แถลงพบ 7 ข้อสังเกตต้นตอตึก สตง. ถล่ม

รัฐสภา 7 พ.ค.-กมธ. ยกระดับมาตรฐานการก่อสร้าง แถลงพบ 7 ข้อสังเกตต้นตอตึก สตง. ถล่ม “ปลอดประสพ” ขู่รอบหน้า ผู้ว่าฯ สตง.ไม่มาแจง บุกถึงบ้าน ชี้พบพิรุธเพียบ อย่าอ้างว่าไม่ผิด โทษฟ้า-โทษดิน มีคนตายเป็นร้อย ถามเป็นมหาเศรษฐีหรืออย่างไร เช่าที่การรถไฟฯ สูงกว่า 700 ล้านบาท

ภายหลังการประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญ พิจารณาศึกษาการยกระดับมาตรฐาน การก่อสร้างมาตรฐานความปลอดภัยการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบและการพัฒนาศักยภาพอุตสาหกรรมรับเหมาก่อสร้างอย่างเป็นระบบ ในสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายปลอดประสพ สุรัสวดี อดีตรองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานได้แถลงข่าว


โดยนายปลอดประสพ กล่าวว่า พบประเด็นหลักๆ 7 ข้อ ที่จำเป็นต้องเชิญ สตง. มาอีกในครั้งหน้า และต้องเชิญผู้ว่าฯ สตง.มาเองรวมถึงอดีตผู้ว่าฯ สตง.มาด้วยซ้ำ เพราะเรื่องนี้เกิดขึ้นมายาวนานผู้บริหารปัจจุบันบางทีไม่รู้เรื่อง

ข้อ 1 พบว่าไม่มีความจำเป็นอะไรที่ต้องย้ายสถานที่ก่อสร้างจากปทุมธานีมาจตุจักร การอ้างว่าน้ำท่วม ไม่ใช่เหตุผลที่ฟังได้ เอไอที สวทช. นิคมอุตสาหกรรมมากมายในบริเวณนั้นก็สร้างเขื่อนรอบๆ และอยู่กันมาได้จนถึงทุกวันนี้ ถ้าวันนั้น สตง. ถามผู้รู้เช่นตนเอง ก็จะแนะนำไปว่าไม่จำเป็นต้องย้ายเป็นความคิดที่ผิดแล้วก่อปัญหามาก


ข้อ 2 เนื่องจากย้ายสถานที่เดิมมาที่ใหม่ เสียงบประมาณในการออกแบบถึง 2 ครั้ง เพราะตอนอยู่ปทุมออกแบบ ครั้งหนึ่งแล้ว เมื่อย้ายมาก็ต้องออกแบบใหม่ และแพงกว่าเดิม เป็นตึก 33 ชั้น

ข้อ 3 ทาง สตง.ไม่มีเทคนิคทางด้านวิศวกรรมเลย คล้ายๆ ทำเองคิดเองตัดสินใจเองไม่มีหน่วยงานวิศวกรรม โดยเฉพาะหน่วยงานวิศวกรรมทางรัฐบาล กรมโยธาธิการหรือมหาวิทยาลัยเข้าไปช่วย ถ้าบริษัทก่อสร้างบริษัทออกแบบควบคุมการก่อสร้างอธิบายมายังไงก็เชื่อตามนั้น เพราะไม่มีใครมาช่วย

ข้อ 4 ต้องเพิ่มบทบาทของกรมโยธาธิการและผังเมือง มาเป็นผู้กำกับและควบคุม


ข้อ 5 เรายังพบช่องว่างระหว่างการทำงานมาก ซึ่งช่องว่างเหล่านี้ คือสาเหตุของเหตุการณ์ครั้งนี้ จำเป็นต้องอุดช่องว่างเหล่านี้ให้ได้

ข้อ 6 พระราชบัญญัติควบคุมอาคารต้องถูกรื้อใหม่ทั้งหมด รวมถึงกฎกระทรวงต่างๆ ที่ใช้อยู่ตอนนี้ไม่ทันสมัยเพียงพอ ต้องแก้ไขปล่อยไปแบบนี้ไม่ได้

