“สมศักดิ์” แจงสร้างศูนย์แพทย์แผนไทยที่คีรีมาส ไร้ผลประโยชน์

รัฐสภา 30 พ.ค.-“สมศักดิ์” แจงสร้างศูนย์แพทย์แผนไทยที่คีรีมาส สุโขทัย ไร้ผลประโยชน์โยงเอี่ยว “สาธารณสุข” เล็งรับนักศึกษาแพทย์จาก ม.เอกชน-ต่างประเทศ แก้โรงพยาบาลรัฐขาดแคลนหมอ ยอมรับอาจทำให้นักศึกษาแพทย์โรงพยาบาลรัฐตกงาน

การประชุมสภาผู้แทนราษฎรสมัยวิสามัญ ที่มีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 เป็นประธานการประชุม วาระพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 เป็นวันที่สาม นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ชี้แจงถึงงบประมาณของกระทรวงสาธารณสุขว่า ส่วนที่มีคำถามว่าศูนย์อาคารสาธารณสุขเกี่ยวกับการแพทย์แผนไทย ที่จะตั้งที่จ.สุโขทัย และมีการตั้งงบประมาณไว้ 140 ล้านบาทนั้น จริงๆ มีการตั้งงบประมาณไว้ 50 ล้านบาท แต่อีก 90 ล้านบาทเป็นงบประมาณผูกพันไว้สำหรับศูนย์อื่นๆ ที่สร้างไปแล้ว


นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ส่วนที่ต้องไปตั้งที่ อ.คีรีมาส จ.สุโขทัย เพราะ อ.คีรีมาส เป็นเขาสมุนไพรตั้งแต่สมัยพ่อขุนรามคำแหงมหาราช และการที่บอกมีการตั้งรางวัลจำนวน 60 ล้านบาทนั้น ก็ไม่ใช่การตั้งรางวัลแต่เป็นการประชาสัมพันธ์กับแต่ละโรงพยาบาลที่ให้เลิกใช้ยาฝรั่ง แต่ให้มาใช้ยาแผนไทย

นายสมศักดิ์ กล่าวด้วยว่า สำหรับกรณีที่เพื่อนสมาชิกตั้งคำถามถึงการเชื่อมต่อระบบบริการสุขภาพดิจิทัลหรือ Thailand health Atlas ใช้ได้หรือไม่ ทำไมจึงไม่มีในเล่มงบประมาณขาวคาดแดงนั้น ขอเรียนว่า เรามีและมีการตั้งงบประมาณไว้ 17.55 ล้านบาท อยู่ในเล่มที่ 11 หน้า 70 บรรทัดที่ 4 อยู่ในโครงการใหญ่ Health data hub


นายสมศักดิ์ ยังกล่าวอีกว่า ตนรู้สึกประทับใจที่สมาชิกส่วนใหญ่ชื่นชมการจัดสรรงบประมาณของกระทรวงสาธารณสุขมากกว่าตำหนิ เพราะตนพยายามตั้งใจทำงานอย่างสุดความสามารถโดยเฉพาะนโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ โดยในปี 2569 กระทรวงสาธารณสุข มีวงเงินงบประมาณ 372,662.11 ล้านบาท ประกอบด้วย 10 กรม วงเงิน 175,286 ล้านบาท 6 หน่วยงานในกำกับ 2,352 ล้านบาท กองทุน 195,022 ล้านบาท ซึ่งแบบออกเป็นวงเงินตามนโยบาย 242,477 ล้านบาท แยกเป็น 8 ส่วน คือ 1.โครงการพระราชดำริ 1,303 ล้านบาท 2. ยกระดับ 30 บาทรักษาทุกที่ 160,241 ล้านบาท 3.สุขภาพจิตและบำบัดยาเสพติด 1,140 ล้านบาท 4.คนไทยห่างไกลโรคและภัยสุขภาพ 37,792 ล้านบาท 5.สนับสนุนการดำเนินงาน อสม. 30,418 ล้านบาท 6.กลุ่มเปราะบางและพื้นที่พิเศษ 7,606 ล้านบาท 7.เพิ่มศักยภาพเศรษฐกิจสุขภาพ 335 ล้านบาท 8.บริการจัดการทรัพยากรสาธารณสุข 3,638 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีวงเงินอื่นๆ จำนวน 130,184 ล้านบาท สำหรับการดำเนินงานตามภารกิจพื้นที่ประจำ

