คมนาคมตรวจโครงการของบปี 64 วงเงิน 5.14 แสนล้าน

กรุงเทพฯ 3 ม.ค. – คมนาคมลุยถกหน่วยงานเสนอคำของบปี 64 แล้ว ที่วงเงิน 5.14 แสนล้าน ด้าน รฟท. ขอมากสุด 9.09 หมื่นล้าน เพิ่มขึ้น 570% จากงบปี 63 ที่ได้รับ พร้อมเข็นรถไฟสายสีแดงส่วนต่อขยายเส้นทางรถไฟสายใหม่ จ่อสรุป 14 .. 63 ก่อนเสนอ ครม. 21 ..นี้


นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยภายหลังการประชุมคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2564 ของหน่วยงานในสังกัดฯ 8 ส่วนราชการ 6 รัฐวิสาหกิจว่า สำหรับวงเงินคำของบประมาณประจำปี 2564 เบื้องต้นอยู่ที่วงเงิน 514,535.16 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากคำขอปี 2563 วงเงิน 68,591.68 ล้านบาทหรือ 15.38% โดยในวงเงินดังกล่าว ประกอบด้วย งบประจำ 124,105.10 ล้านบาท และงบลงทุน 390,430.06 ล้านบาท แบ่งเป็นทางบก 340,283.25 ล้านบาท (66.13%) ทางราง 141,121.49 ล้านบาท (27.43%) ทางน้ำ 18,859.90 ล้านบาท (3.67%) ทางน้ำ 12,597.60 ล้านบาท (2.45%) และด้านนโยบาย 1,672.92 ล้านบาท (0.33%)


สำหรับหน่วยงานที่เสนอคำของบประมาณปี 2564 มากที่สุด คือ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ที่เสนอขอจำนวนเงินทั้งสิ้น 90,955.18 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงบประมาณปี 2563 ที่ได้รับอยู่ที่ 13,574.90 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 77,380.29 ล้านบาท คิดเป็น 570.02% โดยวงเงินที่เพิ่มขึ้นดังกล่าวนั้น สืบเนื่องจากมีโครงการชำระหนี้เงินกู้ในโครงการต่างๆ วงเงิน 37,369.82 ล้านบาท


สำหรับแผนการดำเนินการโครงการสำคัญ เช่น โครงการระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดงเข้ม ช่วงรังสิตมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต, โครงการระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดงอ่อน ช่วงบางซื่อพญาไทมักกะสันหัวหมาก และสายสีแดงเข้ม ช่วงบางซื่อหัวลำโพง, โครงการก่อสร้างทางรถไฟสายบ้านไผ่มหาสารคามร้อยเอ็ดมุกดาหารนครพนม, โครงการก่อสร้างทางรถไฟ สายเด่นชัยเชียงรายเชียงของ เป็นต้น

นอกจากนี้ ได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานไปดำเนินการปรับปรุงรายละเอียดอีกครั้ง เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงคมนาคม และยุทธศาสตร์ชาติ รวมถึงแผนพัฒนาพื้นที่ให้ตรงความต้องการที่แท้จริงของพื้นที่ และเกิดประโยชน์สูงสุด ขณะที่ โครงการขนาดใหญ่ที่มีวงเงินเกิน 1,000 ล้านบาทนั้น ให้นำแผนการดำเนินการ 6 มิติมาประกอบการพิจารณา เพื่อไม่ให้เกิดปัญหา และส่งผลกระทบต่อประชาชน รวมถึงเกิดความล่าช้าขึ้นในอนาคต อีกทั้ง ให้พิจารณาความพร้อมของแต่ละโครงการ พร้อมทั้งจัดทำแผนปฏิบัติการ (Action Plan) มาบริหารโครงการ เพื่อให้การเบิกจ่ายงบประมาณเป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ จากนั้นจะสรุปคำของบประมาณดังกล่าวในวันที่ 14 .. 2563 ก่อนเสนอไปยังสำนักงบประมาณ และคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 21 ..นี้

นายศักดิ์สยาม กล่าวต่ออีกว่า ได้มอบหมายให้ทุกหน่วยงานพิจารณาแผนด้านบุคลากร ให้สอดคล้องกับที่หน่วยงานได้นำเทคโนโลยีมาใช้ในการดำเนินงานด้านต่างๆ เพื่อช่วยประหยัดงบประมาณรายจ่ายประจำปี รวมถึงการจัดสรรงบประมาณด้านการประชาสัมพันธ์ให้สอดคล้องและเพียงพอกับโครงการสำคัญต่างๆ สร้างการรับรู้ให้ประชาชนได้รับทราบข้อมูลที่ครบถ้วน ถูกต้อง ทั้งก่อนดำเนินการ ระหว่างดำเนินการ และหลังดำเนินการโครงการ ขณะเดียวกัน มอบหมายให้กรมทางหลวง (ทล.) และกรมทางหลวงชนบท (ทช.) ไปแก้ปัญหาการจราจรติดขัดบริเวณคอขวด ทั้งในส่วนของถนน และสะพาน พร้อมทั้งการพิจารณาโครงการของ ทล. และ ทช. ให้เชื่อมต่อกับการคมนาคมทางน้ำ และทางราง

นายศักดิ์สยาม กล่าวอีกว่า ในส่วนของกรมท่าอากาศยาน (ทย.) ได้มีโครงการปรับปรุงท่าอากาศยานเร่งด่วน ได้แก่ งานก่อสร้างเสริมความแข็งแรงทางวิ่ง ก่อสร้างทางขับขนาน พร้อมระบบไฟฟ้าสนามบิน ท่าอากาศยานสุราษฏร์ธานี งบประมาณ 800 ล้านบาท เพื่อที่จะรองรับอากาศยานขึ้นลงได้จาก 10 ลำ เป็น 20 ลำต่อชั่วโมง, โครงการพัฒนาท่าอากาศยานบุรีรัมย์ งานก่อสร้างต่อเติมความยาวทางวิ่ง ทางขับ และลานจอดเครื่องบินใหม่ พร้อมระบบไฟฟ้าสนามบิน งบประมาณ 900 ล้านบาท สำหรับการขยายความยาวทางวิ่งจาก 2,100 เป็น 2,990 เมตร อาคารคลังสินค้า (คาร์โก้) ลานจอดอากาศยานขนสินค้า และลานจอดรถบรรทุกขนสินค้า

นอกจากนี้ โครงการพัฒนาท่าอากาศยานนครศรีธรรมราช ก่อสร้างขยายความยาวทางวิ่ง งบประมาณ 1,200 ล้านบาท เป็นการขยายทางวิ่ง จาก 2,100 เมตร เป็น 2,500 เมตร, โครงการพัฒนาท่าอากาศยานตรัง ก่อสร้างขยายความยาวทางวิ่งและอุโมงค์รถไฟลอดใต้ทางวิ่ง งบประมาณ 1,800 ล้านบาท ขยายทางวิ่งจาก 2,100 เมตร เป็น 2,990 เมตร,โครงการพัฒนาท่าอากาศยานขอนแก่น งานขยายลานจอดเครื่องบิน งบประมาณ 500 ล้านบาท เพื่อรองรับอากาศยานขนาด 150 ที่นั่งจาก 5 ลำ เป็น 11 ลำ, โครงการพัฒนาท่าอากาศยานเลย งานก่อสร้างที่พักอาคารผู้โดยสารหลังใหม่ พร้อมอาคารประกอบอื่นๆ งบประมาณ 955 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยรองรับผู้โดยสารได้ 3.4 ล้านคนต่อปี หรือ 1,200 คนต่อ ชม.

ทั้งนี้ ในส่วนของกรมเจ้าท่า (จท.) มีโครงการสำคัญ ได้แก่ โครงการก่อสร้างและจัดหาระบบตรวจการณ์ชายฝั่งอ่าวไทยตอนล่างและอันดามัน (VTS ระยะที่ 3) พื้นที่ชายฝั่งทะเลอ่าวไทยตอนล่าง และชายฝั่งทะเลอันดามัน โดยจะของบกลางปี 63 ประมาณ 881 ล้านบาท เพื่อกำกับดูแลความปลอดภัยในการเดินเรือ ป้องกันอุบัติเหตุทางทะเลตามพันธกิจของกรมเจ้าท่า ในการตรวจการณ์ชายฝั่ง ในน่านน้ำไทย ตามนโยบายรับบาล และเพื่อรองรับการตรวจจากองค์การทางทะเลระหว่างประเทศ (IMV) ที่จะเข้ามาตรวจในเดือน ..64 .- สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.พล.7 ของเขมร โดนกระสุนปืนใหญ่ยิงดับ บนช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ

26 ก.ค. – พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ จากการปะทะแย่งชิงพื้นที่ระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ตลอดวันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปะทะระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา บริเวณภูมะเขือ และช่องตาเฒ่า ตั้งแต่เช้ามืดวันนี้ ทหารไทยสามารถปกป้องพื้นที่ภูมะเขือ และกดดันทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ได้สำเร็จ ในขณะที่ทหารกัมพูชา พยายามกลับเข้ามาโจมตีกลับ เพื่อยึดภูมะเขือ ส่งผลให้มีทหารกัมพูชาเสียชีวิตหลายนาย หนึ่งในนั้นคือ พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ. – สำนักข่าวไทย

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

กริพเพน

ทอ. ส่ง F16 – กริพเพน ปฏิบัติการรอบ 2 ทิ้งบอมบ์พื้นที่ทางทหารเขมร

26 ก.ค. – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และกริพเพน 2 ลำ ออกปฏิบัติการรอบสอง โจมตียุทธบริเวณทำลายพื้นที่ทหารกัมพูชา บริเวณปราสาทตาควาย อ.พนมดง จ.สุรินทร์ ภารกิจลุล่วง และกับฐานปฏิบัติโดยปลอดภัย สำหรับพื้นที่บริเวนนี้ ทหารไทยกับทหารกัมพูชา ปะทะกันดุเดือด โดยทหารไทยพยายามทำลายพื้นที่กัมพูชาวางกำลังไว้หลายระลอก ในขณะที่กัมพูชาโต้กลับและระดมกำลังทหารมาเพิ่มเติม ส่งผลให้พื้นที่บริเวนนี้มีการปะทะดุเดือดตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.ถึงวันนี้. – สำนักข่าวไทย

เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ”

26 ก.ค.- เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ” ทหารไทยยึดอาวุธปืน-โดรน 11 รายการ พร้อมมือถือ 7 เครื่อง ใช้ถ่ายคลิปยั่วยุทหารไทย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า สำหรับปฏิบัติการ ของเจ้าที่ทหารกองทัพภาคที่ 2 บนภูมะเขือที่สามารถยึดกลับคืนมาได้ ทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 10 นาย พร้อมทั้งตรวจพบและสามารถยึดอาวุธ ยุทโธปกรณ์ จำนวน 11 รายการ ประกอบด้วย นอกจากนี้ยังพบโทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง ที่ทางทหารกัมพูชาชอบถ่ายในเวลาทำคลิปเมื่อเจอกับทหารไทยบริเวณแนวชายแดน -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

วันที่ 5 ชายแดนสุรินทร์ปะทะหนักแต่เช้ามืด

สุรินทร์ 28 ก.ค.-เข้าสู่วันที่ 5 ชายแดนสุรินทร์ กัมพูชาเปิดฉากปะทะหนักตั้งแต่เช้ามืด โดยเฉพาะโซนปราสาทตาควาย ด้านทีมข่าวลงพื้นที่ ต.บักได พบกระสุน BM-21 ตกจำนวนมาก บางหมู่บ้านเกิน 40 ลูก ขณะที่ศูนย์พักพิง ชาวบ้านยังมีปัญหาการหลับนอน และยังต้องการสิ่งของบริจาคจำนวนมาก ทีมข่าวลงพื้นที่ ตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ วันนี้ มีกระสุน BM 21 มาตกในพื้นที่เป็นจำนวนมาก บางหมู่บ้านเกินกว่า 40 ลูก แต่ยังไม่มีรายงานความเสียหายที่เกิดขึ้นกับตัวบ้าน แต่สถานการณ์การปะทะ ที่เข้าสู่วันที่ 5 ทำให้วัวตายไปหลายตัว ส่วนใหญ่ตกในพื้นที่ทางการเกษตร โดยวันนี้พบว่า มีการเปิดฉากยิงปะทะกันด้วยอาวุธหนักตั้งแต่ช่วงเวลาตี 3 และมีเสียงดังอย่างต่อเนื่องจนถึงขณะนี้ เว้นระยะบ้าง เสียงรัวถี่บ้าง สลับกันไป โดยเฉพาะช่วง 10 โมงครึ่งที่ผ่านมา มีการปะทะกันชุดใหญ่เกินครึ่งชั่วโมง ทำให้เครื่องบินรบ F 16 ต้องขึ้นบินถล่ม เมื่อ 11 โมงเศษที่ผ่านมา สองแนวหลักที่ยิงข้ามมาเป็นประจำคือ […]