และข้อ 7 พบว่าการคัดเลือกบริษัทออกแบบ และบริษัทควบคุมการก่อสร้าง ใช้มาตรฐานไม่เท่ากัน ให้น้ำหนักกับบริษัทออกแบบมาก ในขณะที่บริษัทควบคุมการก่อสร้าง ให้ความใส่ใจน้อยกว่า โดยเฉพาะประสบการณ์ เวลาคัดเลือกบริษัทออกแบบใช้ประสบการณ์ 30% แต่เวลาเลือกบริษัทที่มาทำการควบคุมการก่อสร้าง ใช้ประสบการณ์แค่ 10% ทั้ง ๆ ที่ความจริงแล้ว ทั้งสองอย่างจะต้องเท่ากัน เพราะบริษัทควบคุมการก่อสร้างจะต้องดูแลความปลอดภัย เช่นกันผูกเหล็ก เทปูน ผสมปูน

นอกจากนี้กรรมาธิการได้ฝากคำถาม ถึง สตง.ไปอีก 2 ข้อ คือ สมมติว่าเหตุการณ์นี้เกิดกับหน่วยราชการอื่น สตง. จะไปแนะนำหน่วยอื่นว่าอย่างไร และฝากไปให้ทบทวนตัวเองในระหว่างการก่อสร้างมาตลอดไม่พบสิ่งผิดปกติเลยหรือ และทุกอย่างราบรื่นเลยหรือไม่ และเมื่อพบสิ่งผิดปกติแล้วทำอย่างไร เพราะพบว่ามีการแก้ไขแบบถึง 7-8 ครั้ง และมีครั้งสำคัญ คือการเปลี่ยนตำแหน่งของลิฟต์ ซึ่ง สตง.ไม่ควรคิดเองแค่คนเดียว ควรจะหารือกับหน่วยราชการอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นกรมโยธาธิการหรือมหาวิทยาลัย แต่ก็ไม่ทราบว่าทำไม เห็นเรื่องนี้เป็นเรื่องเล็ก และสุดท้ายก็กลายเป็นเรื่องใหญ่

นายนิกร จำนง ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการฯ กล่าวว่า ตนยังคาใจเรื่องการกำหนดริกเตอร์สำหรับการรับแรงแผ่นดินไหวของตึก เมื่อ 35 ปีที่แล้วได้กำหนดไว้ที่ 6 ริกเตอร์ โดยออกเป็นกฎกระทรวง แต่การตรวจสอบครั้งนี้มีกฎกระทรวงที่ยึดถือ 6 ฉบับ มีเรื่องเกี่ยวกับความปลอดภัยของแผ่นดินไหว แต่การตรวจสอบมีปัญหา

“มีการตรวจ มีการทัก เมื่อมีการตรวจสอบ และพบสิ่งผิดปกติทาง สตง. ก็ได้สอบถามไปยังกรมโยธาฯ แต่กรมโยธาได้บอกมาแค่ว่าให้ใช้แบบที่ปลอดภัยที่สุด ไม่มีทางเลือกอื่น และจากการตรวจสอบไม่มีการชี้ว่าอาคารหลังนี้ปลอดภัย จากเหตุแผ่นดินไหว ผู้ตัดสินใจว่าปลอดภัยคือบริษัทผู้รับเหมา ไม่ใช่หน่วยงานของรัฐ ดังนั้นกฎกระทรวงต่างๆ ที่ออกมา เป็นเพียงการถามไปตอบมา และไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจน” นายนิกร กล่าว

ทั้งนี้นายนิกร กล่าวว่า วันนี้ประเด็นสำคัญที่ได้มา คือ ลักษณะอาคารของรัฐ เหมือนจะไม่ปลอดภัยในการก่อสร้างเพราะลักษณะการควบคุมไม่มีหน่วยงานใดมาดูแลระหว่างทาง เพื่อตรวจสอบความปลอดภัย และแผนงานของคณะกรรมาธิการชุดนี้ ไม่ได้ตั้งขึ้นมาเพื่อดูเหตุตึก สตง. แต่เราตั้งขึ้นมาเพื่อจัดการทั้งระบบ

เมื่อถามว่า ส่วนที่ รองผู้ว่าฯ สตง. ยืนยันว่าผู้ว่าฯ สตง. ติดราชการลับที่สภา แต่ไม่ได้มาชี้แจงที่ กมธ. มองว่าไม่ให้ความสำคัญหรือไม่ นายปลอดประสพ ระบุว่า ไปแต่งตัวและมาใหม่คราวหน้า ถึงอย่างไรก็ต้องมา ส่วนที่ไม่มาชี้แจงนั้นตนขี้เกียจเดา แต่ว่าอย่างไรก็ต้องมา ต้องรับผิดชอบ เพราะเป็นผู้นำต้องมาตอบเอง การให้ลูกน้องมา ตนรับได้ครั้งที่หนึ่ง และเรื่องนี้ถือเป็นบทบาท ของผู้นำและเป็นจริยธรรมด้วย

