ชิป

วอชิงตัน 8 ส.ค. – ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ กล่าววานนี้เรียกร้องให้ ลิป-บู ตัน (Lip-Bu Tan) ซีอีโอคนใหม่ของบริษัทอินเทล (Intel) ลาออกจากตำแหน่งโดยทันที โดยอ้างเหตุผลว่าเขามี “ผลประโยชน์ทับซ้อนอย่างรุนแรง” เนื่องจากมีความเกี่ยวข้องกับบริษัทสัญชาติจีน นายทรัมป์โพสต์ข้อความบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย “ทรูธ โซเชียล” (Truth Social) ของเขาว่า ซีอีโอของอินเทลมีผลประโยชน์ทับซ้อนอย่างรุนแรงและต้องลาออกทันทีและไม่มีทางแก้อื่นสำหรับปัญหานี้ ในวันเดียวกันนี้ หุ้นของบริษัทอินเทลปิดตลาดลดลงร้อยละ 3 เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา สำนักข่าวรอยเตอร์ทำรายงานพิเศษที่เปิดเผยว่า นายตันได้ลงทุนในบริษัทผลิตชิป และบริษัทผลิตสินค้าเทคโนโลยีขั้นสูงของจีนหลายร้อยแห่งเป็นเงินอย่างน้อย 200 ล้านดอลลาร์ โดยบริษัทบางแห่งที่เขาลงทุ่นไปนั้นมีความเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกับกองทัพจีน ความเห็นของทรัมป์เรื่องซีอีโอของอินเทลมีขึ้นหนึ่งวันหลังจากที่รอยเตอร์รายงานเป็นสำนักข่าวแรกว่า นายทอม คอตตอน วุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกัน ได้ส่งจดหมายถึงประธานกรรมการบริหารของอินเทล เพื่อสอบถามเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของนายตันกับบริษัทจีน รวมถึงคดีอาญาที่เกี่ยวข้องกับบริษัทเก่าของเขาอย่าง “เคเดนซ์ ดีไซน์” (Cadence Design) การเข้ามาแทรกแซงของนายทรัมป์ในครั้งนี้ถือเป็นกรณีที่หาได้ยากที่ประธานาธิบดีสหรัฐจะออกมาเรียกร้องให้ซีอีโอของบริษัทเอกชนลาออกต่อสาธารณะ และได้ทำให้เกิดการถกเถียงในหมู่นักลงทุน นายฟิล บลองกาโต ซีอีโอของ “ลาเดนเบิร์ก ทาลมานน์ แอสเซท แมเนจเมนท์” […]

วอชิงตัน 7 ส.ค. – หลายประเทศที่มีเซมิคอนดักเตอร์ หรือชิป เป็นอุตสาหกรรมสำคัญ แสดงท่าทีแตกต่างกัน หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ประกาศจะเก็บภาษีร้อยละ 100 กับการนำเข้าชิป โดยมีข้อยกเว้นว่าจะไม่บังคับใช้กับบริษัทที่ผลิตชิป หรือรับปากว่าจะผลิตชิป ในสหรัฐ นายโย ฮัน กู อธิบดีกรมการเจรจาการค้าเสรีของเกาหลีใต้ เปิดเผยผ่านทางสถานีวิทยุในวันนี้ว่า ซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ และ เอสเค ไฮนิกซ์ ผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของเกาหลีใต้ จะไม่ถูกสหรัฐเก็บภาษีร้อยละ 100 และเกาหลีใต้จะได้อัตราภาษีที่ดีที่สุดตามข้อตกลงการค้าทวิภาคีกับสหรัฐ นายแดน ลาชิกา ประธานอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และเซมิคอนดักเตอร์ในฟิลิปปินส์ ระบุว่า อัตราภาษีใหม่ของนายทรัมป์จะสร้างความเสียหายย่อยยับให้แก่ฟิลิปปินส์ ขณะที่ เตงกู ซาฟรุล อับดุล อาซิซ รัฐมนตรีการลงทุน การค้าและอุตสาหกรรมของมาเลเซีย ซึ่งเป็นประเทศผู้ทดสอบและบรรจุชิประดับโลก เตือนระหว่างแถลงต่อรัฐสภาว่า มาเลเซียจะสูญเสียตลาดใหญ่ในสหรัฐ เนื่องจากอัตราภาษีนี้จะทำให้มาเลเซียสูญเสียความสามารถในการแข่งขัน นายหลิว จิ้งชิง รัฐมนตรีสภาการพัฒนาแห่งชาติของไต้หวัน กล่าวกับสื่อในวันนี้ว่า บริษัทไต้หวันกำลังสร้างโรงงานหรือซื้อบริษัทสหรัฐที่มีโรงงานท้องถิ่น และกำลังประสานกับผู้ผลิตชิปสหรัฐในการรับมือกับภาษีที่จะเกิดขึ้น ขณะที่สหภาพยุโรปหรืออียู แจ้งว่า […]

