ทลายขบวนการสวมบัตรเถื่อน ฟอกตัวเป็นไทย

28 ก.ค. – ผบช.ก. แถลงผลปฏิบัติการ “ทลายขบวนการสวมบัตรเถื่อน ฟอกตัวเป็นไทย” ตรวจค้น 10 จุดทั่วประเทศ รวบ 9 ผู้ต้องหา ขบวนการสวมบัตรคนตายให้ต่างชาติ


พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง แถลงข่าวผลปฏิบัติการของกองบังคับการปราบปรามในปฏิบัติการ “ทลายขบวนการสวมบัตรเถื่อน ฟอกตัวเป็นไทย” ตรวจค้น 10 จุดทั่วประเทศ รวบ 9 ผู้ต้องหา ขบวนการสวมบัตรคนตายให้ต่างชาติ

โดยในคดีนี้สามารถจับกุมผู้ต้องหาที่สวมบัตรประชาชนจำนวน 2 ราย คือ 1. Mr.Kyar Htaw หรือนายจา ตอ สัญชาติเมียนมา อายุ 25 ปี โดยสวมบัตรประชาชนเป็นบุคคลอื่น จับกุมได้ที่บริเวณบ้านพัก ม.5 ต.บ้านเกาะ อ.เมืองอุตรดิตถ์ จ.อุตรดิตถ์ 2. นายเป่าฉั่น อายุ 25 ปี เป็นชาวเขาที่ไม่มีข้อมูลทางทะเบียน โดยสวมบัตรประชาชนเป็นบุคคลอื่น จับกุมได้ที่บ้านพัก ถ.เทพารักษ์ ต.บางปลา อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ


ทั้งสองคนเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาในความผิดฐานปลอมและใช้เอกสารราชการปลอม แจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จในเอกสารราชการ ซึ่งมีวัตถุประสงค์สำหรับใช้เป็นพยานหลักฐาน แจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงานและยื่นคำขอมีบัตรโดยมิได้มีสัญชาติไทย ด้วยการแสดงหลักฐานอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อความจริงต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ใช้หรือแสดงบัตรอันเกิดจากการกระทำความผิด รวมทั้งสามารถจับกุมผู้ต้องหาที่เป็นผู้รับรองข้อมูลตัวตนจำนวน 7 ราย คือ

  1. น.ส.เทอะซา อายุ 53 ปี จับกุมได้ที่บ้านพัก ม.8 ต.แม่สวด อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน
  2. น.ส.จันทร์จิรา อายุ 25 ปี จับกุมได้ที่บ้านพัก ม.8 ต.แม่สวด อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน
  3. นายพะเบอะ อายุ 51 ปี จับกุมได้ที่บ้านพัก ม.3 ต.แม่วะหลวง อ.ท่าสองยาง จ.ตาก
  4. นางสมพร อายุ 46 ปี จับกุมได้ที่บ้านพัก ม.3 ต.แม่วะหลวง อ.ท่าสองยาง จ.ตาก
  5. น.ส.เพ็ญพรรณ อายุ 50 ปี จับกุมได้ที่บ้านพัก ม.1 ต.สาคู อ.ถลาง จ.ภูเก็ต
  6. นางกชพร อายุ 51 ปี จับกุมได้ที่บ้านพัก ม.7 ต.หลักหก อ.เมืองปทุมธานี จ.ปทุมธานี
  7. น.ส.ณัฐฐนันท์ อายุ 49 ปี จับกุมได้ที่บ้านพัก ซ.นวมินทร์ 57 แยก 7-2 ถ.นวมินทร์ แขวงนวมินทร์ เขตบึงกุ่ม กรุงเทพมหานคร

ทั้งเจ็ดคนเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาในความผิดฐานแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จในเอกสารราชการ ซึ่งมีวัตถุประสงค์สำหรับใช้เป็นพยานหลักฐานฯ แจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงานและยื่นคำขอมีบัตรโดยมิได้มีสัญชาติไทย ด้วยการแสดงหลักฐานอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อความจริงต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ใช้หรือแสดงบัตรอันเกิดจากการกระทำความผิด”

