มติสภาฯ 253 ต่อ 67 เสียง ถอนร่าง กม.เอ็นเตอร์เทนเมนต์ฯ

ฐสภา 9 ก.ค. – สภาฯ ลงมติ ถอนร่าง กม.เอ็นเตอร์เทนเมนต์ฯ ตาม ครม. เสนอ เจอฝ่ายค้านถามเหตุผล เป็นเพราะกลัวเสียงไม่พอหรือ “เท้ง” จี้รับปากจะไม่นำร่างกลับมาอีก ด้าน “จุลพันธ์” แจง เพราะการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ตอบไม่ได้นำกลับมาพิจารณาอีกหรือไม่


การประชุมสภาผู้แทนราษฎรที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุม เป็นการพิจารณาตามระเบียบวาระ คือร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. หรือเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นผู้เสนอ

โดยนายวันมูหะมัดนอร์ แจ้งว่า ครม.ได้มีหนังสือมายังสภาฯ ขอถอนร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ ออกจากระเบียบวาระการประชุม ซึ่งตามข้อบังคับที่ 61 กำหนดว่าการถอนร่าง พ.ร.บ.ที่ประธานสั่งบรรจุเข้าระเบียบวาระการประชุมแล้ว จะกระทำได้เมื่อได้รับการยินยอมจากที่ประชุม ดังนั้นตนขอถามสมาชิกว่าเห็นเป็นอย่างอื่นหรือไม่


ทำให้นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร อภิปรายว่า ตนอยากทราบเหตุผลที่แท้จริงที่ครม. ขอถอนร่างนี้ออกจากการพิจารณาของสภาฯ ตนทราบดีว่าวันนี้อย่างไรรัฐบาลก็ถือเสียงข้างมากดังนั้นไม่ว่าพวกตนจะลงมติอย่างไร ครม.ก็สามารถที่จะถอนร่างนี้ออกจากการพิจารณาของสภาฯได้อยู่แล้ว แต่เพื่อเป็นการพิสูจน์ว่าการถอนร่างในวันนี้เป็นการถอนร่างที่รัฐบาลได้เล็งเห็นแล้วว่ากฎหมายฉบับนี้มีปัญหา อาจจะถอนออกไปเพื่อที่จะกลับไปศึกษาอย่างรอบคอบตามข้อทักท้วงของภาคประชาสังคมรวมถึงภาคส่วนอื่นๆก่อน ไม่ได้เป็นการถอนร่างเพียงเพราะรัฐบาลกลัวว่าเสียงในสภาฯไม่พอและจะถูกโหวตคว่ำ

“ดังนั้นผมอยากจะขอฟังเหตุผลจากตัวแทนของ ครม. ว่าถอนร่างนี้ด้วยเหตุผลอะไร เพื่อให้พวกเราพรรคฝ่ายค้านมีความสบายใจว่ารัฐบาลมีความจริงใจ ต้องการถอนร่างกฎหมายฉบับนี้เพราะเล็งเห็นผลนั้นจริงๆ จึงอยากให้ตัวแทนครม.ลุกขึ้นมารับปากกับพวกเราเป็นบันทึกในที่ประชุมสภาฯ ว่าครม.ถอนร่างนี้ออกไปแล้วจะไม่เสนอร่างนี้กลับเข้ามาอีก อย่างน้อยๆ จนกว่าจะมีการศึกษากฎหมายฉบับนี้อย่างดีเพียงพอ หากไม่สามารถรับปากได้ พวกเราก็ต้องให้รัฐบาลพิสูจน์ว่าการถอนร่างฉบับนี้ไม่ใช่เป็นเพราะกลัวเสียงไม่พอ ไม่เช่นนั้นรัฐบาลก็ต้องเดินหน้าในการถอนร่างกฎหมายฉบับนี้ด้วยเสียงของรัฐบาลเอง ที่พวกเราไม่สามารถเข้าไปร่วมสังฆกรรมในแทคติกของสภาที่พวกท่านใช้ในวันนี้ได้” นายณัฐพงษ์ กล่าว

ด้านนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ตัวแทน ครม.ชี้แจงว่า กฎหมายฉบับนี้เป็นกฎหมายที่นำเสนอโดยกระทรวงการคลัง หลังจากได้รับมอบหมายให้ยกร่างโดยครม. จึงเป็นกระทรวงการคลังที่ทำหนังสือเข้ามาที่ครม. เพื่อขอถอนร่างฉบับดังกล่าว ซึ่งเหตุและผลในการที่คณะรัฐมนตรีมีมติในการถอนร่างพ.ร.บ.ฉบับดังกล่าวออกนั้น ประเด็นแรกด้วยสถานการณ์ทางการเมืองการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างมาก มีการปรับองค์ประกอบของคณะรัฐมนตรี และพรรคร่วมรัฐบาลอย่างมีนัยสำคัญ มีรัฐมนตรีใหม่ที่เข้าร่วมกับครม.กว่า 14 ท่าน ซึ่งเป็นจำนวนที่ค่อนข้างมาก จึงเป็นเหตุและผลที่มีความเหมาะสม ที่จะให้ทางคณะรัฐมนตรีที่เป็นชุดใหม่ประกอบอนุกรรมการเข้าด้วยกันในการทบทวน เพื่อพิจารณาให้รอบคอบอีกครั้ง