วอชิงตัน 29 พ.ค. – สหรัฐสั่งบริษัทหลายแห่งให้หยุดการส่งสินค้าไปยังจีนโดยไม่ได้รับอนุญาตและได้เพิกถอนใบอนุญาตที่เคยออกให้แก่บริษัทผู้จัดจำหน่ายสินค้าบางรายแล้ว แหล่งข่าววงในเปิดเผยว่า มาตรการจำกัดใหม่ ซึ่งมีแนวโน้มที่จะเพิ่มความตึงเครียดกับรัฐบาลปักกิ่ง ดูเหมือนจะมุ่งเป้าไปที่จุดสำคัญ เพื่อป้องกันไม่ให้จีนได้รับผลิตภัณฑ์ที่จำเป็นสำหรับภาคส่วนสำคัญๆ ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับผลกระทบรวมถึงซอฟต์แวร์ออกแบบและสารเคมีสำหรับใช้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์ บิวเทนและอีเทน เครื่องมใอสำหรับจักรกล และอุปกรณ์เกี่ยวกับการบิน บริษัทหลายแห่งได้รับจดหมายจากกระทรวงพาณิชย์ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เพื่อแจ้งให้ทราบถึงข้อจำกัดใหม่ บริษัทที่จัดหาซอฟต์แวร์ออกแบบอิเล็กทรอนิกส์อัตโนมัติ หรือ อีดีเอ สำหรับเซมิคอนดักเตอร์ได้รับจดหมายเมื่อวันศุกร์ที่แล้วว่า ขณะนี้จำเป็นต้องมีใบอนุญาตเพื่อส่งสินค้าให้กับลูกค้าจีน กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะพิจารณาคำขอใบอนุญาตเพื่อส่งสินค้าไปยังจีนเป็นรายกรณี ซึ่งบ่งชี้ว่ามาตรการนี้ไม่ใช่การห้ามส่งออกโดยสิ้นเชิง ส่วนอีกด้านหนึ่งนั้น หนังสือพิมพ์นิวยอร์ค ไทมส์ รายงานในวันพุธว่รา สหรัฐได้ระงับการขายเทคโนโลยีสำคัญของสหรัฐบางส่วนให้กับจีน รวมถึงเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับเครื่องยนต์เจ็ตให้กับบริษัทอากาศยานพาณิชย์แห่งประเทศจีน หรือ โคแม็ก (COMAC) ผู้ผลิตอากาศยานของรัฐบาลจีน โดยมีรายงานว่า กระทรวงฯ ได้ระงับใบอนุญาตบางส่วนที่เคยอนุญาตให้บริษัทสหรัฐจำหน่ายผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีให้แกโคแม็ก เพื่อพัฒนาเครื่องบินโดยสาร ซี919 ของจีน หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ระบุว่า การเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นการตอบโต้การที่จีนจำกัดการส่งออกแร่ธาตุสำคัญไปยังสหรัฐเมื่อไม่นานมานี้ บริษัทโคแม็กกำลังพัฒนาเครื่องบินพาณิชย์ของตนเองเพื่อแข่งขันกับผู้ผลิตเครื่องบินเจ้าตลาดอย่างแอร์บัสและโบอิ้ง แต่จีนยังไม่มีเครื่องยนต์ที่ผลิตในประเทศที่เหมาะสม และยังคงต้องพึ่งพาการนำเข้าจากสหรัฐ.-813.-สำนักข่าวไทย