โดยคดีสืบเนื่องจากเมื่อประมาณเดือน เมษายน 2568 ตำรวจกองบังคับการปราบปรามได้รับเรื่องร้องเรียนแจ้งว่า พบการโพสต์ข้อความพร้อมรูปภาพตัวอย่างบัตรประชาชนในแพลตฟอร์มโซเซียลมีเดียของประเทศจีน (เสี่ยวหงษ์ชู – XHS) ว่า รับบริการจัดทำบัตรประชาชนไทยได้


จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ป. จึงได้ทำการตรวจสอบข้อเท็จจริง จนสามารถระบุข้อมูลตัวตนและภาพใบหน้าบนตัวอย่างบัตรประชาชนที่ถูกโพสต์โฆษณาข้างต้นว่าคือ “นายสมบูรณ์ วรรณสารคีรี”

เมื่อสืบสวนเพิ่มเติมพบว่า ได้มีขบวนการสวมบัตรเถื่อน นำพา Mr.Kyar Htaw หรือนายจา ตอ สัญชาติเมียนมา มาทำบัตรประชาชน ณ เทศบาลแห่งหนึ่งย่านรังสิต โดยใช้พยานหลักฐานเอกสารเท็จประกอบการทำบัตร นอกจากนี้ยังมีการพากลุ่มบุคคลมาแสดงตัวเป็นเครือญาติและบุคคลใกล้ชิด เพื่อให้การรับรองอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงานฝ่ายทะเบียนของเทศบาลว่า Mr.Kyar Htaw หรือนายจา ตอ คือ “นายสมบูรณ์ วรรณสารคีรี” จนท้ายที่สุด ขบวนการดังกล่าวจึงได้บัตรประชาชนที่ระบุชื่อ “นายสมบูรณ์ วรรณสารคีรี”

ซึ่งในระหว่างทำการสืบสวน เจ้าหน้าที่ยังพบว่าขบวนการดังกล่าวได้พานายเป่าฉั่น บุคคลผู้ไม่มีสถานะทางทะเบียน มาสวมบัตรประชาชนเป็น “นายวีรพล จะลอ” โดยมีขั้นตอนลักษณะพฤติการณ์คล้ายกับกรณีข้างต้นอีกด้วย

ต่อมาเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ป. ได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลอาญาออกหมายจับผู้ต้องหาทั้งตัวการหรือผู้สวมบัตร จำนวน 2 รายและผู้ร่วมขบวนการสวมบัตรประชาชน จำนวน 10 ราย รวม 12 ราย พร้อมขออนุมัติศาลอาญาออกหมายค้นเพื่อทำการตรวจค้นสถานที่ที่เกี่ยวข้องจำนวน 10 จุด แบ่งเป็นพื้นที่กรุงเทพมหานคร 2 จุด จังหวัดปทุมธานี 2 จุด จังหวัดอุตรดิตถ์ 1 จุด จังหวัดแม่ฮ่องสอน 1 จุด จังหวัดตาก 1 จุด จังหวัดสมุทรปราการ 2 จุด และจังหวัดภูเก็ต 1 จุด

จากนั้นในวันที่ 23 กรกฎาคม เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม ได้นำกำลังเข้าทำการจับกุมผู้ต้องหาได้จำนวนทั้งสิ้น 9 รายตามรายนามข้างต้น ยังเหลือระหว่างติดตามจับกุม 3 ราย ซึ่งเป็นกลุ่มบุคคลที่มาให้การรับรอง พร้อมตรวจค้นสถานที่ตามหมายค้น โดยสามารถตรวจยึดพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องหลายรายการ จากนั้นนำตัวผู้ต้องหาและของกลางส่งพนักงานสอบสวน กก.2 บก.ป. ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ผู้ต้องหาบางส่วนให้การรับสารภาพ บางส่วนให้การปฏิเสธ

