กรุงเทพฯ 24 มิ.ย. – “คมนาคม” ได้รับจัดสรรบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจ วงเงิน 4.87 หมื่น ลบ. รุกอัดฉีดเข้า 6 หน่วย เร่งดำเนินการภายใน ก.ย.นี้ มั่นใจประชาชนได้ใช้ประโยชน์-เศรษฐกิจไทยฟื้นชัดเจน
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ตามที่การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา ได้มีมติเห็นชอบ อนุมัติแผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายใต้กรอบวงเงิน 157,000 ล้านบาท และให้กระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของหน่วยงานต่างๆ รวมทั้งข้อสังเกตของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป โดยล่าสุด ผลการพิจารณาคำขอรับจัดสรรบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจ วงเงิน 157,000 ล้านบาท ที่ผ่านการพิจารณาตามหลักเกณฑ์การจัดสรรเพื่อการลงทุนกระตุ้นเศรษฐกิจและมีความสำคัญสูง มีโครงการที่ผ่านหลักเกณฑ์ วงเงินรวม 115,375 ล้านบาท
นายสุริยะ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้แบ่งเป็นของกระทรวงคมนาคม วงเงินรวม 48,757 ล้านบาท ได้แก่ กรมทางหลวง 32,188.33 ล้านบาท , บริษัท ขนส่ง จ้ากัด 14.8 ล้านบาท , กรมท่าอากาศยาน 765.9 ล้านบาท , องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ 42 ล้านบาท , การรถไฟแห่งประเทศไทย 1,020.8 ล้านบาท , กรมทางหลวงชนบท 14,725.09 ล้านบาท
โดยงบจัดสรรวงเงินดังกล่าวนั้น จะนำมากระจายเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ ส่งเสริมการจ้างงาน เพิ่มโอกาสในการประกอบอาชีพให้กับประชาชน พร้อมทั้งสนับสนุนการท่องเที่ยว เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทั้งนี้โครงการต่างๆ ที่ได้รับการจัดสรร จะเริ่มดำเนินการภายในเดือน กันยายน 2568 เพื่อให้ประชาชนได้ใช้ประโยชน์สูงสุดทุกโครงสร้างพื้นฐาน รวมไปจนถึงผลักดันภาพรวมเศรษฐกิจให้เติบโตได้อย่างมีเสถียรภาพทั้งในระยะสั้นและระยะยาว
นายสุริยะ กล่าวเสริมว่า ในส่วนของรายละเอียดการจัดสรรงบประมาณ แบ่งตามหน่วยงาน อาทิ ทล. จะดำเนินโครงการครอบคลุมการแก้ไขปัญหาการจราจรที่เป็นคอขวด เพิ่มความปลอดภัยในการเดินทาง ปรับปรุงถนนเชื่อมโยงเมืองรอง แหล่งท่องเที่ยว เป็นต้น ส่วน ทช. เน้นการเพิ่มความปลอดภัยในการเดินทางและขนส่ง การปรับปรุง-พัฒนาถนนเชื่อมโยงเมืองรอง แหล่งท่องเที่ยว และพื้นที่การผลิต เป็นต้น และ ทย. เสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณสำหรับโครงการปรับปรุงสนามบินให้ได้มาตรฐานความปลอดภัยและเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการ เป็นต้น ขณะที่ รฟท. จะดำเนินโครงการโดยมุ่งเน้นการเพิ่มความปลอดภัยในการเดินทางและขนส่ง และแก้ไขปัญหาจุดตัดระหว่างทางรถไฟกับถนนเสมอระดับ เป็นต้น รวมถึงบขส. ดำเนินโครงการด้านความปลอดภัย ส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรองด้วยรถโดยสารของ บขส. และปรับปรุงสถานีขนส่งผู้โดยสาร เป็นต้น และ ขสมก. ดำเนินโครงการแก้ไขปัญหาการจราจรในพื้นที่คอขวด เพิ่มความปลอดภัยในการเดินทาง เป็นต้น.-513-สำนักข่าวไทย