัญญาณวิทยุ จึงตรวจจับสัญญาณและตำแหน่งได้ยากกว่าโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ส่งสัญญาณไปยังเสาส่งที่อยู่ใกล้ที่สุด อีกทั้งไม่มีเทคโนโลยีระบุพิกัดบนพื้นโลกอย่างจีพีเอสด้วย อดีตเจ้าหน้าที่สำนักงานสอบสวนกลางหรือเอฟบีไอ (FBI) ของสหรัฐเผยว่า ในอดีตแก๊งอาชญากรรมโดยเฉพาะแก๊งค้ายาเสพติดในสหรัฐเคยนิยมใช้เพจเจอร์ แต่ขณะนี้หันมาใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่แบบเติมเงินราคาถูกที่สามารถเปลี่ยนเครื่องและหมายเลขได้อย่างง่ายดาย ทำให้เจ้าหน้าที่ติดตามแกะรอยได้ยาก อย่างไรก็ดี  ศัลยแพทย์โรงพยาบาลใหญ่แห่งหนึ่งในสหราชอาณาจักรเผยว่า เพจเจอร์เป็นอุปกรณ์ที่แพทย์และพยาบาลสังกัดสำนักงานบริการสุขภาพแห่งชาติหรือเอ็นเอชเอส (NHS) ต้องพกติดตัวอยู่เสมอ เพื่อรับแจ้งข่าวในการปฏิบัติหน้าที่ เป็นช่องทางที่ถูกที่สุดและมีประสิทธิภาพมากที่สุดในการแจ้งข่าวทางเดียวกับคนจำนวนมาก เพจเจอร์หลายรุ่นสามารถส่งเสียงไซเรนและมีข้อความเสียงแจ้งให้ทีมแพทย์ไปรวมตัวที่ห้องฉุกเฉินได้ทันที ข้อมูลล่าสุดในปี 2562 ระบุว่า เอ็นเอชเอสใช้เพจเจอร์ประมาณ 130,000 เครื่อง คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 1 ใน 10 ของที่ใช้ทั่วโลก คอกนิทีฟมาร์เก็ตรีเสิร์ช  (Cognitive Market Research) ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยคาดการณ์ว่า ตลาดเพจเจอร์จะเติบโตร้อยละ 5.9 ต่อปี จากปี 2566 ถึงปี 2573 […]

ข่าวแนะนำ

“อนุทิน” ลุยเชียงใหม่ร่วมบิ๊กคลีนนิ่ง ฟื้นฟูหลังน้ำลด

“อนุทิน” ลงพื้นที่เชียงใหม่ ร่วมทีม จนท.-กู้ภัย-อาสาสมัคร “บิ๊กคลีนนิ่ง” ฟื้นฟูเมืองหลังน้ำลด เร่งจ่ายเยียวยาผู้ประสบภัย