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า มีคนวิพากษ์วิจารณ์กองทุน 30 บาทรักษาทุกที่ มีโอกาสล้มละลายภายใน 3 ปี ตนอยากบอกว่าหากปล่อยปะละเลยโดยเฉพาะบางอย่างที่มองเห็นแล้ว มันอาจจะเป็นอย่างที่ถูกวิจารณ์ แต่ตนเห็นว่าปัญหาอื่นเป็นเรื่องเล็ก ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดคือโรค NCD เพราะจากการตรวจสอบข้อมูลของหลักประกันสุขภาพสำหรับการใช้สิทธิ 30 บาทรักษาทุกที่ กรณีผู้ป่วยนอก ปี 2567 พบว่า มีผู้ป่วยโรคนี้เข้ารับการรักษา 220 ล้านครั้ง โดยเป็นผู้ป่วย NCD 167 ล้านครั้ง หรือ 76% ถ้าเราแก้ไขปัญหานี้ได้ ปัญหาอื่นเป็นเรื่องเล็กนิดเดียว เพราะงบประมาณสูง โดยในปี 2560 ใช้งบประมาณ 62,138 ล้านบาท หรือ 48 % ของงบประมาณภาพรวมนโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ และปี2567 ใช้งบประมาณ 79,537 ล้านบาท หรือ 52 % ของงบประมาณภาพรวม เฉพาะหากจัดการเรื่องนี้ได้งบประมาณกองทุนจะเหลือเฟือ ซึ่งหากจัดการกับโรคเบาหวาน และการฟอกไต จะลดงบประมาณไปได้ 44,000 ล้านบาท จะช่วยลดความแออัดในโรงพยาบาล และช่วยให้แพทย์มีเพียงพอ จึงต้องทำให้ อสม.มั่นคง ซึ่งตนมั่นใจว่ามาตรการนับคาร์บ ภายใน 2 ปี คนป่วย NCD เข้าโรงพยาบาลจะน้อยลง แต่คนที่ป่วยอยู่แล้วคงรักษาแบบประคับประคอง

ส่วนที่มีการตั้งงบประมาณ โครงการนับคาร์บ 1,200 ล้านบาท นั้นมีกิจกรรมจำนวนมาก เช่น การส่งเสริมความรู้ประชาชน อบรมปรับเปลี่ยนพฤติกรรม อบรมเสริมศักยภาพ อสม. และหาเครื่องสนับสนุนการทำงานของ อสม. เช่น เครื่องวัดความดัน เครื่องเจาะน้ำตาล ระบบเก็บข้อมูล


พร้อมกันนี้นายสมศักดิ์ ยังกล่าวถึงการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแพทย์ว่า พื้นที่ที่ขาดแคลนแพทย์ ได้ถูกประกาศเป็นพื้นที่พิเศษ ทั้งจังหวัดบึงกาฬ แม่ฮ่องสอน และตาก บางพื้นที่ เพื่อเพิ่มค่าตอบแทนพิเศษ ขั้นต่ำตั้งแต่ 10,000 บาทขึ้นไป พร้อมทั้งรับนักศึกษาแพทย์จากมหาวิทยาลัยเอกชนและจบจากมหาวิทยาลัยจากต่างประเทศที่แพทยสภายอมรับได้ จึงอยากไปถึงแพทย์ทั่วประเทศว่าหากเริ่มรับแล้วจะต้องรับไปเรื่อยๆ ซึ่งจะทำให้แพทย์จากมหาวิทยาลัยรัฐต้องเสียสิทธิ์ แต่เพื่อแก้ปัญหาจึงจำเป็นต้องประกาศพื้นที่พิเศษ

นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ขณะที่กรณีที่มีการเอ่ยชื่อบุคคลที่นามสกุลเดียวกับตน เป็นหลานชายตนนั้น พ่อเขาเป็นลูกพี่ลูกน้องกับตน เขาชื่อมหาคุณ เทพสุทิน เป็นเจ้าของร้านตำหรับไทย ขอเรียนว่าเขาไม่มีธุรกิจ ธุรกรรมอะไรกับกระทรวงสาธารณสุขเลย แม้แต่บาทเดียวก็ไม่ได้ทำธุรกิจกับกระทรวงสธารณสุข แต่คอยช่วยตนตั้งแต่สมัยที่มีโควิดเข้ามา เขาแนะนำตนในเรื่องฟ้าทะลายโจร เดี๋ยวฟ้าทะลายโจรจะขึ้นราคา หากเราไม่มีฟาวิพิราเวียร์ก็ให้สต็อกฟ้าทะลายโจร

“อย่าไปคิดเลยว่ามหาคุณจะได้ประโยชน์จากกระทรวงสาธารณสุข เขาเป็นร้านตำหรับไทย เปิดร้านมาแล้ว 20 กว่าปี ปัจจุบันมี 80 กว่าสาขาทั่วประเทศ ทำธุรกิจตั้งแต่อายุ 19 ปี อยู่ม.6 เคยฝึกงานอยู่บู๊ท 4 เดือนก่อนที่เจ้าของเขาจะขายให้มหาคุณในราคา 7 หมื่น แต่ตอนนี้เขาอายุ 40 กว่าปี มีธุรกิจตำหรับไทย 80 กว่าสาขา” นายสมศักดิ์ กล่าว

จากนั้น นพ.วาโย อัศวรุ่งเรือง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) ใช้สิทธิ์ซักถามว่า โครงการ NCD ที่เป็นโครงการใหม่ของท่าน ทำให้งบประมารไปจมอยู่ตรงนั้นเยอะ มีงบ 1,200 ล้านบาทนั้น จะนำไปอบรมทั้งหมดหรืออย่างไร ขอให้ช่วยชี้แจง

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ความจริง 1,200 ล้านบาทนั้นไม่พอ โครงการโรค NCD แค่ 2 โรค 4.4 หมื่นล้านบาท และมีทำให้มีโรคอื่นๆ ตามมาอีก ย้ำว่าในจำนวน 1,200 ล้านบาทนั้นไม่เพียงพอ เพราะยังมีเรื่องของเครื่องมือต่างๆ และการบันทึกข้อมูลด้วย ทั้งนี้ WHO ยังไม่สามารถดำเนินการได้ มีเพียงประเทศไทยที่สามารถดำเนินการได้ อย่างไรก็ตาม ต้องขอโทษด้วยที่ไม่ได้มาฟัง นพ.วาโย อภิปราย เพราะมีงานที่เซ็นทรัลพระราม 2 ซึ่งจะมาตอบคำถามอีกครั้งในวันที่ 31 พฤษภาคม หรืออาจจะขอส่งเป็นเอกสารให้ นพ.วาโย หากต้องการ.-316.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ตร.เร่งขยายผลปมอธิการบดี ม.ดัง ถูกหลอกลงทุนเทรดหุ้น

สน.บางซื่อ 12 ก.ย. – อธิการบดีมหาวิทยาลัยชื่อดัง กลายเป็นเหยื่อมิจฉาชีพออนไลน์ ถูกหลอกลงทุนเทรดหุ้น สูญเงินกว่า 38 ล้านบาท ตำรวจนครบาลเร่งสอบสวน อายัดเงินทันกว่า 3 ล้านบาท ขยายผลโยงบัญชีม้ากว่า 20 บัญชี จากกรณีอธิการบดีมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ถูกเครือข่ายมิจฉาชีพหลอกลงทุน เสียหายกว่า 38 ล้านบาท พล.ต.ต.พัลลภ แอร่มหล้า รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล รักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 และ พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล เดินทางมาร่วมสอบปากคำผู้เสียหายด้วยตัวเอง ที่สถานีตำรวจนครบาลบางซื่อ ช่วงเที่ยงที่ผ่านมา พล.ต.ต.พัลลภ เปิดเผยว่า จากกรณีดังกล่าว พนักงานธนาคารได้ตรวจพบความผิดปกติการถอนเงินจากบัญชีผู้เสียหาย แล้วโอนเงินไปยังบัญชีอื่น 3 บัญชี ซึ่งเป็นบัญชีนิติบุคคล หรือบริษัท เป็นจำนวนเงินกว่า 1 ล้าน 9 แสนบาท จึงได้อายัดไว้ก่อนและติดต่อจากศูนย์ปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติตรวจสอบไปยังผู้เสียหาย ก่อนทราบว่าผู้เสียหายได้เอาเงินไปลงทุนเทรดหุ้น พร้อมให้ผู้เสียหายตรวจสอบว่า เงินที่โอนไปลงทุนนั้นสามารถถอนออกจากบัญชีในระบบบริษัทได้หรือไม่ ปรากฏว่าผู้เสียหายไม่สามารถถอนเงินได้ เจ้าหน้าที่จึงแน่ใจว่าถูกเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์หลอกลวง […]

“เฉลิมชัย” ไขก๊อกหัวหน้าพรรค ปชป. แบบไม่บอกกล่าว

พรรคประชาธิปัตย์ 12 ก.ย.-“เฉลิมชัย” ไขก๊อกจากหัวหน้าพรรค ปชป. แบบไม่บอกกล่าว ด้าน “ชัยชนะ” ยันไม่มีขัดแย้ง ในพรรครักกันดี ไม่มีแพแตก นายชัยชนะ เดชเดโช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ยื่นหนังสือลาออกจากหัวหน้าพรรค ประชาธิปัตย์ว่า ตนก็เพิ่งทราบข่าว โดยไม่ได้มีการบอกกล่าวล่วงหน้ามาก่อน แต่ยืนยันว่าในพรรคไม่ได้มีปัญหาขัดแย้งอะไร รักกันดี ทุกคนแต่การตัดสินใจลาออกครั้งนี้เป็นอย่างไรต้องไปถามนายเฉลิมชัยเอง แต่ยืนยันว่า หัวหน้าพรรคกรรมการบริหารพรรค ทุกคนมีความรักใคร่กันดี และตนเชื่อว่านายเฉลิมชัยก็เป็นคนหนึ่งที่รักพรรคประชาธิปัตย์ และทำงานให้กับพรรคมาโดยตลอด ซึ่งตนก็รู้สึกเสียดายและใจหายซึ่งที่ผ่านมานายเฉลิมชัย ก็ไม่ได้ส่งสัญญาณหรือบอกอะไร สำหรับขั้นตอนหลังจากนี้ จะดำเนินการอย่างไรนั้น นายชัยชนะกล่าวว่า ก็ต้องดำเนินการตามข้อบังคับพรรคและตามกฎหมาย โดยต้องเรียกประชุมวิสามัญ เพื่อนเลือก หัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคใหม่เมื่อถามว่าบทบาทของพรรคประชาธิปัตย์หลังจากนี้จะเป็นอย่างไรนั้น นายชัยชนะกล่าวว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคประชาธิปัตย์ก็ต้องทำหน้าที่กันต่อไป ส่วนกรรมการบริหารพรรคก็มาเลือกคัดสรรกันใหม่ และหลังจากนี้ต้องรอดูว่าใครจะเข้ามาบริหารพรรค และกำหนดนโยบายทิศทางพรรคอย่างไร แต่ตนก็เป็นสมาชิกพรรคคนหนึ่งที่ยังยืนหยัด อยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อถามว่าการที่นายเฉลิมชัย ลาออกตอนนี้ เป็นสัญญาณอะไรหรือไม่เนื่องจาก มีไทม์ไลน์ จะยุบสภา ภายใน สี่ เดือน จะไปสังกัดพรรคอื่นหรือไม่ ได้ชัยชนะกล่าวว่าอย่ามองเช่นนั้น เพราะตนเชื่อว่านายเฉลิมชัย […]

