กรุงเทพฯ 23 ธ.ค. – ศูนย์วิจัยกสกิรไทยประเมินธุรกิจแบงก์ปี 63 เตรียมรับโจทย์เศรษฐกิจ การเปลี่ยนแปลงของหลักเกณฑ์และกติกาทางการ
บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด ประเมินว่า ปี 2563 จะเป็นอีกปีที่ธุรกิจธนาคารพาณิชย์ยังคงต้องเผชิญกับโจทย์ท้าทายรอบด้าน ซึ่งน่าจะเพิ่มแรงกดดันมากขึ้นต่อผลการดำเนินงาน โดยไล่เรียงจากสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่เติบโตในกรอบจำกัด เกณฑ์การกำกับดูแลของทางการที่มุ่งเน้นการดูแลและสร้างความเป็นธรรมต่อทั้งลูกค้ารายย่อยและลูกค้าผู้ประกอบการ ตลอดจนมาตรฐาน TFRS 9 ซึ่งภายใต้เงื่อนไขของปัจจัยเหล่านี้ คาดว่าสินเชื่อของระบบธนาคารพาณิชย์ไทยปี 2563 อาจเติบโตในกรอบจำกัดที่ 3.0-3.8% ขณะที่ NIM น่าจะชะลอลงมาที่ 2.70-2.80% ตามแรงกดดันจากรายได้ดอกเบี้ยและโอกาสของการปรับลดอัตราดอกเบี้ยระหว่างปี ขณะที่อีกด้านหนึ่งนั้น เศรษฐกิจที่เติบโตในกรอบต่ำอาจทำให้สัดส่วน NPLs ระบบธนาคารพาณิชย์ขยับขึ้นไปยืนเหนือระดับ 3.0% ตลอดทั้งปี
นอกจากนี้ ภาพที่จะเห็นต่อเนื่องในปี 2563 คือ การหาแนวทางการเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการด้านต้นทุนของธนาคารพาณิชย์ ทั้งที่ดำเนินการผ่านการปรับปรุงรูปแบบการให้บริการของสาขา ทบทวนจำนวนสาขาที่ให้บริการและบริหารจัดการให้จำนวนพนักงานต่อสาขามีความเหมาะสม รวมถึงการเพิ่มทักษะความชำนาญให้พนักงานให้มีศักยภาพที่หลากหลาย ตลอดจนการเร่งปรับกลยุทธ์เพื่อรับมือกับสภาวะการแข่งขันในตลาดให้บริการทางการเงินที่จะทวีความเข้มข้นมากขึ้นจากผู้เล่นอื่น ๆ อาทิ ผู้ประกอบการ FinTech/TechFin และผู้ประกอบการ e-commerce โดยปี 2563 น่าจะเห็นธนาคารพาณิชย์เร่งกระบวนการเปลี่ยนผ่านของการยกระดับการให้บริการทางการเงินด้วยการขยายฐานลูกค้าและเร่งสร้างรายได้ใหม่ ๆ จากแพลตฟอร์มของธนาคารพาณิชย์ อาทิ การปล่อยสินเชื่อที่ให้ผลตอบแทนสูงผ่านช่องทางออนไลน์ ตลอดจนการเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มของพันธมิตร เพื่อเติมเต็มระบบนิเวศของบริการทางการเงินให้มีความสมบูรณ์มากขึ้น
ทั้งนี้ ปัจจัยที่ต้องติดตามระหว่างปี 2563 น่าจะอยู่ที่พัฒนาการทางเศรษฐกิจ ระดับความเข้มข้นของกติกาและแนวนโยบายของทางการที่จะเกิดขึ้นทั้งเรื่องค่าธรรมเนียมและอัตราดอกเบี้ย ตลอดจนทิศทางของผลการประกอบการ ซึ่งภาพทั้งหมดนี้อาจมีผลต่อเนื่องมายังบทบาทของธนาคารพาณิชย์ในการทำหน้าที่ช่วยสนับสนุนภาคธุรกิจและเศรษฐกิจไทยในภาพรวม