กรุงเทพฯ 15 ก.ย. – นักวิเคราะห์ประเมินราคาทองยังแกว่งตัวขึ้น จากปัญหาขัดแย้งภูมิรัฐศาสตร์ คาดเฟดลดดอกเบี้ย ประเมินสิ้นปีแตะ 4,000 ดอลลาร์สหรัฐต่ออนซ์
นายพิชัย เลิศสุพงศ์กิจ กรรมการผู้จัดการสายธุรกิจหลักทรัพย์ บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ กล่าวว่า ราคาทองยังอยู่ในช่วงซิกแซกทิศทางขาขึ้น จากแนวโน้มการคาดการณ์ทิศทางดอกเบี้ยขาลง โดยในขณะนี้ตลาดฯ คาดการณ์การประชุมธนาคารกลาง (เฟด) สัปดาห์นี้ จะปรับลดดอกเบี้ยอย่างน้อย 0.25% บางส่วนคาดอาจลงถึง 0.50% และมองว่าอย่างน้อยถึงสิ้นปีนี้มีโอกาสที่จะลดดอกเบี้ยลง 3 ครั้ง ในส่วนของไทยมีความชัดเจนว่าอัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มปรับลดลง แต่อาจลดลงได้น้อยและช้ากว่าสหรัฐฯ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญกดดันให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังมีปัญหาขัดแย้งภูมิรัฐศาสตร์, ธนาคาชาติต่าง ๆ ทั่วโลกถือครองทองคำมากขึ้น ก็ประเมินว่าราคาทองคำจะแกว่งขาขึ้นแตะ 3,700 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ในเร็ว ๆ นี้ และคาดกันว่าในอีก 6 เดือนข้างหน้าราคาทองอาจจะแตะระดับกว่า 4,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ส่วนเงินบาทแข็งค่าขึ้น ช่วงนี้ก็มีผลทำให้ราคาทองคำในไทยไม่ได้สูงขึ้นมากนักเมื่อเทียบกับในอดีต นอกจากนี้เงินบาทที่แข็งค่าก็ส่งผลลบกับธุรกิจส่งออก แต่ก็ส่งผลบวกให้กับธุรกิจที่มีการกู้เงินต่างประเทศเป็นจำนวนมาก เช่น โรงไฟฟ้า ในขณะที่ทิศทางดอกเบี้ยขาลงก็จะเกิดประโยชน์กับกลุ่มค้าปลีก และอสังหาฯ โดยคาดว่าผลบวกจากดอกเบี้ยขาลง และการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ตลาดฯ ได้ตอบสนองต่อข่าวดีเหล่านี้ไปแล้วพอสมควร ทำให้คาดว่าในช่วงนี้ ดัชนี SET ยังไม่ทะลุแนวต้าน 1,300 จุด แต่หากทะลุก็จะเกิด 1,300 จุด ไปไม่มาก และมีแนวรับที่ 1,290 / 1,280 จุด โดยตลาดฯ อยู่ในช่วงรอรัฐบาลแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ก็จะส่งผลบวกต่อตลาดหุ้นไทยในระยะต่อไป

สมาคมค้าทองคำรายงาน ราคาทองวันนี้ (15 ก.ย.) เปิดตลาดราคาทอง ราคาทองปรับขึ้น 50 บาท ขายออกที่บาทละ 54,700 บาท โดยทองคำแท่ง ขายออกที่ 54,700 บาท ทองรูปพรรณ ขายออก 55,500 บาท ขณะที่ราคาทองคำตลาดโลก (Gold Spot) อยู่ที่ 3,637.50 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ ค่าเงินบาท 31.78 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ตาม ในช่วงครึ่งวัน จนถึงเวลา 12.12 น. ราคาทองคำปรับขึ้นลง 6 ครั้ง ขึ้นรวม 200 บาท และลดลงรวม 100 บาท ราคาทองคำแท่งขายออก 54,750 บาท ทองรูปพรรณ ขายออก 55,550 บาท
นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด กล่าวว่า แรงหนุนสำคัญของราคาทองคำมาจากคาดว่าสัปดาห์นี้จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด ซึ่งกระแสที่คาดว่าจะลดถึง 0.50% ส่งผลให้ราคาทองคำงปรับตัวสูงขึ้นมาได้อย่างต่อเนื่อง แต่จากเงินบาทแข็งค่าขึ้น ก็ทำให้ราคาทองไทยไม่ได้สูงมากเมื่อเทียบกับทองโลก โดยมองว่าระดับไว้ที่ 55,000-56,000 บาท ถือเป็นแนวต้านที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง
ส่วนกรณีคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน หรือ กกร. ตั้งข้อสังเกตสาเหตุค่าเงินบาทแข็งค่าเร็ว สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากความผิดปกติเรื่องของการส่งออกทองคำนั้น ในขณะที่กรมศุลกากร ระบุธุรกรรมการส่งออกปกติ ด้านกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่าการส่งออกทองคำไปยังประเทศกัมพูชามีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี โดยปี 2564 มูลค่า 8,627 ล้านบาท ปี 2565 มูลค่า 55,781 ล้านบาท ปี 2566 มูลค่า 12,562 ล้านบาท ปี 2567 มูลค่า 105,982 ล้านบาท ขณะที่ช่วง 7 เดือนแรกปี 2568 (ม.ค.- ก.ค.) มูลค่า 71,312 ล้านบาท
สำหรับตลาดส่งออกทองคําสําคัญของไทย ได้แก่ สวิตเซอร์แลนด์ สิงคโปร์ ฮ่องกง ลาว อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น อินเดีย สหรัฐอเมริกา จีน และกัมพูชา 7 เดือนแรกปี 68 (ม.ค.- ก.ค.) ไทยส่งออกทองคำไปตลาดประเทศต่าง ๆ 10 อันดับแรก ประกอบด้วย สวิตเซอร์แลนด์ 108,145 ล้านบาท, กัมพูชา 71,312 ล้านบาท, สิงคโปร์ 34,826 ล้านบาท, ฮ่องกง 10,005 ล้านบาท, สปป.ลาว 8,031 ล้านบาท, สหรัฐ 6,628 ล้านบาท, อินโดนีเซีย 5,725 ล้านบาท, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 4,411 ล้านบาท, ญี่ปุ่น 1,629 ล้านบาท และอินเดีย 1,495 ล้านบาท. -511- สำนักข่าวไทย