ด้าน พ.ต.ต.อดิศร อินทิยศ สารวัตร กก.2 บก.ป. อธิบายแผนประทุษกรรมของขบวนการสวมบัตรประชาชนว่า เมื่อกลุ่มขบวนการได้โพสต์โฆษณาชักชวนให้ทำบัตรประชาชนคนไทยผ่านโซเชียลมีเดียของจีน มีเป้าหมายเป็นลูกค้าชาวต่างชาติเช่นชาวเมียนมา ชาวเขา หรือชาวจีน

จากนั้นกลุ่มขบวนการจะไปหาครอบครัวชาวไทยที่เคยมีบุตรหรือแจ้งเกิดบุคคลที่เสียชีวิตไปแล้ว แต่ยังไม่ได้ดำเนินการแจ้งตาย ก่อนจะดำเนินการติดต่อว่าจ้างเพื่อนำชื่อและข้อมูลของคนตายไปสวมบัตรสมอ้างกับลูกค้า เมื่อติดต่อตกลงสำเร็จ ก็จะดำเนินการย้ายที่อยู่ของครอบครัวและผู้ตายไปอยู่ที่บ้านหลังหนึ่งที่ทางกลุ่มขบวนการได้ตระเตรียมเอาไว้สำหรับเป็นท้องที่ทำบัตรประชาชน

เมื่อเรียบร้อยแล้วก็จะดำเนินการพาลูกค้าไปสวมทำบัตรประชาชนในท้องที่นั้น โดยนำครอบครัวของผู้ตายมาสมอ้างและทำทีเป็นรับรองยืนยันว่าลูกค้าเป็นญาติจริง ๆ พร้อมกับนำเอกสารหลักฐานเท็จจากครอบครัวคนตายมายื่นกับทางเจ้าหน้าที่ เพื่อนำไปสู่การทำบัตรประชาชนที่ข้อมูลทุกอย่างเป็นของคนตาย แต่ใบหน้าบัตรประชาชนจะเป็นของลูกค้าที่มาสวมบัตร เมื่อได้บัตรประชาชนเป็นที่เรียบร้อย ลูกค้าและครอบครัวผู้ตายที่นำมาสมอ้างถึงค่อยย้ายที่อยู่ออกจากบ้านที่ขบวนการให้มาอยู่แต่แรก โดยเป้าหมายของลูกค้าที่สวมบัตรประชาชนคนไทย เพื่อจะได้นำบัตรไปสมอ้างและใช้สิทธิ์ต่าง ๆ ของคนไทยได้ โดยขบวนการดังกล่าวจะได้ค่าจ้างครั้งละ 300,000 ถึง 1 ล้านบาท ก่อนจะนำมาแบ่งผลประโยชน์กัน ซึ่งกลุ่มครอบครัวที่นำชื่อคนตายมาสมออ้างและกลุ่มคนที่มาให้การรับรองจะได้ค่าจ้างคราวละ 80,000 ถึง 100,000 บาท

ขณะที่ พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวเสริมว่า ในคดีนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินการสืบสวนขยายผลต่อไปว่า มีผู้ร่วมขบวนการรายอื่นอีกหรือไม่ โดยเฉพาะคนจีนที่ให้การสนับสนุนด้านการเงินและทำการตลาดให้ รวมทั้งจากไล่ตรวจสอบไปถึงตัวการใหญ่สุดซึ่งเชื่อว่าน่าจะเป็นคนไทย นอกจากนี้ก็จะขยายผลไปยังเจ้าหน้าที่รัฐ หากพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องก็จะดำเนินคดีทั้งหมด โดยเชื่อว่ายังมีลักษณะขบวนการสวมบัตรประชาชนขบวนการอื่น ๆ อีกมาก ซึ่งก็จะดำเนินการไล่ตรวจสอบและขยายผลจับกุมดำเนินคดีเช่นเดียวกัน เพราะคาดว่าอาจจะมีขบวนการสวมบัตรประชาชนเพื่อนำไปประกอบธุรกิจสีเทาด้วย

