รัฐสภา 28 ส.ค.-“ปลอดประสพ” โชว์ผลงานร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 พ.ศ.. ผ่าน กมธ.ร่วม สส.-สว.แล้ว เห็นชอบกฎหมายฉบับใหม่ราบรื่น ย้ำเป็นกฎหมายเพื่อทุกคน เกื้อหนุนประมงไทยโตขึ้น
นายปลอดประสพ สุรัสวดี ประธานคณะกรรมาธิการร่วมกันเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 พ.ศ. ออกมาเปิดเผยว่า วันนี้มีการประชุมพิจารณาร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 พ.ศ. ….ในนาม สส.และรัฐบาล ที่ผลักดันกฎหมายฉบับนี้ จึงขอมอบกฎหมายประมงฉบับใหม่นี้ให้กับประชาชนชาวไทยแม้ว่ายังจะไม่เข้าสภา แต่เชื่อจะไม่มีปัญหาใดใดๆ อย่างแน่นอน พร้อมย้ำว่าตลอด 10 ปีที่ผ่านมาชาวประมงไทยจำนวนนับ 100,000 คน ย่ำแย่กับเศรษฐกิจด้านการประมง ประเทศเสียหายอย่างมาก จากที่เคยเป็นประเทศประมง ติดอันดับ 1 ใน 5 ของโลก และไทยส่งออกมูลค่านับ 100,000 ล้านบาท กลับกลายเป็นประเทศผู้นำเข้าสัตว์น้ำ แม้ปลาทูยังต้องนำเข้า ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นส่วนตัวเข้าใจและเห็นใจโดยเฉพาะในช่วงรัฐบาล คสช. ถูกกดดันจากสมาชิกสหภาพยุโรป ทำให้มีการแก้กฎหมายประมงในช่วงนั้น 2 ครั้ง จนส่งผลกระทบต่อการประมง แต่การแก้ไขกฎหมายครั้งนี้เริ่มต้นในช่วงปลาย คสช. จนมาถึงสมัยในนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ที่จริงจังกับเรื่องนี้ที่
โดย สส.ฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลมีความเห็นร่วมกันเป็นเอกฉันท์ ว่าพระราชบัญญัติประมงต้องได้รับการแก้ไข ซึ่งใช้เวลาถึง 2 ปีผ่านมา จนถึงวันนี้กฎหมายประมงฉบับใหม่ พิจารณาแล้วเสร็จ เป็นกฎหมายของประเทศไทย โดยคนไทยเพื่อคนไทย ไม่มีอิทธิพลใดๆ ของประเทศใดมาครอบงำ จึงเชื่อว่าในระยะยาวกฎหมายฉบับนี้จะเกื้อหนุนให้การประมงของไทยได้กลับฟื้นสู่การเป็นผู้นำของโลกอีกครั้งหนึ่งและจะช่วยเศรษฐกิจของประเทศไทยด้วย
ด้านนายพงศธร ศรเพชรนรินทร์ สส.พรรคประชาชน หนึ่งในคณะกรรมาธิการฯ กล่าวว่า กฎหมายฉบับนี้ รับฟังเสียงจากทุกภาค จากประมงพาณิชย์ ประมงพื้นบ้าน ภาคประชาสัมพันธ์ นักวิชาการทุกเสียง มีความสำคัญไม่ตกหล่น เพื่อที่จะผลักดันทุกวาระทุกข้อห่วง ข้อกังวลมาสู่การแก้ไขทุกมาตราซึ่งการประชุม ทั้งสองฝ่าย รัฐบาล และสว. หาทางออกร่วมกัน จนกระทั่งทุกมาตราที่ดำเนินการแก้ไข 6 มาตราเห็นพ้องต้องกัน ไม่มีการโหวตโดยเฉพาะมาตรา 69 ที่เป็นประเด็นได้แก้ไขในหลักการสำคัญว่า ยังคงยืนหยัดหลักการห้ามการทำการประมงเวลากลางคืน ไว้ก่อน ยกเว้นจะทำงานวิจัยโดยหน่วยงานราชการและถ้าจะวิจัยและมีผลออกมา ว่าจะทำได้หรือ ไม่ได้ส่วน การทำประมง 12 ไมค์ทะเล ได้ให้คณะกรรมการนโยบายการประมงแห่งชาติเป็นผู้พิจารณากำหนด และให้รัฐมนตรีประกาศกำหนดตามคณะกรรมการ ซึ่งจะต้องมีการทบทวนทุกๆ 2 ปี ถือเป็นหลักการที่ได้พยายามนำความเรียกร้องของความต้องการชาวประมงและข้อกังวลต่างๆและข้อตกลงร่วมกันว่างานวิชาการที่เป็นปัจจุบันจะเป็นสิ่งที่บ่งชี้ว่าสิ่งไหนควรทำและไม่ควรทำเพื่อเป็นข้อยุติร่วมกัน
ส่วนข้อเรียกร้องของกลุ่มสมาคมสมาพันธ์ชาวประมงพื้นบ้านฯให้ใช้แนวทางวิชาการเดิมหรือต้องใช้วิชาการใหม่นั้น นายปลอดประสพ กล่าวว่า ขณะนี้ข้อมูลวิชาการมีอยู่แล้ว ดังนั้นจึงต้องมาตกลงกัน ว่าวันเวลาข้างหน้าซึ่งทรัพยากรอาจจะเปลี่ยนแปลง ต้องทำการศึกษาทบทวนและปรับการใช้ทรัพยากรต่อไป
“สุดท้ายอยากจะย้ำว่า กฎหมายฉบับใหม่เป็นอีกครั้งที่จะเตือนสติ ผู้ใช้ทรัพยากรทั้งหลาย ทรัพยากรประมงเป็นของประเทศไทย เป็นของชาวไทยทุกคนชาวประมงผู้ประกอบการนักธุรกิจเมื่อได้รับอนุญาตจากเจ้าของทรัพยากร คือคนไทย กฎหมายฉบับนี้ไม่ได้ออกมาเพื่อมอบทรัพยากรประมงให้กับใครบางคน ดังนั้นต้องจำท่องไว้ว่า ต้องใช้ด้วยอย่างถนุถนอมและเคารพประชาชน” นายปลอดประสพ กล่าว
ทั้งนี้ในส่วนของขั้นตอนของ ร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 พ.ศ. เมื่อพิจารณาในชั้น กมธ.ร่วม สส.และ สว.แล้ว ก็จะนำเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎร เพื่อมีผลบังคับใช้ต่อไป.-314.-สำนักข่าวไทย