รัฐสภา 4 ก.พ.- สภาฯ โหวตคว่ำ รายงานขุดคลองไทย-พัฒนาเศรษฐกิจภาคใต้ “ชลน่าน-พิเชษฐ์” จี้ ทบทวน ด้าน “ศุภชัย” แจงเป็นไปตามขั้นตอน หลังมี ส.ส.เห็นแย้ง
การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาฯ คนที่สอง ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณาศึกษาการขุดคลองไทยและการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ ที่มีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย รองประธานกมธ. ทำหน้าที่ประธาน กมธ. ซึ่งค้างมาจากการประชุมเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเป็นขั้นตอนของการลงมติ
สำหรับผลการลงมติ ปรากฎว่าเสียงข้างมากของที่ประชุม ไม่เห็นด้วยกับรายงานของกมธ. จำนวน 144 คน ต่อเสียงเห็นด้วย121 เสียง งดออกเสียง 53 เสียง ถือเป็นรายงานของ กมธ.ฉบับแรกที่สภาฯ ลงมติไม่เห็นด้วยทำให้รายงานของกมธ. ต้องตกไป
จากนั้น นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ ลุกขึ้นประท้วงสภาฯ ต่อการลงมติดังกล่าว โดยระบุว่า เป็นการลงมติที่ผิดข้อบังคับการประชุมข้อที่ 104 และ 105 เมื่อสภาฯ ไม่เห็นชอบกับรายงานกมธ.ย่อมมีประเด็นแน่นอน เพราะหากยึดเป็นบรรทัดฐานนี้ จะทำให้รายงานของกมธ.ที่ศึกษาในญัตติต่างๆ ไม่เกิดประโยชน์กับประเทศ เสียงบประมาณของสภาฯ เพราะเมื่อไม่ได้รับความเห็นชอบต้องตกไป ซึ่งในข้อบังคับไม่อนุญาตให้สภามีมติเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบ เนื่องจากเป็นรายงานการศึกษา แต่สิ่งที่ข้อบังคับเขียนไว้ชัดเจนว่าจะให้ที่ประชุมให้ความเห็นชอบหรือไม่ คือข้อสังเกตของ กมธ.ที่แนบท้ายรายงานเพื่อนำไปสู่การปฏิบัติ
“สภาฯ ไม่มีสิทธิชี้ว่าจะสร้างคลองไทยหรือไม่ ส่วนที่ให้สภาฯลงมติ คือข้อสังเกตแนบท้ายรายงานเท่านั้น เพราะระบบรัฐสภา ระบอบประชาธิปไตย จะไม่ก้าวล่วงฝ่ายบริหาร ผมกังวลว่าหากผลการศึกษาตามญัตติ เช่น การเปิดสถานบันเทิงแบบครบวงจร เข้าสภาฯ ซึ่งมีคนไม่เห็นด้วยจะทำให้กลายเป็นบรรทัดฐานได้ จึงไม่ควรตีตกเด็ดขาด เพราะใช้เวลาศึกษา 2 ปี เมื่อสภาฯตีตก รายงานจะกลายเป็นเศษกระดาษ”นพ.ชลน่าน กล่าว
นายศุภชัย ชี้แจงว่า การลงมติเป็นแนวปฏิบัติของนายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ ที่ต้องถามมติสองครั้ง โดยเป็นไปตามขั้นตอน ทั้งนี้ ที่ผ่านมาไม่เคยมีลงมติไม่เห็นด้วย เพราะส.ส.ใช้ดุลยพินิจ และเมื่อสภาฯ ลงมติ ต้องยอมรับในดุลยพินิจ ไม่ใช่เรื่องฝ่ายค้าน หรือฝ่ายรัฐบาล ไม่เชื่อขอให้ตรวจสอบรายชื่อ หลายพรรคฝ่ายค้านไม่เห็นด้วย หรือรัฐบาลไม่เห็นด้วยก็มี แต่หากกระบวนการดังกล่าวผิดข้อบังคับ ตนจะขอรับไปปรึกษาอีกครั้งตามข้อเสนอ แต่ยืนยันว่า ที่ผ่านมาปฏิบัติตามแนวปฏิบัติแบบนี้
ขณะที่นายพิเชษฐ์ ประท้วงด้วยว่า เมื่อได้สร้างมาตรฐานใหม่ และ สภาฯวันนี้พิจารณารายงานของกมธ. 20 ฉบับ หากฝ่ายค้านไม่เห็นด้วย ต้องโหวตทุกฉบับ จะอยู่ได้หรือไม่
“ประธานอย่าออกห้องประชุมนะครับ เมื่อสภาไปไม่ได้ อย่าไป ผมไม่เห็นด้วย คัดค้านต้องโหวต จะนับองค์ประชุมด้วย และผมอยากให้พิจารณาใหม่” นายพิเชษฐ์ กล่าว
ทำให้นายศุภชัย ชี้แจงว่า หากจะใช้สิทธิสามารถทำได้ แต่เหตุผลต้องโหวตเพราะการอภิปรายมีความเห็นหลากหลาย ที่ผ่านมาที่ไม่เคยโหวต เพราะการอภิปรายเป็นไปในแนวทางเดียวกัน จึงใช้ข้อบังคับ ข้อ 88 ไม่โหวต เพราะถือว่าสภา เห็นด้วย เมื่อมติที่ประชุมแบบนี้ขอจบ และขอให้พิจารณาในระเบียบวาระต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการทำงานของกมธ. คณะดังกล่าว เกิดขึ้นหลังจากที่สภาฯ ได้ลงมติเห็นด้วยกับญัตติที่ ส.ส.เสนอเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2563 ทั้ง 9 ญัตติ โดยผู้เสนอญัตติ จำนวน 5 ญัตติ เป็น ส.ส.พรรคฝ่ายค้าน และใช้เวลาศึกษา ตั้งแต่วันที่ 17 มกราคม 2563 ถึง 24 กรกฎาคม 2564 รวมเวลา 555 วัน ทั้งนี้ พล.ต.ทรงกลด ทิพย์รัตน์ อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคพลังชาติไทย ฐานะประธานกมธ. ได้เสียชีวิต เมื่อ 26 ตุลาคม2564 ทำให้ต้องเปลี่ยนตัวประธาน กมธ. เป็นนายพิเชษฐ์.-สำนักข่าวไทย