“รมต.สุชาติ​” ตั้งสอบ​เจ้าอาวาสวัดโสธรฯ​ ปม​ทรัพย์สิน-​สีกา

ทำเนียบ 12 ก.ย.- “รมต.สุชาติ​” ตั้งคณะกรรมการสอบ​เจ้าอาวาสวัดโสธรฯ​ ปม​ทรัพย์สิน​-​สีกา​ หลังถูกร้องสะพัดว่อนโซเชียล​ คาด​ไม่เกิน​ 1 สัปดาห์รู้ผล​ ย้ำให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย นายสุชาติ​ ตันเจริญ​ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเปิดเผยว่า​ มีข้อร้องเรียน ถึงพฤติกรรมของเจ้าอาวาส วัดโสธรวรารามวรวิหาร เกี่ยวกับการประพฤติปฏิบัติไม่ถูกต้อง เข้าข่ายกระทำความผิดพระธรรมวินัย อีกทั้งยังมีข้อมูลเผยแพร่ทางสื่อออนไลน์ ซึ่งถือเป็นเรื่องใหญ่ โดยการร้องเรียนเป็นเรื่องทรัพย์สินและเรื่องสีกา ซึ่งเจ้าอาวาสวัดโสธรฯ เป็นเจ้าคณะจังหวัด และเป็นพระสังฆาธิการด้วย ดังนั้นจึงต้องให้ความเป็นธรรม ทั้งกับผู้ร้องและประชาชน รวมถึงตัวเจ้าอาวาสด้วย เพราะหากไม่เป็นความจริงจะทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง ตนจึงได้มอบหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทราเป็นประธาน​ ตั้งคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบหาข้อเท็จจริงให้ปรากฏ​ โดยมีเจ้าหน้าที่ระดับสูง​ รวมถึงสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด ​ และให้ผู้ตรวจของสำนักนายกรัฐมนตรีเข้าไปเป็นคณะกรรมการด้วย เพราะไม่ทราบว่าในโลกออนไลน์พูดเพื่อความสนุกสนานหรือไม่ แต่ยอมรับว่าตนก็ได้ยินเรื่องนี้มานาน มีเค้าโครง​ ยืนยันว่า จะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และให้ผู้ร้องสบายใจ​ แต่หากเจ้าอาวาสทำผิดก็ต้องแบบว่าไปตามระเบียบกฎหมาย และต้องแจ้งให้สำนักงานพระพุทธศาสนาดำเนินการต่อไป เมื่อถามว่าวางกรอบระยะเวลาการตรวจสอบไว้เท่าใด นายสุชาติ​ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้วาง แต่คาดว่าไม่น่าจะเกิน 1 สัปดาห์ เพราะจังหวัดฉะเชิงเทราเป็นพื้นที่ของตน ถ้าไม่ทำก็ไม่ได้ และตนก็เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ประชาชนเลือกมาเป็นผู้แทน […]

นายกฯ โต้ข่าวเปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา เชื่อปชช.เข้าใจ

เมืองทองธานี 12 ก.ย.- นายกฯ โต้ข่าว เปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา บอก ขอเป็นรัฐบาลอย่างเป็นทางการก่อน ชี้ ขั้นตอนยังมีอีกเยอะ เชื่อประชาชนเข้าใจ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสความชัดเจนในการเปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า ทำไมข่าวออกไปอย่างนั้นก็ไม่รู้ ไปบิดเบือน เท่าที่ตนดู พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ก็ยังไม่ได้พูดอะไรชัดเจนขนาดนั้น ต้องคำนึงถึงประชาชนคนไทยเป็นหลักก่อนอยู่แล้ว เมื่อถามถึง กระแสการต่อต้านการเปิดด่าน นายกรัฐมนตรีระบุ ขอให้ตนเข้าไปรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการก่อน ตอนนี้เรายังไม่สามารถให้นโยบายอะไรได้ และการกระทำต่างๆ ยังถือว่าอยู่ภายใต้รัฐบาลปัจจุบันอยู่ ยังไม่ใช่รัฐบาลของตน เมื่อถามต่อว่า ท่าทีของ พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาค 2 และ พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ที่คัดค้านการเปิดด่าน เพราะอาจจะเป็นการส่งเสริมบ่อนการพนันและสแกมเมอร์ นายอนุทิน กล่าวว่า เท่าที่ตนทราบไม่ได้อยู่ดี ๆ จะไปเปิดด่านได้เลย เพราะต้องมีการบรรลุข้อตกลงอะไรอีกเยอะแยะ เมื่อปฏิบัติ ซึ่งต้องรอคณะรัฐบาลของตนเข้าปฏิบัติที่อย่างเป็นทางการก่อน ตอนนี้ตนยังไม่สามารถไปสั่งการหรือให้นโยบายอะไรได้ เมื่อถามว่า […]

