พรรคอนาคตใหม่ 27 ม.ค.-พรรคอนาคตใหม่ให้กำลังใจกรมควบคุมโรค ชมยึดหลักวิชาการ-ป้อง “ไวรัสโคโรน่า” แนะ ประชาชนวิธีล้างมือ สวมหน้ากาก N 95 หากเข้าแหล่งชุมชน กังวลกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนผ่านเข้าด่านพรหมแดน
นพ.วาโย อัศวรุ่งเรือง รองโฆษกพรรคอนาคตใหม่ และ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ กล่าวว่า จากการติดตามสถานการณ์ไวรัสโคโรนา เห็นว่าการรับมือของเจ้าหน้าที่รัฐ คือ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ในระดับเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการนั้นทำได้ดี ถูกต้องตามหลักวิชาการขององค์การอนามัยโลก (WHO) และยังมีการทำงานร่วมกันกับสถาบันการศึกษาด้วย เช่น คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล แต่ติดปัญหาเรื่องการให้ข่าวของฝ่ายบริหารที่ไม่ตรงกับการปฏิบัติ ทำให้เจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติทำงานลำบาก เช่น กรณีที่เป็นข่าวการใช้เครื่องเทอร์โมสแกนนั้น ความจริงแล้วยังใช้อยู่ ดังที่อธิบดีกรมควบคุมโรคต้องมาตั้งโต๊ะแถลงข่าว ซึ่งเรื่องนี้ต้องให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกคน ให้ยึดหลักทางวิชาการในการป้องกันการแพร่ระบาดอย่างเคร่งครัด
นพ.วาโย กล่าวอีกว่า สำหรับคำแนะนำประชาชนรับมือต่อการแพร่ระบาดนั้น เรื่องพื้นฐาน คือ กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ โดยเน้นเรื่องล้างมือเป็นสำคัญ รวมถึงหลีกเลี่ยงการเข้าที่ชุมชน แต่หากจำเป็นต้องใส่หน้ากากอนามัย ชนิด N 95 เพราะหน้ากากอนามัยธรรมดาโดยหลักการนั้นกันออกไม่ใช่กันเข้า คือ ผู้ที่ป่วยมีอาการระบบทางเดินหายใจ จะต้องใส่หน้ากากอนามัย ต้องกระตุ้นจิตสำนึกของการรับผิดชอบต่อสังคมในเรื่องนี้ เพื่อไม่ให้มีการแพร่เชื้อต่อ ทั้งนี้แหล่งแพร่เชื้อที่สำคัญในชุมชนจากการสัมผัส เช่น ราวบันได โดยเฉพาะราวบันไดเลื่อน และปุ่มกดลิฟต์ ดังนั้นการล้างมือบ่อย ๆ จึงเป็นเรื่องที่สำคัญ
ด้าน นพ.เอกภพ เพียรพิเศษ รองโฆษกพรรคอนาคตใหม่ และ ส.ส.จังหวัดเชียงราย กล่าวว่า สิ่งที่น่ากังวล คือ ช่วงก่อนที่จะมีการเฝ้าระวังและควบคุมอย่างเข้มงวด ตั้งแต่ต้นเดือนมกราคม ก่อนการเฝ้าระวัง พบว่ามีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้ามาในเมืองไทยแล้วกว่า 20,000 คน นอกจากนี้ยังมีเข้ามาทางพรมแดนทางบก เช่น ด่านท่าขี้เหล็ก หรือ ด่าน อ.เชียงของ จ.เชียงราย โดยส่วนใหญ่ของนักท่องเที่ยวทางนี้จะเป็นชาวจีนจากเมืองฉงชิ่ง ซึ่งเป็นบ้านใกล้เคียงกับเมืองอู่ฮั่น ดังนั้น เรื่องนี้ต้องเฝ้าระวังด้วย เพราะต้องไม่ลืมว่าไวรัสนี้มีระยะพักตัว 2-14 วัน อาจมีคนที่เดินทางเข้ามาขณะยังไม่มีอาการ และมาออกโรค มีอาการในช่วงที่มาอยู่ในประเทศไทยแล้วและอาจแพร่โรคให้ผู้อื่นได้ ซึ่งผู้ป่วย 1 คนสามารถส่งโรคแพร่ได้ 2-3 คน ขณะที่บางรายที่เป็น super spreader อาจแพร่ระบาดได้ถึง 14 คน ซึ่งเราไม่รู้เลยว่าใครจะแพร่ระบาดได้แบบไหน
“สิ่งที่ต้องฝากไว้ในเบื้องต้น คือ การดูแลตัวเอง โดยเฉพาะการล้างมือบ่อย ๆ ซึ่งอาจจะช่วยป้องกันได้ ขณะที่คนที่ไม่สบาย ให้สังเกตตัวเอง ซึ่งอาการของโรคจะคล้ายกับไข้หวัดทั่วไป คือ มีไข้ ไอ ปวดเมื่อย ซึ่งในไข้หวัดทั่วไปนั้นประมาณ 1 สัปดาห์ก็อาจจะหายได้ แต่กรณีไวรัสโคโรน่านั้น จะมีอาการแย่ โดยจะหายใจเหนื่อยหอบตั้งแต่ประมาณวันที่ 8 เป็นต้นไป หรือสำหรับผู้ที่ไม่ค่อยแข็งแรงก็อาจจะเร็วกว่านั้นได้ ทั้งนี้ ไม่ได้ต้องการให้ตื่นตระหนก แต่เป็นการให้ข้อมูลสำหรับดูแลตัวเอง รวมถึงไม่ทิ้งกลุ่มคนที่มามีอาการโรคในประเทศ และผู้ที่ใกล้ชิดคนกลุ่มนี้ที่อยู่ในประเทศอยู่แล้ว ซึ่งอาจได้รับเชื้อด้วย” นพ.เอกภพ กล่าว.-สำนักข่าวไทย