ทั้งนี้ ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ขอประชาสัมพันธ์ไปยังพี่น้องประชาชน หากพบบุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่เข้าข่ายหรือมีพฤติกรรมต้องสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับขบวนการสวมบัตรประชาชนไทยสามารถแจ้งเข้ามาได้ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางหรือสถานีตำรวจใกล้เคียง เพื่อทำการตรวจสอบและขยายผลจับกุมต่อไป รวมทั้งทางตำรวจสอบสวนกลางพร้อมที่จะเป็นที่ปรึกษาให้กับทางกระทรวงมหาดไทยในเรื่องของการวางแนวทางป้องกันขบวนการสวมบัตรประชาชนต่อไป.-414-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รวบแล้ว! โจรบุกเดี่ยวชิงทอง 163 บาท กลางห้างย่านบางบ่อ

สมุทรปราการ 20 ส.ค. – หนีไม่รอด รวบโจรสวมชุดไรเดอร์ บุกเดี่ยวชิงทองกลางห้างดัง จ.สมุทรปราการ กวาดทอง 163 บาท พบของกลางบางส่วนซุกตู้ลำโพงในบ้าน จากกรณีคนร้ายแต่งตัวคล้ายไรเดอร์ สวมหมวกกันน็อกเต็มใบ สะพายกระเป๋าข้าง บุกเข้าไปในร้านทอง พร้อมใช้อาวุธปืนข่มขู่พนักงาน ก่อนกระโดดข้ามตู้หน้าร้าน กวาดสร้อยคอและสร้อยข้อมือทองคำ น้ำหนักรวม 163 บาท เป็นทองคำรูปพรรณประเภทสร้อยข้อมือ หนัก 5 บาท ประมาณ 5 เส้น น้ำหนัก 25 บาท, น้ำหนัก 3 บาท ประมาณ 30 เส้น น้ำหนักรวม 90 บาท, หนัก 2 บาท ประมาณ 24 เส้น น้ำหนักรวม 48 บาท (รวมสร้อยข้อมือ 79 เส้น) ก่อนวิ่งขึ้นรถ จยย.ที่จอดอยู่ด้านหน้า […]

หลักฐานชัด! ทหารกัมพูชาลอบวางทุ่น PMN-2 ภูมะเขือ

19 ส.ค.- กองทัพเรือพบหลักฐานสำคัญ ยืนยันทหารกัมพูชาลักลอบใช้ทุ่นระเบิด PMN-2 บริเวณภูมะเขือ เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2568 ชุดเก็บกู้กวาดล้างที่ 1 หน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมกองทัพเรือ (นปท.ทร.) ซึ่งสนับสนุนการปฏิบัติงานเก็บกู้และกวาดล้างทุ่นระเบิดในพื้นที่ภูมะเขือ จังหวัดศรีสะเกษ ร้อย ร.132 พัน.13 (ฐานเหนือเมฆ) ตรวจพบโทรศัพท์มือถือของทหารกัมพูชาที่ทิ้งไว้ในพื้นที่ดังกล่าว เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจสอบภายในเครื่อง พบคลิปวิดีโอและภาพถ่ายที่แสดงให้เห็นชัดเจนว่า ทหารกัมพูชากำลังถือทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 พร้อมทั้งมีการบันทึกเสียงเป็นภาษาเขมร คาดว่าเป็นการสาธิตวิธีการใช้งาน ก่อนนำไปลักลอบฝังในพื้นที่ชายแดนไทย หลักฐานจากโทรศัพท์ยังระบุวันเวลาที่ถ่ายภาพและวิดีโอไว้อย่างชัดเจน จึงนับเป็นพยานหลักฐานสำคัญที่ยืนยันพฤติกรรมการละเมิดข้อตกลง และการใช้ทุ่นระเบิด ซึ่งขัดต่ออนุสัญญาระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ นปท.ทร. ได้แสดงถึงความรอบคอบและไหวพริบในการตรวจสอบหลักฐานทันที ก่อนส่งมอบให้หน่วยกองทัพบกในพื้นที่ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป. – สำนักข่าวไทย

