“ชวน”ขอนิติบัญญัติเป็นที่พึ่งประชาชน

กรุงเทพฯ 31 ธ.ค.-“ชวน”ขอฝ่ายนิติบัญญัติทำงานเป็นที่พึ่งประชาชน ชี้องค์ประชุมสภาล่มยังไม่ร้ายแรง ยันไม่เคยมีฝ่ายไหนมาขอให้ทำผิดในฐานะหน้าที่ “ประธานสภาฯ” 


                  นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร แถลงถึงการทำงานของฝ่ายนิติบัญญัติตลอดปีที่ผ่านมาว่า ภาพรวมการทำงานของสภาผู้แทนราษฎรเริ่มแรกตอนเปิดสภา อาจยังปัญหาเรื่องความไม่พร้อมของสถานที่ จึงมาเป็นอุปสรรคในการทำงาน เพราะไม่มีสภาชุดไหนที่เลือกตั้งแล้วไม่มีสภาเป็นของตัวเอง แต่ปัจจุบันเรื่องนี้ไม่เป็นอุปสรรค ดังนั้นจึงอยากให้ทุกคนมองเห็นความสำคัญของงานสภาฯในฐานะเป็นผู้ออกกฎหมาย และสมาชิกทุกคนต้องทำหน้าที่อย่างมีเกียรติและเพื่อประโยชน์ของประชาชน 

                นายชวน กล่าวว่า ฝ่ายนิติบัญญัติต้องเป็นตัวอย่างในการเคารพกฎหมาย ทุกคนต้องอยู่ในกรอบของข้อบังคับ ที่ผ่านมาถือว่างานสภาฯเริ่มเข้ารูปเข้ารอยมากขึ้น ทั้งหมดเป็นไปได้เพราะการได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่าย โดยเฉพาะในส่วนของการทำงานของคณะกรรมาธิการฯ ต้องจัดสรรเวลาการทำงานเพื่อไม่ให้กระทบกับการประชุม และในฐานะประธานสภาฯ ได้พยายามทำให้มาตรฐานสภาเป็นที่ยอมรับได้ว่านี่คือ ฝ่ายนิติบัญญัติที่ทำหน้าที่ได้จริงๆ เพื่อให้สถานการณ์ดีขึ้น พร้อมปรับไปในทางที่ดีขึ้นโดยลำดับ


                ประธานรัฐสภายังกล่าวถึงการทำงานที่ผ่านมาว่า เกิดองค์ประชุมล่มและการใช้เอกสิทธิ์สวนกับมติของพรรค โดยย้ำว่าตามหลักแล้วคนของรัฐบาลที่เข้ามาร่วมรัฐบาล ก็ต้องเคารพกติกาของการร่วมรัฐบาล แต่ที่เกิดเหตุการณ์สภาฯล่มไปสองครั้งนั้น ความจริงครั้งหนึ่งเป็นความจงใจของฝ่ายรัฐบาลด้วยที่ไม่ต้องการให้ครบองค์ประชุม แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ผ่านมายังไม่ถือว่าร้ายแรง แม้จะมีปัญหาที่พรรคร่วมรัฐบาลไม่ร่วมลงคะแนน แต่มองว่าพรรคร่วมรัฐบาลรู้ดีว่าต้องปฏิบัติอย่างไร

                นายชวนยังยืนยันครึ่งปีที่ผ่านมาไม่เคยสักครั้งที่จะมีฝ่ายไหนก็ตาม มาขอให้ตนเองทำผิดทำนองครองธรรม มีแต่ตนเองที่ขอร้องให้มาร่วมประชุม ด้วยความหวังดีต่อกันเพื่องานของบ้านเมือง ประชาธิปไตยจะอยู่ได้ก็มีประสิทธิภาพด้วย ถ้าประชาธิปไตยไม่มีประสิทธิภาพ คนจะเอนเอียงนิยมในเผด็จการ แล้วก็เป็นที่มาของความหายนะในที่สุด ปัญหาของประชาชนต้องมาสู่รัฐบาลได้โดยผ่านกระบวนการของสภาฯ ตามระบบนี้

                นายชวน ยังกล่าวถึงความคืบหน้าของการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ โดยยืนยันว่าได้ติดตามความคืบหน้าเป็นระยะ ซึ่งขณะนี้มีคณะกรรมาธิการวิสามัญฯเข้ามาติดตามตรวจสอบแล้ว สำหรับเรื่องโครงสร้างอาคารต่างๆ สามารถแก้ไขได้เล็กน้อย เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น เช่น เรื่องห้องน้ำ หรือเรื่องความร้อนภายในอาคารรัฐสภา เป็นต้น.-สำนักข่าวไทย 


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

“เหนือ-อีสาน-กลาง” อากาศเย็น ภาคใต้ฝนตกหนัก

กรมอุตุฯ รายงานภาคเหนือ อีสาน และภาคกลาง อากาศเย็นในตอนเช้า มีฝนเล็กน้อยบางแห่ง ส่วนภาคใต้ฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง