ปักกิ่ง 15 ก.ย.- ทางการจีนแจ้งผลการสอบสวนเบื้องต้นว่า เอ็นวิเดีย (Nvidia) บริษัทชิปยักษ์ใหญ่ของสหรัฐ ฝ่าฝืนกฎหมายต่อต้านการผูกขาดของจีน สร้างปัญหาครั้งใหม่ให้แก่บริษัทที่เป็นเจ้าแห่งชิปเอไอและชิปเกมแห่งนี้
สำนักงานบริหารการกำกับดูแลตลาดแห่งชาติจีนออกแถลงการณ์สั้น ๆ ในวันนี้ว่า ผลการสอบสวนเบื้องต้นพบว่าเอ็นวิเดียฝ่าฝืนกฎหมายต่อต้านการผูกขาดของจีน แต่ไม่ได้แจกแจงในรายละเอียด นอกจากนี้เอ็นวิเดียยังต้องสงสัยว่า ละเมิดคำมั่นที่ให้ไว้ในการซื้อกิจการเมลลาน็อกซ์ เทคโนโลยีส์ (Mellanox Technologies) ซึ่งเป็นบริษัทผู้ออกแบบชิปของอิสราเอล ตามเงื่อนไขที่สำนักงานฯ อนุมัติข้อตกลงซื้อกิจการดังกล่าวในปี 2563 และสำนักงานฯ จะเดินหน้าการสอบสวนต่อไป
จีนเปิดการสอบสวนเอ็นวิเดียในเดือนธันวาคม 2567 ฐานต้องสงสัยว่าฝ่าฝืนกฎหมายต่อต้านการผูกขาดของจีน แต่มีการมองกันอย่างกว้างขวางว่า เป็นการแก้แค้นรัฐบาลสหรัฐที่พยายามจำกัดอุตสาหกรรมชิปหรือเซมิคอนดักเตอร์ของจีน กฎหมายต่อต้านการผูกขาดของจีนกำหนดโทษปรับบริษัทต่าง ๆ ไว้ที่ร้อยละ 1-10 ของรายได้ประจำปีของปีก่อนหน้านั้น ขณะที่รายงานประจำปีฉบับล่าสุดของเอ็นวิเดียระบุว่า บริษัทมีรายได้จากจีน 17,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 542,376 ล้านบาท) ในปีงบประมาณสิ้นสุดวันที่ 26 มกราคม 2568 คิดเป็นร้อยละ 13 ของรายได้ทั้งหมดของบริษัท

เอ็นวิเดียตกอยู่ท่ามกลางความขัดแย้งระหว่างจีนกับสหรัฐ เมื่อรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์สั่งห้ามจำหน่ายชิปเอไอของเอ็นวิเดียให้แก่จีน ก่อนผ่อนปรนในภายหลังให้จำหน่ายได้บางประเภท ขณะที่จีนต้องการให้อุตสาหกรรมเทคโนโลยีของประเทศลดการพึ่งพาชิปของสหรัฐ แหล่งข่าวเปิดเผยเมื่อเดือนสิงหาคมว่า รัฐบาลจีนได้เรียกบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ของจีน เช่น เทนเซ็นต์ (Tencent) ไบแดนซ์ (ByteDance) ให้มาชี้แจงเหตุผลที่สั่งซื้อชิปเอช20 (H20) ของเอ็นวิเดีย และได้แสดงความกังวลเรื่องความเสี่ยงด้านข้อมูลที่อาจจะเกิดขึ้น นอกจากนี้เจ้าหน้าที่กำกับดูแลด้านไซเบอร์ของจีนยังได้เรียกตัวแทนของเอ็นวิเดียมาชี้แจงว่า ชิปเอช20 ที่เอ็นวิเดียออกแบบมาให้ใช้กับจีนโดยเฉพาะ มีความเสี่ยงด้านความมั่นคงกับระบบหลังบ้านที่อาจกระทบต่อข้อมูลและความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งานชาวจีนหรือไม่.-814.-สำนักข่าวไทย