ส่วนรอบหน้าหากยังไม่มาชี้แจงอีกนั้น นายปลอดประสพ กล่าวว่า คงต้องไปเจอกันที่บ้าน ไม่เห็นจะยากเลย เรื่องนี้มีความผิดพลาด หรือผิดและพลาดอย่างแน่นอน ไม่เช่นนั้นตึก สตง. คงไม่พังและคนคงไม่ตาย ไม่ต้องมาพูดว่า มันไม่ถูกไม่ผิด ไม่ต้องโทษฟ้าโทษดิน แต่จะทำการแก้ไขอย่างไร ตนมองว่า สตง. ต้องทำเพื่อลูกหลานในวันข้างหน้าจะได้อยู่อย่างปลอดภัย ถ้า สตง.ทำแบบนี้คิดแบบนี้ประเทศเจ๊ง และมีค่าเช่าที่ของการรถไฟ 736 ล้าน ตลอด 15 ปี ตั้งแต่ปี 2562-2576 เรื่องอะไรจะไปเช่า เป็นเศรษฐีนักหรือ โดยสัปดาห์หน้าจะเชิญกรมโยธาธิการและผังเมืองมาให้ข้อมูลด้วย

ภายหลังการแจง กมธ. ผู้สื่อข่าวได้สอบถามรองผู้ว่าฯ สตง. ว่าสรุปแล้วผู้ว่าฯ สตง. ติดภารกิจอะไรจึงไม่เดินทางมา โดยรองผู้ว่าฯ สตง. ยืนยันว่า ผู้ว่าฯ สตง. ติดภารกิจลับ ที่สภาฯ ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจังหวะแรกที่รองผู้ว่าฯ สตง. เข้าใจผิดว่าสภาฯ คือทำเนียบรัฐบาล.-315.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

ศาล รธน. สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก”

ศาล รธน. 25 ส.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก” ชี้บิดเบือน-ทำเสียหาย ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารข่าว ระบุว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งพิจารณาคดี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568 ไต่สวนพยานบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกมาให้ถ้อยคำ จำนวน 2 ปาก ได้แก่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง และนายฉัตรชัย บางขวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เรื่อง ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ เมื่อเสร็จสิ้นการไต่สวนแล้ว ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้เข้าฟังการไต่สวนนำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และห้ามไม่ให้บิดเบือนข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายในลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน อันเป็นคำสั่งศาลตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 […]

“แพทองธาร” รีโพสต์โต้คลิปบิดเบือน ยันศาลบอก “นั่งลงครับ”

กรุงเทพฯ 25 ส.ค.- “แพทองธาร” รีโพสต์สตอรี่ไอจี โต้ดรามาคลิปบิดเบือน ยันศาล รธน. บอก “นั่งลงครับ” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รีโพสต์สตอรี่ในอินสตราแกรมของสำนักข่าว VOICE TV ยืนยันไม่เป็นความจริง ต่อกระแสดรามาปล่อยคลิปเสียงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดว่า “นั่งลงลูก” ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวคําปฏิญาณ ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน คดีคลิปสนทนากับ ฮุน เซน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในคลิปดังกล่าวมีข้อความระบุว่า ฟังชัดๆๆ ศาลบอกว่า “นั่งลงครับ” ไม่ใช่ “นั่งลงลูก” อย่างที่มีคนปั่น!! อย่ามั่ว อย่าบิดเบือนข่าว อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงเช้าวันนี้ (25 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร จะดำเนินการเรื่องการส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลนัดยื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันนี้ ก่อนจะนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 15.00 น.-316 -สำนักข่าวไทย