นายจุลพันธ์ กล่าวต่อว่า ยอมรับว่าขณะนี้ยังไม่มีความเข้าใจในร่วมตัวกับกฎหมาย รัฐบาลมีความประสงค์ดีในการขับเคลื่อนการทางเศรษฐกิจให้เกิดการจ้างงาน การลงทุนขนาดใหญ่ เพื่อให้มีการเปลี่ยนแปลง และที่สำคัญการสถานที่ท่องเที่ยว สร้างโดยมนุษย์ เป็นเจตนาของรัฐ และยังมีความเชื่อมั่นว่ากลไกในการขับเคลื่อนเอนเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ เป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญของเศรษฐกิจไทย แต่เนื่องด้วยความเข้าใจในสังคม ยังมีความหลากหลาย จึงมีความจำเป็นให้สังคมได้ใช้เวลาพิจารณาอย่างรอบคอบ กลไกการเปลี่ยนแปลงกฎหมายสามารถดำเนินการได้ในหลายขั้นตอน รวมถึงขั้นตอนของสภา ซึ่งเป็นสิทธิ์อันชอบธรรมของสมาชิกอยู่แล้ว หากกฎหมายใดก็ตามเข้ามาสู่การพิจารณาแล้วจะมีการปรับเปลี่ยนแก้ไขเพื่อให้เกิดความรัดกุม เหมาะสมมากขึ้น เพราะฉะนั้นจุดนี้ไม่ใช่สาเหตุที่สำคัญที่รัฐบาลบอกว่ากฎหมายมีปัญหาหรือไม่ เพราะโดยหลักการและเหตุผล เราความเชื่อมั่นว่าเป็นเหตุผลและหลักการที่เป็นประโยชน์กับสังคม อย่างไรก็ตาม เมื่อมีความหลากหลายทางความคิดอยู่ในสังคม และในขณะนี้ต้องยอมรับความจริงว่า ประเทศไทยมีปัญหารุมเร้าหลายประการ ทั้งปัญหาชายแดน เศรษฐกิจในระดับโลก ปัญหาเหล่านี้ทางรัฐบาลรับทราบ และมองว่าการลดปัจจัยในเรื่องความขัดแย้งในสังคมลงน่าจะช่วยผ่อนเบาสถานการณ์ได้ดีขึ้น เป็นอีกหนึ่งในปัจจัยที่เราตัดสินใจว่าการถอนร่างกฎหมายในวันนี้น่าจะเป็นประโยชน์กว่า

“ส่วนจะมีการนำร่างฉบับดังกล่าวกลับมาพิจารณาใหม่อีกครั้งหรือไม่นั้น ตนยอมรับว่าตอบไม่ได้ แต่ก็รู้กันดีว่ากฎหมายในลักษณะนี้ ใช้การดำเนินการค่อนข้างนาน และหากในสภายังมีความเห็นที่แตกต่าง ยิ่งใช้เวลานานเป็นเท่าตัว เพราะฉะนั้น ด้วยเวลาที่จำกัดเราต้องไปดูว่ามีโอกาสที่จะดำเนินการให้แล้วเสร็จได้หรือไม่ ซึ่งเป็นเรื่องค่อนข้างยาก ผมตอบได้เพียงเท่านี้ จะตอบนอกเหนือจากอำนาจหน้าที่ ที่ครม.ให้มา คงดำเนินการไม่ได้”นายจุลพันธ์ กล่าว

นายภราดร ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย ลุกขึ้นย้ำขอเสนอญัตติ เนื่องจากไม่เห็นด้วยกับ ครม.จะถอนร่าง พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าวออกไป ว่า เมื่อฟังนายจุลพันธ์ ตอบคำถามของนายณัฐพงษ์ ที่พยายามถามหาถึงเหตุผล และพยายามให้รัฐมนตรียืนยันกับสภาแห่งนี้ หมายความว่า คือการยืนยันกับประชาชน ว่าท่านจะไม่นำร่างนี้กลับเข้ามาแล้วใช่หรือไม่ ซึ่งท่านก็ตอบว่า ท่านตอบไม่ได้ เพราะฉะนั้น ตนจึงจำเป็นที่จะต้องสอบถามรัฐมนตรี เนื่องจากเมื่อฟังคำตอบของรัฐมนตรีแล้ว ไม่แน่ใจในท่าทีของ ครม. ต่อแนวทางเอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ ที่มีกาสิโนรวมอยู่ด้วย วันหนึ่งท่านบอกท่านจะเอา จะเป็นจะตายต้องเอาให้ได้ ต้องผลักดันเข้าสู่วาระการประชุมโดยเร่งด่วน ข้ามทุกระเบียบวาระ

“พรรคภูมิใจไทยในขณะนั้นได้แสดงความไม่เห็นด้วย และคัดค้านกับร่างฉบับนี้ แล้วท่านบอกพวกผมภูมิใจขวาง ประชาชนลงถนนเป็นม็อบ นั่นแสดงความไม่เห็นด้วยกับท่าทีของรัฐบาล แล้วรัฐบาลก็บอกว่าพวกนี้หน้าเดิม พวกนี้คือพวกที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว วันที่ท่านไม่เอาคือวันนี้” นายภราดร กล่าว

นายภราดร กล่าวต่อว่า ตนย้อนฟังคำให้สัมภาษณ์ของนายจุลพันธ์ ที่บอกว่าจะถอนเรื่องนี้ออก เพราะยังมีปัญหาเรื่องอื่น ที่ประชาชนให้ความสนใจมากกว่า คือการแก้ไขปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ตนฟังแล้วต้องมาฟังซ้ำใหม่ว่ากาสิโนเกี่ยวอะไรกับการปัญหากัมพูชา ทำไมเอาปัญหากาสิโนไปเกี่ยวพันกับกัมพูชา หรือเป็นเพราะคลิป เป็นดีลลับ ระหว่าง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ กับอังเคิล ที่ไปบอกว่าจะเอาอะไรขอให้บอก ตนต้องถามว่าคืออะไร อยู่ในดีลด้วยหรือไม่

นายภราดร กล่าวต่อว่า ส่วนการปรับเปลี่ยนสัดส่วน ครม. และพรรคร่วมรัฐบาลนั้น ทั้งรมว.คลัง และรมช.คลัง ที่เป็นต้นเรื่องเสนอเรื่องนี้เข้าสู่สภา ก็ยังอยู่เหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนเลย เปลี่ยนอยู่อย่างเดียวคือ 8 คน ในสัดส่วนของพรรคภูมิใจไทย ออกจาก ครม. เปลี่ยนอย่างเดียวคือ ไม่มี 69 เสียงของพรรคภูมิใจไทยอยู่ในฟากฝั่งรัฐบาลแล้ว นี่คือการเปลี่ยนแปลงตามที่ท่านพูด จะเห็นว่าเหตุผลต่างๆ ไม่มีประชาชนเข้ามาอยู่ในสมการของการถอยของท่านเลย นี่คือเหตุผลทางการเมืองล้วนๆ ท่านถอนทำไม ในเมื่อท่านยืนยันเมื่อสักครู่ว่า เป็นนโยบายเรือธงของรัฐบาล ที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่จะผลิตรายได้ให้กับประเทศเป็นแสนล้านบาท แล้วท่านถอนทำไม

“ผมจึงไม่แน่ใจในท่าที เพราะท่านบอกว่าชะลอเพื่อเอากลับไปแล้วจะเสนอใหม่ในเวลาที่เหมาะสม ผมขอถามว่า เวลาที่เหมาะสมของท่านคืออะไร ความเหมาะสมของท่านคืออะไร หรือเหมาะสมหมายถึงเสียงในสภาที่เมื่อท่านไปดีลกับหงูเห่าเรียบร้อย ท่านถึงจะเอากลับมาเพื่อให้แน่ใจว่าเสียงในสภาแห่งนี้ จะเพียงพอที่จะผ่านร่างให้ท่านหรืออย่างไร ท่านต้องตอบ” นายภราดร กล่าว

นายภราดร กล่าวด้วยว่า อย่าบิดเบือนเจตนารมณ์ของพวกตน ว่าพวกตนไม่เห็นด้วยกับการกาสิโน แล้วพวกตนจะให้มีการพิจารณาในวันนี้ทำไม ทำไมพวกตนจึงไม่ยอมให้รัฐบาลถอนออกไป ตนขอยืนยันตามจุดยืนเดิมของพวกตนว่า พวกตนไม่เห็นด้วยกับกาสิโน และไม่มีวันเห็นด้วย ตนขอแสดงจุดยืนให้เห็นว่า การถอนออกไปไม่เท่ากับการยกเลิก ตนอยากเห็นการยกเลิก ไม่อยากเห็นนโยบายนี้ เข้ามาอยู่ในสภานี้อีกต่อไป ตนจึงจำเป็นต้องเดินหน้าพิจารณาเพื่อนลงมติ ไม่เห็นด้วย เพื่อถอนรากถอนโคน กฎหมายฉบับนี้ นี่คือเหตุที่ไม่อยากให้เลื่อนเพื่ออะไร มากไปกว่านั้น นโยบายกาสิโนยังส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวของประเทศไทย โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนเป็นอย่างมาก เชื่อว่าครม.ก็ทราบดี นายกฯก็ทราบดี วันที่ไปเยือนจีน นาธิบดีสี จิ้นผิง ก็เคยได้รับคำเตือนจากประธานาธิบดีจีนด้วย ว่าเขาไม่เห็นด้วยกับนโยบายนี้ ซึ่งเป็นข่าวโดยนายอนุทิน ชาญวีระกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เล่าให้ฟัง เชื่อว่าเรื่องนี้ประธานสภาฯสามารถที่จะยืนยันได้ถึงแนวคิดของประเทศจีน เพราะประธานฯเพิ่งไปเยือนประเทศจีนเมื่อไม่กี่วันมานี้ ว่าเขาจะไม่ให้คนจีนมาลงทุนกาสิโน ในต่างประเทศ ไม่ให้คนจีนมาบริหาร และไม่สนับสนุนคนจีนไปเล่นการพนันในต่างประเทศ

“พรรคภูมิใจไทยไม่ต้องการเห็นนโยบายนี้เดินหน้าอีกต่อไป ผมจะเห็นด้วยกับท่านรัฐมนตรีในการถอนร่างนี้ก็ได้ ถ้าท่านรัฐมนตรีสามารถยืนยันจะต่อสภาแห่งนี้ และยืนยันกับพี่น้องประชาชนว่า ในสภาชุดที่ 26 นี้ ท่านจะไม่มีการพิจารณาเรื่องกาสิโน เอนเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ ในสภาชุดนี้อีก ผมไม่ติดใจ ผมยินยอมให้ท่านถอนโดยดี แต่ถ้าผิดไปจากนี้ ผมจำเป็นจะต้องขอมติจากสภาแห่งนี้ และหลังจากนี้ ลงสู่สนามเลือกตั้ง ท่านจะไปหาเสียงเชิญครับ ว่าท่านต้องการกาสิโน เลือกพรรคเพื่อไทย ไม่ต้องการกาสิโนเลือกพรรคนู้นพรรคนี้ แล้วท่านกลับมาได้ กลับมาชนะ ท่านมาเสนออีกครั้ง ผมก็ไม่ว่าอะไร” นายภราดร กล่าว

ด้านนายจุลพันธ์ ชี้แจงว่า เรื่องนี้ไม่มีดีลลับในการพูดคุย สำหรับการทำเอนเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์ โดยเฉพาะที่นายกฯพูดคุยทางโทรศัพท์กับทางสมเด็จฯ ฮุน เซน และถูกอัดเทป เราเห็นได้ชัด หากฟังด้วยใจเป็นกลาง ก็จะรู้ว่าไม่มีความเสียหายใดๆ เกิดขึ้นกับประเทศ แม้แต่ประเด็นเดียว การไปแอบกินข้าวคุยกัน ตนเองไม่รู้ว่าคุยอะไรกัน แต่ในกรณีนี้ไม่มี

นายจุลพันธ์ กล่าวต่อว่า สิ่งที่ตนเองได้ตอบไป หากฟังจะรู้ว่าสมการนี้มีประชาชนอยู่ตลอด เพราะบอกชัดเจนว่าสถานการณ์ที่ประชาชนยังมีความขัดแย้ง ยังมีความไม่เข้าใจในตัวกฎหมาย จึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่พวกเราตัดสินใจว่าจะถอนกฏหมายนี้ออกไป ครม.ในส่วนกระทรวงการคลังยังครบถ้วนเหมือนเดิมทั้ง 3 คน แต่ครม.ใหม่ก็มีจำนวนมากจริง ๆ และคนเหล่านั้นควรมีสิทธิ์ในการทบทวนกฎหมาย ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ กฎหมายบางฉบับที่มีค้างอยู่ในขั้นตอนของครม.หรือสภาฯหากมีการเปลี่ยนตัว โดยเฉพาะเปลี่ยนรัฐมนตรีประจำกระทรวง หลายครั้งก็เห็นว่ามีการถอนกลับไปเพื่อทบทวนอีกครั้ง เช่นเดียวกับกฎหมายนี้ ที่มีความจำเป็นจะต้องนำกลับไปพิจารณาให้มีความรอบคอบ

“ส่วนจะกลับเมื่อไหร่ จะมาให้ผมตอบ ผมตอบไม่ได้ ท่านก็รู้ ท่านเป็นรองประธานสภามาก่อน ท่านต้องมีความรู้เพียงพอว่าจะมาให้ตอบในเรื่องที่มันตอบไม่ได้เพราะมันเป็นเรื่องของครม. ท่านอาจจะอ้างว่าเสนอญัตติไม่ให้ถอนเพื่อพิจารณาให้ตกเลย ท่านสามารถทำได้ แต่เอาข้อเท็จจริงมาพูดกัน กฎหมายตก มันก็ตกอยู่ในสมัยประชุมนี้ สมัยประชุมหน้าก็ยื่นได้อีก ไม่ได้หมายความว่าหากมีการพิจารณาจบสิ้นไปแล้วจะไม่สามารถนำเสนอได้อีกตลอดชีวิต ตลอดชาติ มันไม่มี ก็รู้เท่ากัน ฉะนั้นเหตุผลอย่างนั้นไม่ควรยกมาอ้าง” นายจุลพันธ์ กล่าว

นายจุลพันธ์ กล่าวอีกว่า หากจะตัดสินใจทางการเมืองเพื่อที่จะให้เกิดการลงมติที่ขัดแย้งกันนั่นถือเป็นสิทธิ์ของสมาชิกทุกท่าน ลงมติกันได้เลย เป็นสิทธิทุกคน สามารถทำได้ ในส่วนที่มีการกล่าวอ้าง โดยเฉพาะเมื่อคืนนี้ นายอนุทิน มีการโพสต์เฟสบุ๊คในเรื่องของการพูดคุยกับผู้นำระหว่างประเทศ ตนไม่ได้อยู่ในที่นั้น แต่โดยมารยาทปกติการพูดคุยกับผู้นำระดับประเทศ เขาไม่นำออกมาจากที่ลับมาพูดในที่แจ้ง ตนก็ไม่รู้ว่าการพูดคุยนั้นเป็นอย่างไร แต่เราคงไม่บริหารประเทศ โดยอาศัยพิจารณาจากประเทศใด ๆ ที่ไม่ใช่ประเทศไทยเป็นหลัก พวกตนบริหารประเทศเอาประชาชนคนไทย เอาสภาไทยเป็นหลัก พวกท่านเห็นชอบ หรือไม่เห็นชอบ ก็ลงมติกันตามนั้น แต่ไม่ได้พิจารณาจากปัจจัยภายนอก อย่างที่ท่านพยายามนำเสนอ

นายจุลพันธ์ กล่าวว่า กฎหมายฉบับนี้เสนอเข้ามาหลายเดือนแล้ววันที่เข้ามาไม่องค์ประกอบ ครม.จะมีความแตกต่าง และมีบางพรรคการเมืองถอนตัว บางพรรคการเมืองยังคงอยู่ด้านในของ ครม. และรัฐบาลเหมือนเดิม แต่ที่นำเสนอเข้ามาเสนอเข้ามาพรรคท่านก็เสนอมาด้วย ผู้บริหารของท่านก็อยู่ในครม. แม้จะบอกว่าไม่มีการเห็นด้วยตั้งแต่ต้น แต่มีการนำเสนอผ่านสื่อมวลชนว่าเห็นดีเห็นงามทุกครั้งไป วันนี้มีการปรับเปลี่ยนรัฐบาล ท่านตัดสินใจเปลี่ยนความคิด ตนยอมรับ

“ระยะเวลาเปลี่ยน กาลเวลาเปลี่ยน มันก็จะเปลี่ยนแปลงไป แต่ผมไม่เข้าใจว่า ทำไมวันนั้นถึงบอกว่าสนับสนุน เพียงเพื่อจะอยู่ในรัฐบาล ในตำแหน่งรัฐมนตรี แต่ไม่เห็นด้วยกับกฎหมาย แล้วมายกมือให้อย่างนั้นหรือ ผมไม่เชื่อ ถ้าไม่เห็นด้วย วันนั้นก็ถอนตัวจากรัฐบาลไปแล้ว แต่วันนี้มาปรับเปลี่ยนแนวความคิด ก็ยอมรักันได้ เวลาเปลี่น คนเปลี่ยน ก็ยิ่งเป็นสาเหตุที่วันนี้พวกผมเอาเข้ามาในสภา เพื่อบอกว่ากฎหมายฉบับนี้ลองถอยมาสักก้าว และมาพิจารณาอีกครั้ง หากถามว่าจะกลับมาเมื่อไหร่ ท่านก็รู้เท่ากับผมว่ามันตอบไม่ได้ ผมไม่ใช่ ครม. ผมเป็นรัฐมนตรีหนึ่งคนในองค์คณะ

นายณัฐพงษ์ อภิปรายอีกว่า จากเหตุผลที่นายจุลพันธ์ ชี้แจง พวกตนยังไม่สามารถที่จะยอมรับเหตุผลของท่านได้จริงๆ ตนทราบว่านายจุลพันธ์ อาจจะไม่สามารถชี้แจงแทนครม.ได้ แต่ตนทราบว่าวันนี้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯและรมว.วัฒนธรรม มาที่สภาฯ ดังนั้นแม้น.ส.แพทองธาร จะถูกหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯ แต่สามารถเข้าร่วมประชุมสภาฯได้ ในฐานะ รมว.วัฒนธรรม ตนเชื่อว่าถ้ารัฐบาลมีความจริงใจให้นายกฯมาตอบชี้แจง เป็นตัวแทนครม.ตนเชื่อว่าท่านตอบได้ ดังนั้นจากเหตุผลที่นายจุลพันธ์ได้ให้ไว้พวกตนยังไม่สามารถยอมรับได้ ก็อยากให้เดินหน้าลงมติเพื่อให้สมาชิกได้มีโอกาสอภิปรายเหตุผลเพิ่มเติม จึงขอเสนอญัตติคัดค้านการใช้ข้อบังคับข้อที่ 88

จากนั้นนายวันมูหะมัดนอร์ ชี้แจงว่า ข้อบังคับที่ 61 กำหนดว่า ระเบียบวาระที่ประธานบรรจุไว้แล้วถ้าจะมีการถอนหรือแก้ไขต้องได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมเมื่อมีการเสนอและที่ประชุมยังมีผู้ไม่เห็นด้วยอยู่ ก็ต้องขอมติจากที่ประชุมว่าจะเห็นด้วยกับครม.ที่ให้ถอนหรือไม่เห็นด้วยให้ถอน

ก่อนที่จะลงมตินายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน อภิปราย กรณีที่นายจุลพันธ์พาดพิงถึงการกินข้าว ซึ่งหมายถึงตน เพราะรู้กันดีเป็นข่าวในช่วงเวลาที่ผ่านมาว่าการเป็นนัดกินข้าวมีใครบ้าง ท่านไม่ต้องหัวเราะจนกล้าที่จะยืนยันว่าการกินข้าวมีอยู่จริงแต่การกินข้าวไม่ได้เป็นลักษณะของการไปดีลเพื่อร่วมรัฐบาลอะไร ยืนยันว่าสิ่งที่ตนพูดทั้งหมดเป็นความจริง ตนไม่ได้มีพฤติกรรม ตระบัดสัตย์อะไรทั้งสิ้น สิ่งหนึ่งที่ตนต้องยืนยันและพูดเรื่องนี้ด้วยความแปลกใจ

“ผมเองก็เพิ่งทราบว่าการกินข้าวของผม มันจะเขย่ารัฐบาล สะเทือนได้ขนาดนี้มันแสดงให้เห็นถึงความเปราะบางของรัฐบาลขนาดนี้ได้อย่างไรผมไม่เคยนึกเลยว่าการกินข้าวของผม จนรมช.คลังต้องหยิบเอาประเด็นนี้มาดิสเครดิตกัน และสิ่งที่เรากำลังพูดกันอยู่ ไม่ควรแวะมาที่ผม แต่เราต้องการจะรู้ว่าตกลงแล้วท่านจะเอากฎหมายฉบับนี้กลับเข้ามาหรือไม่ ท่านควรจะตอบให้มันเคลียร์ ให้ชัด เพราะเรื่องนี้คือเรื่องใหญ่ ไม่ใช่กลายเป็นว่าวันนี้เสียงท่านไม่พอมีปัญหาในเรื่ององค์ประชุมแล้วบอกว่าขอกลับไปตั้งหลักก่อนเพื่อให้มีความเข้มแข็งก่อนแล้ววันข้างหน้าจะเสนอกลับมาใหม่ถ้าทำกันแบบนั้นปัญหาที่ท่านพูดมาจะฟังไม่ขึ้น” นายรังสิมันต์ กล่าว

นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า เราพยายามอดทนอดกลั้น หากนายจุลพันธ์ไม่แวะมาที่ตนคงไม่จำเป็นต้องมาพูดอะไรขนาดนี้ แต่เวลานี้ผู้นำฝ่ายค้านต้องการทราบเหตุและผลอย่างตรงไปตรงมา อาจจะชี้แจงได้ว่าประเทศไทยเรายังไม่พร้อม ทั้งเรื่องความมั่นคง กฎหมายการฟอกเงิน และการศึกษายังไม่ดีพอ จึงขอกลับไปทำใหม่ถึงวันเลือกตั้งแล้วไปว่ากันในสนามเลือกตั้งให้ประชาชน จะได้รับรู้ว่าพรรคเพื่อไทยจะเสนอนโยบายแบบนี้ เป็นเรื่องที่แฟร์

ก่อนที่ ประธานสภาผู้แทนราษฎร จะปิดไมค์แล้วกล่าวว่า ซ้ำประเด็นและท่านได้ชี้แจงในส่วนที่พาดพิงถึงท่าน ที่ประชุมคงจะเข้าใจท่านแล้ว แต่ทำให้นายรังสิมันต์ จะขอใช้สิทธิ์ประท้วงประธานในที่ประชุม โดยระบุว่า ตนเองถูกพาดพิงและพยายามจะอธิบาย และพยายามทำให้เห็นว่าสถานการณ์นี้ ไม่จำเป็นจะต้องแวะมาที่ตน

ทำให้นายวันมูหะมัดนอร์ ได้ปิดไมค์นายรังสิมันต์อีกครั้ง ก่อนจะกล่าวว่า เข้าใจแล้ว ขอความกรุณาฟังประธานสักนิดนึง ตนเองอนุญาตให้ใช้สิทธิ์พาดพิงและนายรังสิมันต์ได้ใช้สิทธิ์อธิบายในสิ่งที่พาดพิงแล้ว แต่ไม่ใช่จะอภิปรายต่อไปได้ เดี๋ยวประท้วงไปประท้วงมา เรื่องที่มีความสำคัญจะลงมติ หรือจะพิจารณาต่อไปไม่ได้ผล พร้อมยืนยันว่าตนรับฟัง

ด้านนายรังสิมันต์ กล่าวอีกว่า สิ่งที่เราคุยกันคือ เหตุผลในการถอนร่าง พ.ร.บ.ฯ ฝ่ายค้านต้องการหลักประกันว่าจะไม่มีการเสนอเรื่องนี้อีก อย่างน้อยที่สุดในสภาฯ ชุดนี้ ดังนั้นกรุณาอย่าแวะมาที่ประเด็นอื่น ผมคิดว่าไม่มีความจำเป็นเลย

นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคประชาชน อภิปรายแสดงความเห็นต่อญัตติที่ ครม. ขอถอนร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร ว่า ตนเองและพรรคประชาชนไม่เห็นชอบกับการเสนอร่างกฎหมายดังกล่าวเข้าสู่สภาฯ เพราะไม่มีรายงานผลการศึกษาที่ละเอียดรอบคอบเพียงพอ ส่วนประเด็นผลกระทบต่อนักท่องเที่ยวจีน ตนเองไม่ได้บอกว่าเราต้องซ้ายหันขวาหันตามประเทศอื่น แต่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเคยยอมรับว่า ไม่ได้คำนึงถึงความเสี่ยงเรื่องนี้

นายพริษฐ์กล่าวว่า สำหรับจำนวนผู้เล่นคนไทยที่รัฐบาลคาดว่าจะมีเข้าไปเล่นกาสิโน นายพริษฐ์ชี้ว่า คำตอบของรัฐบาลแต่ละครั้งไม่เคยเหมือนกัน รายงานที่รัฐบาลอ้าง อยู่บนสมมติฐานและการคำนวณว่าจะมีคนไทยเข้าไปเล่นในกาสิโนสูงถึง 21 ล้านครั้งต่อปี แต่พอวันถัดมา รัฐมนตรีกลับแสดงข้อมูลคาดการณ์ว่า จะมีคนไทยเข้าไปเล่น 7.4 แสนครั้งต่อปี ส่วนสำนักงานเศรษฐกิจการคลังคำนวณว่า ในเมื่อคนไทยที่เข้าไปเล่นได้ ต้องมีเงินในบัญชีเกิน 50 ล้านบาทต่อเนื่อง 6 เดือน ผลจึงออกมาว่ามีคนไทยเข้าไปเล่น 5 หมื่นครั้งต่อไป จะเห็นว่าตัวเลขแต่ละครั้งแตกต่างกันมาก สำหรับมาตรการป้องกันปัญหาติดการพนัน และป้องกันการฟอกเงิน แต่หลายมาตรการ ไม่ระบุในตัวกฎหมาย แต่บอกว่าให้เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการนโยบาย แล้วจะแน่ใจได้อย่างไรว่า เมื่อถึงวันที่มีการตั้งคณะกรรมการนโยบายขึ้นมา ซึ่งท่านอาจไม่ได้เป็นรัฐบาลแล้ว

“ผมเข้าใจดีว่า รัฐบาลสามารถดำเนินบางนโยบายได้โดยไม่ได้หาเสียงไว้กับประชาชน แต่รัฐบาลกลับเร่งรีบนำกฎหมายนี้แซงคิวกฎหมายอื่นหมดเลย แล้วจะให้เราไว้วางใจได้อย่างไร” นายพริษฐ์กล่าว

นายพริษฐ์ กล่าวว่า การเสนอถอนร่างครั้งนี้ ไม่ใช่การถอนบนพื้นฐานของความจริงใจ ที่อ้างว่า ครม. องค์ประกอบเปลี่ยนไป จึงต้องถอนออก ซึ่งฟังแล้วก็งง เพราะกฎหมายอีก 7 ฉบับ ที่ ครม. เสนอเข้ามา จะถอนด้วยหรือไม่ ส่วนเหตุผลว่า ต้องการเวลารับฟังความเห็นของประชาชนเพิ่มขึ้น ฟังแล้วก็ยิ่งตลก เพราะที่ผ่านมารัฐมนตรีเคยตอบว่า ฟังความเห็นมาพอแล้ว ซึ่งขอเสนอว่า แม้เสียงไม่พอก็ไม่ต้องชี้นิ้วมาที่ฝ่ายค้าน เพียงรับปากว่า รัฐบาลชุดนี้จะไม่เสนอกฎหมายที่มีปัญหาดังกล่าวกลับมาอีก ฝ่ายค้านพรัอมสนับสนุน

“ถ้าท่านยังไม่พร้อมจะให้คำยืนยันกับพวกเราว่า ท่านถอนไปแล้ว ท่านจะไม่นำร่างดังกล่าวที่มีปัญหากลับมาเสนอในสภาฯ ชุดนี้อีก ก็ชัดเจนว่าท่านไม่พร้อมจะพิสูจน์ความจริงใจของท่าน และถ้าเป็นเช่นนั้น ก็จำเป็นต้องมาพิสูจน์ว่าข้อสันนิษฐานของผมว่าเสียงของท่านไม่เพียงพอ เป็นความจริงหรือไม่” นายพริษฐ์กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังอภิปรายไประยะหนึ่ง สส. รัฐบาลเสนอให้ปิดการอภิปราย ส่วนฝ่ายค้านเสนอให้อภิปรายต่อ เมื่อลงมติแล้วสรุปคือให้ปิดอภิปราย นายณัฐพงษ์อภิปรายปิดอีกดรอบและนายจุลพันธ์ ชี้แจงอีกครั้ง และในที่สุด ที่ประชุมสภาฯ ได้มีมติยินยอมให้ถอนร่าง พ.ร.บ.พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ… (เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์) ออกไปตามที่ ครม.มีมติให้ถอน ด้วยคะแนน 253 ต่อ 67 เสียง -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ธปท.ย้ำเร่งปลดล็อกบัญชีผู้บริสุทธิ์ ทำให้ร้านค้ามั่นใจ

กรุงเทพฯ 15 ก.ย. – ธปท. ย้ำทุกหน่วยงานร่วมกำหนดเงื่อนไขปลดล็อกบัญชีไม่มีเอี่ยวบัญชีม้า สิ้นเดือน ก.ย.นี้ เพื่อให้ร้านค้ามั่นใจรับโอนเงินซื้อสินค้า นางสาวดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบชำระเงินฯ ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากปัญหาชาวบ้านถูกระงับธุรกรรมและระงับวงเงิน แต่ไม่ได้ระงับเงินในบัญชีในช่วงเดือนกันยายน 68 ตรวจพบบัญชีต้องสงสัยเฉลี่ย 10,000 บัญชี/สัปดาห์ ยอมรับว่าการคุมเข้มในช่วงที่ผ่านมา เพื่อต้องการกวาดเอาเส้นทางบัญชีที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ ทั้งโอนเงินผ่าน e-money และคริบโตฯ ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับผลกระทบในบางส่วน ในการทำธุรกรรมทางการเงิน ธปท. จึงเร่งหารือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกำหนดเงื่อนไขร่วมกันให้เสร็จภายในสิ้นเดือน ก.ย.นี้ “ธปท., ธนาคาร, ตำรวจ ศปอท. พร้อมปลดล็อกให้กับผู้บริสุทธิ์ มุ่งเน้นบัญชีจำนวนไม่มาก เช่นวงเงิน 100-500 บาท หรือร้านค้า ที่มีการซื้อของมาประกอบอาหารหรือสินค้าในร้านเป็นประจำในยอดที่ไม่สูงมากนัก กลุ่มเหล่านี้จะเร่งตรวจสอบ เพื่อแจ้งข้อมูลให้ลูกค้าบัญชีรับทราบ พร้อมทำอย่างรวดเร็ว และมุ่งทำความเข้าใจกับร้านค้า ให้เกิดความเชื่อมั่น และรับเงินโอนจากลูกค้า เพราะที่ผ่านมายอดปฏิเสธรับโอนเงินไม่สูงมากนัก หากตรวจสอบเสร็จแล้วคาดว่าใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง ถึง 1 […]

ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ”

กทม. 15 ก.ย.-ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ” หลังครบ 5 วันกักโรค และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำเรื่องขอเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ที่เรือนจำกลางคลองเปรม หลังครบ 5 วัน การกักตัวเฝ้าระวังโรคโควิด-19 และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติตามรายชื่อ 10 คน และทนายความ เข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก โดยก่อนหน้านี้ พันตำรวจโท เชน กาญจนาปัจจ์ โฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่าอาการของนายทักษิณ โดยรวมดีขึ้น ความดันสูงก่อนหน้านี้ลงมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ ซึ่งการเข้าเยี่ยมจะเป็นการพูดคุยผ่านกระจกใส เพื่อความปลอดภัย ล่าสุด ครอบครัวชินวัตรเดินทางมาถึงเรือนจำคลองเปรมแล้ว นำโดยคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์, น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ลูกสาวคนโต และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี.-สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุม เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน

บช.ก. 15 ก.ย. – “บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุมธานี เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน ฝากให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหาย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกระแสข่าวพระวัดดังจังหวัดปทุมธานี ที่มีความเกี่ยวข้องกับเงินวัดจำนวน 12.2 ล้านบาท ที่โอนเข้าบัญชีสีการายหนึ่ง ว่า เรื่องนี้ทราบว่ามีคนแจ้งความและเป็นคดีความอยู่ที่กองบังคับการปราบปรามแล้ว ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบ และได้ข้อมูลที่น่าสนใจมากพอสมควร ซึ่งสีกาคนดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับสีกาที่ทางตำรวจเพ่งเล็งอยู่หรือไม่จะต้องตรวจสอบในประเด็นนี้ด้วย แต่คดีนี้หลักๆ จะดูที่เส้นทางการเงินของบัญชีวัด หากพบใครเกี่ยวข้องก็จะต้องดำเนินการ ส่วนกรณีที่ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม นำหลักฐานออกมาโพสต์ผ่านโซเชียลนั้น ก็ถือว่ามีประโยชน์ต่อรูปคดี ส่วนจะเรียกเข้าสอบหรือไม่นั้นอยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานสอบสวน ซึ่งคาดว่าอีกไม่นานเรื่องนี้จะชัดเจน มีรายงานว่าผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้พบว่ามี 8 คน รวมพระด้วยเป็น 9 คน จึงอยากฝากถึงพระว่า ให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหายเนื่องจากมีหลักฐานจำนวนมาก.-419-สำนักข่าวไทย

บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินแก๊งคอลเซ็นเตอร์

กทม. 16 ก.ย.-บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์เกือบ 5 ล้าน แต่ยายไม่ฟัง ไม่เชื่อว่าโดนหลอก ไล่ตำรวจกลับไป แถมโทรฟ้องมิจฉาชีพว่าตำรวจมากวน สุดท้ายเข้าแจ้งความแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พระโขนง ตะโกนคุยกับคุณยายวัย 83 ปี ข้ามรั้วประตูบ้าน ว่า อย่าโอนเงินให้มิจฉาชีพอีก หลังธนาคารพบความผิดปกติ เนื่องจากคุณยายถอนเงินออกมาหลายล้านบาท จึงประสานงานไปที่ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ AOC 1441 ให้แจ้งมายังตำรวจนครบาล เพื่อตรวจสอบการโอนเงินของคุณยายโดยด่วน ปรากฏว่า เมื่อตำรวจมาถึงบ้าน คุณยายไม่เชื่อ แถมยังคุยโทรศัพท์กับตำรวจปลอมในมือถือตลอดเวลา แล้วไม่เชื่อว่า ตำรวจที่มาหน้าบ้านเป็นตำรวจจริง จนตำรวจตัวจริงอ่อนใจ ทำได้เพียงแค่ประสานงานผู้นำในชุมชนให้ช่วยดูแลคุณยาย และเตือนเรื่องนี้ ล่าสุดคุณยายมาแจ้งความแล้ว เมื่อวันที่ 13 กันยายน แต่ยังไม่ได้เงินคืน ข้อมูลของตำรวจพบว่า คุณยายโอนเงินไปทั้งหมด 5 ครั้งครั้งแรกวันที่ 3 กันยายน ฝากเงินสดเข้าบัญชีธนาคารแห่งหนึ่ง 3.5 ล้านบาทวันที่ 4 กันยายน โอนเงินสดไป 400,000 บาทวันที่ […]

ข่าวแนะนำ

ทนายวัดนาป่าพง แจงปมโอนเงินไปเยอรมนี ยันใช้ก่อตั้งมูลนิธิ

16 ก.ย. – ทนายวัดนาป่าพง แจงยิบไทม์ไลน์โอนเงิน 12 ล้าน ไปให้สีกาที่เยอรมนี ยืนยันใช้ก่อตั้งมูลนิธิ หวังเผยแผ่พระพุทธศาสนา ไม่ใช่เสน่หาหรือยักยอกเงินวัด เชื่อเป็นขบวนการล้มพระอาจารย์คึกฤทธิ์ ความคืบหน้าการตรวจสอบพระวัดดังใน จ.ปทุมธานี หลังมีการแจ้งความกองปราบฯ ให้ตรวจสอบปมเงินบริจาควัดที่มีการโอนไปยังต่างประเทศ รวมถึงปล่อยคลิปลักษณะที่ใกล้ชิดกับสีกาในร้านเครื่องประดับ วันนี้ (16 ก.ย.) นายนันทน อินทนนท์ และคณะทนายความของวัดนาป่าพง ร่วมกันแถลงข่าวชี้แจงประเด็นต่างๆ โดยมี อ.เบียร์ คนตื่นธรรม พระลูกวัด และศิษยานุศิษย์ของวัด มาร่วมฟังคำแถลงข่าวอีกเป็นจำนวนมาก ในส่วนของคลิปกับสีกาในร้านเครื่องประดับในต่างประเทศ ทนายความยืนยันว่าสีกาคนดังกล่าวเป็นโยมอุปัฏฐาก ที่ทำหน้าที่ดูแลพระอาจารย์คึกฤทธิ์ และดูแลช่องทางการสื่อสารของวัด คือพุทธวจนเรียล อย่างเปิดเผยตั้งแต่แรก แต่คลิปวิดีโอที่ถูกนำมาเผยแพร่พยายามเชื่อมโยงให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างสีกาคนดังกล่าวกับพระอาจารย์คึกฤทธิ์ เป็นการตัดต่อที่ตั้งใจให้เกิดความเข้าใจผิด แจงไทม์ไลน์ยิบ โอนเงินไปต่างประเทศใช้ก่อตั้งมูลนิธิส่วนกรณีมีการโอนเงินจากพระอาจารย์คึกฤทธิ์ ไปยังสีกาที่เยอรมนี ทีมทนายความยอมรับว่าเอกสารต่างๆ ที่เผยแพร่ในสื่อ เป็นเอกสารที่ทางวัดยื่นต่อศาลที่เยอรมนี ไม่ใช่เอกสารที่ต้องปิดบัง สามารถเปิดเผยได้ เพราะไวยาวัจกรเป็นผู้โอนเงินเอง พร้อมชี้แจงว่าเป็นการโอนเงินเพื่อไปสร้างวัดและมูลนิธิที่ประเทศเยอรมนี โดยไล่เรียงไทม์ชี้แจงอย่างละเอียด เริ่มตั้งแต่ปี 2561 พระอาจารย์คึกฤทธิ์ ต้องการเผยแพร่คำสอนในต่างประเทศ หนึ่งในวิธีการคือการจัดตั้งวัดในต่างประเทศ โดยเฉพาะในเยอรมนีมีลูกศิษย์ของวัดจำนวนมาก […]

รวบบัญชีม้ายกแก๊ง ตระเวนถอนเงินให้คอลเซ็นเตอร์จีนเทา

16 ก.ย. – จับยกแก๊งบัญชีม้า 7 คน ตระเวนถอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์จีนเทา ยึดเงินสดกว่า 5 แสนบาท สารภาพได้ค่าจ้างล้านละ 7,000 บาท เงินที่หลอกผู้เสียหายถูกถ่ายโอนไปยังแก๊งคอลเซ็นเตอร์นอกประเทศแล้วไม่ต่ำกว่า 40 ล้านบาท นายเอกชัย เจ้าของบัญชีม้า พร้อมหญิงสาวทำหน้าที่ประสานงานถอนเงิน ถูกตำรวจภูธรภาค 5 จับกุมได้บริเวณหน้าธนาคารแห่งหนึ่งใน อ.เวียงหนองล่อง จ.ลำพูน ก่อนขยายผลจับกุมนายศรัณย์พงศ์ และนางสาวนันท์ธนัษฐ์ 2 คนไทย ทำหน้าที่ควบคุมเจ้าของบัญชีม้า และผู้ร่วมขบวนการอีก 3 คน ที่นั่งรอในรถกระบะ นายคิโอ ชาวลาว หัวหน้าแก๊งที่ถอนเงินให้จีนเทาเครือข่ายคิงส์โรมันฝั่งลาว พร้อมยึดของกลางเงินสดกว่า 5 แสนบาท สมุดบัญชีเงินฝากอีก 1 เล่ม กลุ่มผู้ต้องหามีพฤติการณ์วนเวียนถอนเงินสดจากธนาคารหลายแห่งใน จ.เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง ตำรวจแจ้งข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ร่วมกันทุจริต หลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ร่วมกันเป็นอั้งยี่ เตรียมรวบรวมหลักฐานขยายผลถึงบอสชาวจีน พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค […]

อัปเดตโผ ครม. ครบ 100% “โสภณ​” มีชื่อนั่งรอง​นายก​ฯ

กทม.16 ก.ย.- อัปเดตโผ ครม. ล่าสุด “โสภณ​ ​ซา​รัมย์​” ผงาดรอง​นายก​ฯ ขณะที่ รมต.สำนักนายกฯ มีถึง 4 เก้าอี้ ด้าน “มัลลิกา” โผล่นั่ง รมช.คมนาคม วันที่ 16 กันยายน 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่านายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เซ็นส่งรายชื่อคณะรัฐมนตรี (ครม. ) ซึ่งคาดว่าสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี จะนำขึ้นทูลเกล้าฯ 36 รายชื่อ ดังนี้ โควตา​คนนอก​ พรรคกล้าธรรม พรรคพลังประชารัฐ กลุ่มสุชาติ กลุ่มการเมืองอื่น

ป่วนไม่เลิก! เขมรบุกทำลายรั้วลวดหนาม “บ้านหนองหญ้าแก้ว”

16 ก.ย.- เขมรป่วนไม่เลิก! บุกทำลายรั้วลวดหนาม บ้านหนองหญ้าแก้ว ทหารกัมพูชายืนประกบสังเกตการณ์ ขณะที่ชาวเน็ตแห่หนุนสร้างกำแพงกั้นถาวร วันที่ 16 ก.ย. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสังคมออนไลน์แห่แชร์ภาพคลิปวิดีโอ พร้อมข้อความโดยอ้างว่าเป็นภาพของชาวเขมรบุกทำลายรั้วลวดหนามของไทย บริเวณบ้านหนองหญ้าแก้ว ซึ่งเหตุการณ์เกิดในวันนี้ โดยมีชาวบ้านจากฝั่งกัมพูชาหลายคนเข้ามาใกล้แนวรั้วลวดหนาม พร้อมถือไม้และพยายามรื้อทำลาย ขณะที่ทหารกัมพูชายืนสังเกตการณ์อยู่รอบพื้นที่ ขณะที่ชาวเน็ตแห่แสดงความคิดเห็น สนับสนุนการสร้างกำแพงแทนรั้วลาดหนาม เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก -313 .-สำนักข่าวไทย