“ทศพล” รุดมอบมาลัย “ภูมิธรรม” หลัง ครม.ชงนั่งผู้ว่าฯ เชียงใหม่

กองบินตำรวจ 20 ส.ค.-“ภูมิธรรม” เตรียมแถลงจับยาเสพติดลอตใหญ่ “ทศพล” รุดมอบมาลัย หลัง ครม.ชงนั่งผู้ว่าฯ เชียงใหม่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเวลา 8.00 น. ที่กองบินตำรวจ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เดินทางมาขึ้นเครื่อง เพื่อไปแถลงข่าวจับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติดล็อตใหญ่ ที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีนายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย พลตํารวจโท ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร อธิบดีกรมการปกครอง นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ เลขานุการ รมว.มหาดไทย ร่วมเดินทางด้วย ทั้งนี้เมื่อนายภูมิธรรมเดินทางมาถึง นายทศพล เผื่อนอุดม ผู้ตรวจราชการ กระทรวงมหาดไทย ที่ ครม. มีมติเมื่อ 19 ส.ค. แต่งตั้งให้ไปดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้นำพวงมาลัยมามอบให้นายภูมิธรรมและปลัดกระทรวงมหาดไทย และร่วมเดินทางกับคณะด้วย โดยมีสีหน้ายิ้มแย้ม อย่างไรก็ตามก่อนเดินทางเลขาธิการ ป.ป.ส. ได้รายงานสถานการณ์ยาเสพติดให้นายภูมิธรรมรับทราบ.-319.-สำนักข่าวไทย

มท.ชง ครม.แต่งตั้งโยกย้ายบิ๊กลอต 25 ตำแหน่ง

กทม.19ส.ค.-มท.ชง ครม.แต่งตั้งโยกย้ายบิ๊กลอต 25 ตำแหน่ง ผู้ว่าฯ หนองบัวลำพู ผงาดขึ้นอธิบดี พช. โยก “สยาม” นั่งพ่อเมืองปากน้ำ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำแหน่งบริหารระดับสูงให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 25 ตำแหน่ง อาทิ นายสยาม ศิริมงคล อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน เป็นผู้ว่าฯ สมุทรปราการ นายจุมพฎ วรรณฉัตรสิริ ผู้ว่าฯ บึงกาฬ เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายชูชีพ พงษ์ไชย ผู้ว่าฯ ตาก เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายสุรศักดิ์ อักษรกุล ผู้ว่าฯ หนองบัวลำภู เป็นอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน นายนริศ นิรามัยวงศ์ ผู้ว่าฯ สมุทรสาคร เป็นผู้ว่าฯ ชลบุรี นายทศพล เผื่อนอุดม ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้ว่าฯ เชียงใหม่ ว่าที่พันตรี อดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ ผู้ว่าฯ […]

ข่าวแนะนำ

ประชุม RBC ระดับเลขาฯ ไม่ยกเลิก หลังมีข่าวส่อแววล่ม

สระแก้ว 21 ส.ค.- ไม่ล่ม! การประชุม RBC ระดับเลขานุการ ยังไม่ยกเลิก กระบวนการหารือยังคงดำเนินต่อไป แม้ก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวส่อล่ม เนื่องจากฝ่ายกัมพูชายังไม่เดินทางมาเข้าร่วม ภายหลังการประชุม คณะกรรมการร่วมชายแดนในพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 ถูกเลื่อนออกไปเป็นวันที่ 27 สิงหาคม 2568 หลายฝ่ายจับตาไปที่การประชุมของกองทัพภาคที่ 1 ซึ่งจะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ (22 ส.ค.) แต่ปรากฏว่าวันนี้ เมื่อถึงเวลาประชุม RBC ระดับเลขานุการ ทางฝ่ายกัมพูชายังไม่ได้เดินทางมา บรรยากาศที่สโมสรนายทหาร มณฑลทหารบกที่ 19 จ.สระแก้ว การประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาคไทย – กัมพูชา (RBC) สมัยวิสามัญ ซึ่งตามกำหนดในเวลา 14.00 น. จะมีการประชุม กองทัพภาคที่ 1 นำโดย พลตรี สุรวิชญ์ แดงจันทร์ เสนาธิการกองทัพภาคที่ 1 เป็นประธานคณะทำงาน ฝ่ายไทย ขณะกัมพูชา นำโดย พลโท ซอ […]