ข่าวแนะนำ

จับตาเวทีหารือปราบสแกมเมอร์

15 ก.ย. – พรุ่งนี้ (16 ก.ย.) ต้องเกาะติดการประชุมความร่วมมือไทย-กัมพูชา วางแนวทางปราบอาชญากรรมทางเทคโนโลยีและสแกมเมอร์ ที่ จ.สระแก้ว ต่อยอดการประชุม GBC ที่เกาะกง เมื่อ 10 ก.ย.ที่ผ่านมา.-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 ยืนยันปิดด่านชายแดนกัมพูชาเป็นหนึ่งในยุทธวิธี

เชียงใหม่ 15 ก.ย. – แม่ทัพภาค 2 บรรยายพิเศษที่เชียงใหม่ ปลุกพลังรักชาติของคนไทย ยืนยันปิดด่านชายแดนกัมพูชาเป็นหนึ่งในยุทธวิธี พร้อมให้ข้อมูลแนวหน้าและคำแนะนำกับรัฐบาล ช่วงบ่ายวันนี้ (15 ก.ย.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 พร้อม พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ร่วมบรรยายพิเศษ บอกเล่า “เรื่องจริงจากชายแดน” ที่หอประชุมทีปังกรรัศมีโชติ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ ศูนย์แม่ริม อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ มีนักเรียน นักศึกษา ประชาชนชาวเชียงใหม่ และนักศึกษาวิชาทหาร กว่า 2,000 คน รอให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น โดยแม่ทัพภาคที่ 2 ได้พูดคุยกับคุณยายที่มารอต้อนรับ พร้อมสวมกอดคุณยายอย่างเป็นกันเอง และยังมอบลายเซ็นลงบนรูปถ่ายของตนที่คุณยายเตรียมมาด้วย พล.ท.บุญสิน ได้กล่าวสดุดีเหล่าทหารกล้าที่เสียสละเพื่อแผ่นดินไทย แสดงความเสียใจต่อประชาชนผู้สูญเสีย พร้อมประณามการกระทำของทหารกัมพูชาที่โจมตีเข้ามาด้วยอาวุธหนักโดยไม่เลือกเป้าหมาย พร้อมเน้นย้ำกับน้องๆ เยาวชนคนรุ่นใหม่ที่มาร่วมฟังบรรยายในวันนี้ว่าขอให้ยึดมั่นใน 3 สถาบันหลักของชาติ มีความรักชาติหวงแหนในผืนแผนดินไทย จงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ และช่วยกันทำนุบำรุงศาสนา ร่วมแรงร่วมใจสามัคคีกันเป็นพลังให้ประเทศไทยก้าวผ่านหลากหลายความท้าทายในสถานการณ์ปัจจุบันไปให้ได้ ส่วนการเปิดด่านชายแดน […]

ธปท.ย้ำเร่งปลดล็อกบัญชีผู้บริสุทธิ์ ทำให้ร้านค้ามั่นใจ

กรุงเทพฯ 15 ก.ย. – ธปท. ย้ำทุกหน่วยงานร่วมกำหนดเงื่อนไขปลดล็อกบัญชีไม่มีเอี่ยวบัญชีม้า สิ้นเดือน ก.ย.นี้ เพื่อให้ร้านค้ามั่นใจรับโอนเงินซื้อสินค้า นางสาวดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบชำระเงินฯ ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากปัญหาชาวบ้านถูกระงับธุรกรรมและระงับวงเงิน แต่ไม่ได้ระงับเงินในบัญชีในช่วงเดือนกันยายน 68 ตรวจพบบัญชีต้องสงสัยเฉลี่ย 10,000 บัญชี/สัปดาห์ ยอมรับว่าการคุมเข้มในช่วงที่ผ่านมา เพื่อต้องการกวาดเอาเส้นทางบัญชีที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ ทั้งโอนเงินผ่าน e-money และคริบโตฯ ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับผลกระทบในบางส่วน ในการทำธุรกรรมทางการเงิน ธปท. จึงเร่งหารือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกำหนดเงื่อนไขร่วมกันให้เสร็จภายในสิ้นเดือน ก.ย.นี้ “ธปท., ธนาคาร, ตำรวจ ศปอท. พร้อมปลดล็อกให้กับผู้บริสุทธิ์ มุ่งเน้นบัญชีจำนวนไม่มาก เช่นวงเงิน 100-500 บาท หรือร้านค้า ที่มีการซื้อของมาประกอบอาหารหรือสินค้าในร้านเป็นประจำในยอดที่ไม่สูงมากนัก กลุ่มเหล่านี้จะเร่งตรวจสอบ เพื่อแจ้งข้อมูลให้ลูกค้าบัญชีรับทราบ พร้อมทำอย่างรวดเร็ว และมุ่งทำความเข้าใจกับร้านค้า ให้เกิดความเชื่อมั่น และรับเงินโอนจากลูกค้า เพราะที่ผ่านมายอดปฏิเสธรับโอนเงินไม่สูงมากนัก หากตรวจสอบเสร็จแล้วคาดว่าใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง ถึง 1 […]

“อนุทิน” ย้ำนำรายชื่อ ครม.ทูลเกล้าฯ ภายในสัปดาห์นี้

สภาอุตสาหกรรมฯ 15 ก.ย.-“อนุทิน” ย้ำนำรายชื่อ ครม.ทูลเกล้าฯ ภายในสัปดาห์นี้ ปัดตอบใครขาดคุณสมบัติบ้าง แต่ยืนยันนิ่งและครบแล้ว เผยหลังถวายสัตย์ฯ พร้อมแถลงนโยบายต่อสภาทันที เพื่อเดินหน้าทำงานโดยเร็ว นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าในการเตรียมร่างคำแถลงนโยบายต่อรัฐสภา จำเป็นจะต้องเชิญพรรคร่วมรัฐบาลหารือด้วยหรือไม่ ว่า ตอนนี้ได้มีการยกร่างคำแถลงขึ้นมาแล้ว และได้ส่งเนื้อหาในส่วนของกระทรวงที่แต่ละคนรับผิดชอบ ให้พรรคร่วมรัฐบาลพิจารณา เพื่อนำไปสู่การแก้ไขเพิ่มเติม หรือตัดอะไรที่อาจจะเป็นอุปสรรคต่อการทำงานของรัฐมนตรีที่กำกับดูแลกระทรวงนั้นๆ เพื่อให้เกิดความมั่นใจกับเขามากที่สุด จะได้เข้ามาทำงานได้ ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า สไตล์คนละพรรคแต่พวกเดียวกันใช่หรือไม่ นายอนุทิน หัวเราะ แต่ไม่ได้ตอบคำถาม เมื่อถามถึงความคืบหน้าในการตรวจสอบประวัติของคณะรัฐมนตรี ขณะนี้เลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้รายงานกลับมาแล้วใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ใกล้แล้ว เรียกได้ว่ารายชื่อ 100% แล้ว เหลือเพียงการตรวจสอบประวัติ ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ต้องปฏิบัติก่อนนำรายชื่อคณะรัฐมนตรีขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย โดยยืนยันว่าจะต้องนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายภายในสัปดาห์นี้ ส่วนขั้นตอนการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา นายอนุทิน กล่าวว่า เมื่อนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายแล้วก็สุดแล้วแต่ท่าน แต่ทันทีที่โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมลงมาก็จะต้องรอการเข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณ จากนั้นก็จะเร่งแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ถึงจะสามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ ซึ่งขณะนี้ได้เตรียมร่างแถลงนโยบายต่อสภาไว้แล้ว ทันทีเมื่อพร้อมก็สามารถให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรนัดหมายวันประชุมได้ทันที ขณะเดียวกัน นายอนุทิน ยังยืนยันด้วยว่า ขณะนี้รายชื่อคณะรัฐมนตรีครบและนิ่งแล้ว ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า […]