ปลัด มท. สั่งสอบด่วน ปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ

ไอคอนสยาม 25 ส.ค.- ปลัด มท. เผยยังไม่ได้รับรายงานปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ สั่งกรมการปกครองสอบด่วน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานว่า มีกลุ่มบุคคลสแกนม่านตาประชาชนและชักชวนให้เข้าไปใช้แอปพลิเคชันเพื่อแลกกับเงินหรือเหรียญในระบบ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง กระทรวงมหาดไทยจะสั่งการให้กรมการปกครองดำเนินการแก้ไขและจัดการอย่างถูกต้องทั่วประเทศอย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งเรื่องมายังกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ทุกจังหวัดดำเนินการตรวจสอบตามข้อเท็จจริง ส่วนกรณีที่มีรายงานว่ายังมีการดำเนินการในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปลัดกระทรวงมหาดไทยยืนยันว่าจะเร่งตรวจสอบทั้งที่สุราษฎร์ธานีและทุกจังหวัดที่ได้รับเรื่องร้องเรียน ทั้งนี้ การตรวจสอบจะพิจารณาว่าความผิดปกติเกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลอื่น หากพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทรวงมหาดไทยจะดำเนินการตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยย้ำให้ประชาชนมั่นใจว่า กระทรวงพร้อมตรวจสอบอย่างโปร่งใส.-319 -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

แม่น้ำยมล้นพนังกั้นน้ำ ชาวบ้าน-พระ เดือดร้อน

สุโขทัย 28 ส.ค. – หลายพื้นที่เมืองสุโขทัย จมอยู่ใต้น้ำและขยายวงกว้าง แม่น้ำยมล้นพนังกั้นน้ำ ด้านหลังวัดปากแคว พระและชาวบ้าน ช่วยกันขนสิ่งของหนีน้ำ ภาพมุมสูง เผยให้เห็นสภาพน้ำท่วมสูงภายในวัดปากแคว และบริเวณโดยรอบ ทหารนำกำลังพล 22 นาย ลงพื้นที่ช่วยเหลือ พระวัดปากแคว ชาวบ้านในพื้นที่หมู่ 2 หมู่ 4 ต.ปากแคว 4 ชุมชน ในเขตเทศบาลเมืองสุโขทัยธานี ถูกน้ำท่วมขยายวงกว้าง รถยนต์จมน้ำหลายคัน ด้านหลังวัดปากแคว อำเภอเมือง แม่น้ำยมผนังกั้นน้ำล้นตลิ่ง มวลน้ำมหาศาล ทะลักเข้าท่วมเต็มพื้นที่ ระดับน้ำสูงรอบวัดเกือบ 2 เมตร ทะลักเข้าท่วม ไหลข้ามถนนจรดวิถีถ่อง ระยะทางกว่า 500 เมตร ต้องปิดกั้นถนนห้ามสัญจรไปมา พระครูปลัดสุวัฒนสาธุคุณ (พระอาจารย์นาค) เจ้าคณะตำบลบ้านกล้วย เจ้าอาวาสวัดพายชุมพล หลังทราบข่าว ระดับน้ำท่วม ในวัดปากแคว รีบนำอาหารกล่องพร้อมทั้งถุงยังชีพ เข้าไปถวายพระสงฆ์ 18 รูป ที่จำพรรษาอยู่ในวัดปากแคว เร่งหาผู้สูญหายที่แม่ฮ่องสอน […]

เร่งค้นหาอีก 3 ผู้สูญหายดินถล่มปางอุ๋ง ท่ามกลางความหวังของญาติ

28 ส.ค. – เข้าสู่วันที่ 2 ของเหตุดินโคลนถล่มบ้านปางอุ๋ง หมู่บ้านกลางหุบเขา อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ เจ้าหน้าที่ยังคงปฏิบัติการค้นหาผู้สูญหายอีก 3 ราย โดยระดมกำลังนับร้อยนายพร้อมเครื่องจักรเดินหน้าค้นหา ท่ามกลางบรรดาญาติที่เฝ้ารอด้วยความหวัง ล่าสุดวันนี้พบร่างผู้เสียชีวิตอีก 2 ราย ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้เพิ่มเป็น 6 ราย และยังสูญหายอีก 3 คน ขณะที่หลายครอบครัวต้องสูญเสียบ้านที่อยู่มาหลายสิบปีและยังไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นสร้างขึ้นใหม่ได้อย่างไร.-สำนักข่าวไทย