ล่า 18 วัน รวบแล้วมือยิง “กำนันเล้น”

ตรัง 21 ส.ค.- เหตุการณ์คนร้ายใช้อาวุธสงครามเอ็ม 16 ยิงถล่มกำนันตำบลนาวง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง เสียชีวิตคารถ เมื่อวันที่ 3 ส.ค.ที่ผ่านมา ล่าสุดวันนี้ตำรวจรวบตัวคนร้ายได้แล้ว หลังหนีกบดานนานถึง 18 วัน พร้อมเตรียมสอบสวนหามูลเหตุจูงใจ ติดตามจากรายงาน -สำนักข่าวไทย

เสริมเขี้ยวเล็บ! ทัพเรือรับมอบปืนใหญ่ ระยะยิง 40 กม.

ชลบุรี 21 ส.ค.- กองทัพเรือเสริมเขี้ยวเล็บ! รับมอบปืนใหญ่ 155 มิลลิเมตร แบบอัตตาจร ระยะยิง 40 กม. เพิ่มขีดความสามารถในการป้องกันและรักษาอำนาจอธิปไตยของประเทศ วันนี้ 21 ส.ค.68 ที่หน้ากองบัญชาการ หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ค่ายกรมหลวงชุมพร กองทัพเรือ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี พลเรือเอก ณัฏฐพล เดี่ยววานิช ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ (ผู้แทนผู้บัญชาการทหารเรือ) รับมอบปืนใหญ่ ขนาด 155 มิลลิเมตร แบบอัตราจรล้อยาง จากศูนย์อำนวยการสร้างอาวุธ ศูนย์อุตสหกรรมป้องกันประเทศและพลังงานทหาร จำนวน 6 กระบอก โดยมี พลเรือโท ธาดาวุธ ทัดพิทักษ์กุล รองเสนาธิการทหารเรือและประธานกรรมการบริหารโครงการจัดหาปืนใหญ่ฯ นายทหารชั้นผู้ใหญ่ ตลอดจนข้าราชการ กำลังพล เข้าร่วมในพิธี  การดำเนินโครงการจัดหาปืนใหญ่ ขนาด 155 มิลลิเมตร แบบอัตตาจร ล้อยาง (ATMG) นับเป็นการดำเนินการเพื่อสนับสนุนการเสริมสร้างกำลังรบหลักของ ทร. เพื่อให้ […]

แผ่นดินไหวนอกชายฝั่งเมียนมา เกิดจากรอยเลื่อนสะกาย ย้ำ กทม.ไม่กระทบโครงสร้าง

กรุงเทพฯ 21 ส.ค. – กรมทรัพยากรธรณี เผยเหตุแผ่นดินไหว ขนาด 5.4 ความลึก 10 กม. เกิดจากการเคลื่อนตัวแนวระนาบของรอยเลื่อนสะกาย บริเวณนอกชายฝั่งตอนใต้ของเมียนมา ห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณ 500 กม. ด้านสมาคมวิศวกรโครงสร้างฯ เตือนอย่าตื่นตระหนก คนกรุงบนตึกสูงรู้สึกสั่น แต่ไม่กระทบโครงสร้าง กรมทรัพยากรธรณีชี้แจงกรณีแผ่นดินไหวขนาด 5.4 ความลึก 10 กิโลเมตร เมื่อเวลา 09.58 น. ตามเวลาประเทศไทย บริเวณนอกชายฝั่งตอนใต้ของสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ซึ่งห่างจากกรุงเทพมหานครประมาณ 500 กิโลเมตร การตรวจสอบพบว่าแผ่นดินไหวครั้งนี้ เกิดจากการเคลื่อนตัวของ “รอยเลื่อนสะกาย” แนวระนาบเหลื่อมขวา (right-lateral strike-slip fault) ซึ่งมีอัตราการเคลื่อนที่เฉลี่ยปีละ 2 เซนติเมตร รอยเลื่อนนี้เคยสร้างแผ่นดินไหวใหญ่หลายครั้ง อาทิ ปี 2473 ขนาด 7.3 มีผู้เสียชีวิตกว่า 500 คน และเมื่อ 28 […]