กรุงเทพฯ 2 ม.ค. – รมว.เกษตรฯ สั่งลุย 5 มาตรการเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันภาคการเกษตรให้ได้อีก 10% ลดต้นทุนการผลิต สร้างรายได้เพิ่ม แก้พิษเงินบาทแข็งค่า กระทบความเป็นอยู่เกษตรกร
นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ในปี 2563 ได้กำหนดนโยบายปรับเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้านสินค้าเกษตรและอาหารขึ้นอีก 10% จากการประเมินสถานการณ์ค่าเงินบาท พบว่ายังมีแนวโน้มแข็งค่าต่อเนื่องจากปี 2562 ส่งผลกระทบต่อการส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารปีละกว่า 1 ล้านล้านบาท แต่กำไรน้อยลง ซึ่งการแก้ปัญหาเงินบาทแข็งค่าทำได้ไม่ง่ายและต้องค่อยเป็นค่อยไป จึงต้องใช้กลยุทธ์อื่นคู่ขนานกัน ประกอบด้วย 5 มาตรการหลัก คือ การลดต้นทุนการผลิต การเพิ่มมูลค่าผลผลิต การพัฒนาการขนส่ง การพัฒนาเทคโนโลยีทางการเกษตร รวมถึงการหาตลาดและเพิ่มช่องทางการจำหน่าย ทั้งนี้ เพื่อให้การขับเคลื่อนของทุกหน่วยงานของกระทรวงเป็นไปในทิศทางเดียวกันจึงได้จัดตั้งศูนย์ข้อมูลเกษตรแห่งชาติ (NABC) เป็นฐานข้อมูลกลางของข่าวสารและองค์ความรู้ซึ่งทั้งเกษตรกรและภาคเอกชนสามารถเข้าถึง ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างกระทรวงเกษตรฯ กับหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องทั้งกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สถาบันการศึกษาต่าง ๆ เป็นต้น
สำหรับนโยบายที่สำคัญที่ดำเนินการต่อเนื่องจากรัฐบาลที่แล้ว คือ “การตลาดนำการผลิต” โดยผลิตสินค้าให้ตรงกับความต้องการของตลาดเพื่อแก้ปัญหาผลผลิตล้นตลาดและราคาตกต่ำ ส่งเสริมการรวมกลุ่มการผลิตเป็นรูปแบบแปลงใหญ่และใช้กลไกสหกรณ์เพื่อให้สามารถจัดหาปัจจัยการผลิตได้ในราคาต่ำลง เดินหน้าการทำปุ๋ยสั่งตัด ซึ่งจะต้องวิเคราะห์สภาพดินแต่ละพื้นที่แล้วใช้สูตรปุ๋ยที่เหมาะสมกับชนิดพืชและให้ในเวลาที่เหมาะสม การพัฒนาเมล็ดพันธุ์และต้นพันธุ์เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่จะช่วยเพิ่มมูลค่าผลผลิต โดยทำให้ผลผลิตต่อไร่สูงขึ้นและคุณภาพผลผลิตสูงขึ้น จากนั้นส่งเสริมการแปรรูปและพัฒนาผลิตภัณฑ์สินค้าเกษตร นอกจากนี้ ยังได้ตั้งคณะกรรมการพัฒนาโลจิสติกส์เกษตรเพื่ออำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้าเกษตรให้ถึงผู้รับซื้อ ผู้บริโภคโดยเร็ว โดยที่สินค้ายังมีความสดใหม่ พร้อมกันนี้ได้ตั้งศูนย์เทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรม ( AIC) ตั้งแต่เดือนมกราคม 2563 ให้ครบ 77 จังหวัดโดยเร็ว เพื่อให้เป็นแหล่งถ่ายทอดความรู้การทำการเกษตรสมัยใหม่ที่เป็นเกษตรประณีตและเกษตรแม่นยำสูง (Precision Farming) ที่สำคัญอีกประการ คือ หาตลาดใหม่ ๆ และเพิ่มช่องทางการจำหน่ายที่ทันสมัย โดยเฉพาะทางออนไลน์ซึ่งเป็นที่นิยมอย่างยิ่งในปัจจุบัน ทั้งหมดนี้เป็นการปฏิรูปโครงสร้างภาคเกษตรทั้งระบบ
นายเฉลิมชัย กล่าวต่อว่า ได้มอบหมายสำนักงานเศรษฐกิจทางการเกษตร (สศก.) คำนวณตามหลักเศรษฐศาสตร์จากทุกมาตรการที่กำหนดให้พบว่าสามารถเพิ่มศักยภาพทางการแข่งขันได้ 10% ซึ่งจะทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นและมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เป็นผลให้เศรษฐกิจชาติดีไปด้วย แก้ปัญหาผลตอบแทนจากการส่งออกที่ได้กำไรลดลงจากพิษเงินบาทแข็งค่าและความผันผวนของเศรษฐกิจโลก
“ศูนย์ข้อมูลเกษตรดิจิทัลนั้น ทุกคนสามารถเข้าถึงบนแพลตฟอร์มออนไลน์ ผ่านโทรศัพท์มือถือและคอมพิวเตอร์ ซึ่งกำชับให้ทั้ง 22 หน่วยงานของกระทรวงเกษตรฯ เริ่มบริการตั้งแต่ปีใหม่นี้เป็นต้นไป” นายเฉลิมชัย กล่าว.-สำนักข่าวไทย