ประชุม ก.ตร. ล่ม เลื่อนไป 31 ส.ค. โผนายพล 136 ตำแหน่งสะดุด

กทม. 28 ส.ค.-ประชุม ก.ตร. ล่ม เลื่อนไป 31 ส.ค. หลัง “ภูมิธรรม” ถกลับ ผบ.ตร. นานหลายชั่วโมง เหตุมีหนังสือร้องเรียนจำนวนมาก ทำโผนายพล 136 ตำแหน่งสะดุด ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรีไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. เป็นประธานการประชุม ก.ตร.ครั้งที่ 7/2568 ณ ห้องประชุมศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 มีระเบียบวาระการประชุม 5 วาระ ประกอบด้วย วาระที่ 1 เรื่องที่ประธานแจ้งให้ที่ประชุมทราบ /วาระที่ 2 รับรองรายงานการประชุม ก.ตร.ครั้งที่ 6/2568 /วาระที่ 3 เรื่องที่เสนอเพื่อทราบ เรื่องที่ 1 รายงานการดำเนินการของ อ.ก.ตร.สืบสวนสอบสวน ที่ ก.ตร. มอบหมายให้ทำการแทน […]

กองทัพไทย เคาะสร้างรั้วชายแดนไทย-กัมพูชา เขต อ.อรัญประเทศ

สระแก้ว 23 ส.ค.-กองทัพไทย เคาะสร้างรั้วชายแดนไทย-กัมพูชา จุดแรกบริเวณหลักเขตที่ 50-51 เขต อ.อรัญประเทศ ระยะทาง 10 กม. เชื่อเริ่มดำเนินการได้เป็นรูปธรรมภายในปีนี้ พลเอกมนัส จันดี เสนาธิการทหาร กองบัญชาการกองทัพไทยพร้อมคณะลงพื้นที่เพื่อสำรวจแนวชายแดนตั้งแต่หลักเขตที่สี่ 48 ต่อเนื่องถึง 51 บริเวณพื้นที่บ้านป่าไร่ ถึงบ้านท่าข้าม ในเขต อ.อรัญประเทศ โดยการสำรวจดังกล่าวเพื่อเตรียมสร้างแนวกำแพงแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้ข้อสรุปเบื้องต้นบริเวณหลักเกณฑ์ที่ห้า 50 และ 51 ซึ่งไทยและกัมพูชาเห็นตรงกันแล้วในเรื่องเขตแดน จะสร้างเป็นรั้วถาวรเป็นจุดแรกระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตร ขณะบริเวณอื่นๆ ซึ่งยังมีการอ้างสิทธิ และยังไม่มีข้อสรุปเรื่องเขตแดนที่ชัดเจน เบื้องต้นก็จะสร้างเป็นแนวรั้วชั่วคราวด้วยวิธีการตัดถนนเลียบตลอดแนวชายแดนและวางรั้วลวดหนามหีบเพลงสามชั้น พร้อมติดกล้องวงจรปิดในจุดที่สามารถดำเนินการได้ ทั้งนี้เชื่อว่าการดำเนินการดังกล่าวจะเกิดประโยชน์ในการเคลื่อนย้ายกำลัง รวมไปถึงการลาดตระเวนตรวจตรา นอกจากนี้การปรับพื้นที่ให้โล่งก็จะทำให้การลักลอบผ่านแดนตามช่องทางธรรมชาติยากขึ้น ซึ่งถือเป็นการสกัดกั้นทั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์และปัญหาสแกมเมอร์ ได้ โดยการดำเนินการจะเริ่มต้นทันทีที่นำเรื่องเข้าขออนุมัติจากสภาความมั่นคงแห่งชาติและไม่ได้ติดขัดในเรื่องงบประมาณแต่อย่างใด เชื่อว่าภายในปีนี้น่าจะเห็นแนวรั้วกำแพงชายแดนไทย-กัมพูชา เริ่มต้นเกิดขึ้นได้ ซึ่งขั้นตอนต่อจากนี้จะมีการลงในรายละเอียดพื้นที่ต่างๆ เพื่อทำความเข้าใจกับประชาชนตามแนวชายแดนที่บางส่วนอาจได้รับผลกระทบบ้าง แต่ก็เชื่อว่าประชาชนพร้อมที่จะเสียสละเพื่อความมั่นคงปลอดภัยของส่วนรวม พลตรี วันชนะ สวัสดี ผู้อำนวยการสำนักงานประสานภารกิจด้านความมั่นคงกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร กรมยุทธการทหาร กล่าวเพิ่มเติมว่า การทำรั้วตลอดแนวชายแดนไทยกัมพูชาเกิดขึ้นจากข้อเรียกร้องของประชาชน […]