“ภูมิธรรม” ยกทีมไปมาเลเซีย ย้ำกัมพูชาต้องจริงใจหยุดยิง

กทม. 28 ก.ค.-“ภูมิธรรม” ยกทีมไปมาเลเซีย คุย “ฮุน มาเนต” หยุดยิงเป็นเรื่องแรก และต้องแสดงให้เห็นว่าจริงใจ ยันไม่มีเรื่องแผนที่ 1 : 200,000 พร้อมยึดหลักอธิปไตยและทรัพย์สินของประชาชนเป็นที่ตั้ง และก่อนไปหารือกองทัพแล้ว นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะประกอบด้วย นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม นายแพทย์พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ออกเดินทางจากท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน. 6) ดอนเมือง กรุงเทพฯ ไปยังท่าอากาศยานนานาชาติกรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย เพื่อเข้าร่วมการประชุมหารือแนวทางสันติภาพในภูมิภาค ณ ทำเนียบนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย กรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย นายภูมิธรรม กล่าวว่าวันนี้จะพบกันในเวลาประมาณ 15.00 น. จะมีการคุยกับนายฮุนมาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ซึ่งเป็นการยกระดับการคุยในระดับผู้นำประเทศในระดับนายกรัฐมนตรี โดยมาเลเซียในฐานะประธานอาเซียนจะเป็นโฮส มีผู้เสนอตัวเข้ามาเป็นผู้สังเกตการณ์2 ประเทศคือสหรัฐอเมริกาและสาธารณรัฐประชาชนจีน […]

มทภ.2 ลั่น “ผมยังอยู่” หลังกัมพูชาปล่อยเฟกนิวส์

กทม. 28 ก.ค.-มทภ.2 ลั่น “ผมยังอยู่” หลังกัมพูชาปล่อยเฟกนิวส์ ทหารถือรูปภาพ ข้อความ RIP หวังทำลายขวัญกำลังใจ ยันจะต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ลูกน้อง ดูแลความปลอดภัยประชาชน ในการปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา เมื่อวันที่ 28 ก.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ระบุว่า ภายหลังกัมพูชามีการรายงานและเผยแพร่รูปทหารถือภาพของตนเอง พร้อมข้อความ RIP ว่า เป็นข่าวปลอม หวังทำลายขวัญกำลังใจทหารแนวหน้าและคนไทย ยืนยันว่า ปัจจุบันนี้ตนยังต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่เจ้าหน้าที่ทหารทุกคนในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อดูแลความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่ รวมถึงการปกป้องอธิปไตยของไทยต่อเนื่อง จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย และประชาชนมีความปลอดภัยอย่างแท้จริง พล.ท.บุญสิน ระบุต่อว่า ที่ผ่านมา ฝ่ายกัมพูชาพยายามบิดเบือนข้อมูล โดยการปล่อยข่าวเท็จ สร้างความสับสนในหมู่ของคนไทย ดังนั้น อยากให้ประชาชนติดตามข้อมูลข่าวสารจากหน่วยงานที่เชื่อถือได้.-313.-สำนักข่าวไทย

จ.แพร่ น้ำป่าทะลักเร่งอพยพชาวบ้านกลางดึก

แพร่ 28 ก.ค.-จ.แพร่ น้ำป่าไหลหลากในช่วงกลางดึก พื้นที่ ม.9 และ ม.1 ต.ไผ่โทน อ.ร้องกวาง เจ้าหน้าที่ต้องเร่งอพยพประชาชน แต่ในระหว่างอพยพ กระแสน้ำไหลเชี่ยว ทำให้ชาวบ้านที่กำลังข้ามน้ำถูกพัดออกไปติดอยู่อีกฝั่ง โชคดีชาวบ้านโยนเชือกช่วยเหลือไว้ได้ทัน ขณะน้ำเมื่อคืนไหลแรงมาก ชาวบ้านเก็บของไม่ทัน มีรถยนต์ ของใช้ที่ได้ถูกน้ำท่วมเสียหายเป็นจำนวนมาก แต่ยังไม่ได้รับรายงานผู้บาดเจ็บ หรือเสียชีวิต สำหรับฝนที่ตกลงมาใน จ.แพร่ โดยเฉพาะในพื้นที่ตำบลห้วยโรง และตำบลไผ่โทน เมื่อเวลา 20.00 น. มีปริมาณฝนสะสม 24 ชม. สูงสุด 130 มม. สำหรับแม่น้ำยมเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ที่บริเวณ Y20 สถานีวัดระดับน้ำบ้านห้วยสักวัดได้ 7.58 เมตร จากระดับตลิ่ง 9.00 ม. เมื่อตอนเวลา 22.00 น. หากฝนยังคงตกต่อเนื่องทำให้ปริมาณน้ำยมสูง อาจส่งผลให้น้ำท่วมระลอกที่ 2 ได้.-สำนักข่าวไทย