ปักกิ่ง, 21 พ.ค. — โฆษกกระทรวงพาณิชย์ของจีนกล่าววันนี้ประณามกรณีสหรัฐ พยายามแบนชิปประมวลผลขั้นสูงของจีนไปทั่วโลกว่าเป็นตัวอย่างการกระทำ “กลั่นแกล้งและกีดกันทางการค้าเพียงฝ่ายเดียว” ซึ่งบ่อนทำลายห่วงโซ่อุตสาหกรรมและห่วงโซ่อุปทานเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลกอย่างรุนแรง สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า โฆษกกระทรวงพาณิชย์ของจีน กล่าวว่าเมื่อไม่นานนี้ กระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐ ใช้ข้ออ้างการละเมิดกฎควบคุมการส่งออกของสหรัฐ ออกแนวปฏิบัติที่พยายามแบนชิปประมวลผลขั้นสูงของจีน รวมถึงชิปหัวเหวย แอสเซนด์ (Huawei Ascend) บางรุ่น ซึ่งเป็นการลิดรอนสิทธิของประเทศอื่นๆ ในการพัฒนาชิปประมวลผลขั้นสูงและอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (AI) โฆษกกระทรวงพาณิชย์ของจีนกล่าวว่า สหรัฐกำลังใช้การควบคุมการส่งออกในทางที่ผิดเพื่อยับยั้งและกดขี่จีน ซึ่งละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศและบรรทัดฐานขั้นพื้นฐานของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ สร้างความเสียหายร้ายแรงต่อสิทธิประโยชน์ตามกฎหมายของผู้ประกอบการจีน และบั่นทอนผลประโยชน์จากการพัฒนาของจีน ฝ่ายจีนเน้นย้ำว่ามาตรการของสหรัฐมีแนวโน้มเป็นการกำหนดข้อจำกัดแบบเลือกปฏิบัติที่มุ่งเป้าไปยังกลุ่มบริษัทจีน โดยองค์กรหรือนิติบุคคลที่ดำเนินการหรือช่วยเหลือในการดำเนินมาตรการเหล่านี้อาจถือเป็นการละเมิดกฎหมายและข้อบังคับของจีน และอาจต้องรับผิดชอบตามกฎหมาย การพัฒนาที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมและความร่วมมือที่เป็นประโยชน์ร่วมกันเป็นแนวทางหลักของโลก จีนจึงกระตุ้นเตือนสหรัฐแก้ไขการทำผิดพลาดทันที ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างประเทศ และเคารพสิทธิการพัฒนาทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีตามกฎหมายของประเทศอื่นๆ โฆษกกระทรวงพาณิชย์ของจีนกล่าวว่า จีนสนับสนุนผู้ประกอบการทั่วโลกดำเนินความร่วมมือทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีตามหลักการตลาดเพื่อบรรลุผลลัพธ์ที่ทุกฝ่ายได้ประโยชน์และส่งเสริมการสร้างสรรค์นวัตกรรมที่เป็นประโยชน์กับทุกฝ่าย โดยจีนจะเฝ้าติดตามมาตรการของสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิดและดำเนินการขั้นเด็ดขาดเพื่อคุ้มครองสิทธิประโยชน์ตามกฎหมาย.-813.-สำนักข่าวไทย

บริษัทผลิตเซมิคอนดักเตอร์ไต้หวัน หรือ ทีเอสเอ็มซี ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตชิป เซมิคอนดัคเตอร์รายใหญ่ของโลก มีแผนที่จะลงทุนเพิ่มเติมเป็นมูลค่า 100,000 ล้านดอลลาร์ในสหรัฐ

จีนกล่าววันนี้ว่า ไต้หวันกำลังพยายามหาทางในการยกอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ให้กับสหรัฐเป็นของที่ระลึกและนำมาใช้ประโยชน์เพื่อขอการสนับสนุนทางการเมืองจากสหรัฐ

กระทรวงพาณิชย์ของจีนกล่าววันนี้ว่า จีนออกคำสั่งห้ามการส่งออกแกลเลียม เจอร์เมเนียม แร่พลวงและวัสดุที่แข็งเป็นพิเศษไปยังสหรัฐ ซึ่งมีผลบังคับใช้ในทันที

นิวยอร์ก 31 ก.ค.- แหล่งข่าวเผยว่า รัฐบาลประธานาธิบดีโจ ไบเดน เตรียมออกระเบียบใหม่ในเดือนสิงหาคมที่จะขยายอำนาจของสหรัฐให้สามารถห้ามบางประเทศส่งออกอุปกรณ์ผลิตเซมิคอนดักเตอร์ หรือชิปไปยังจีน แหล่งข่าวเผยว่า ระเบียบนี้เป็นส่วนขยายของระเบียบผลิตภัณฑ์โดยตรงจากต่างประเทศ หรือเอฟดีพีอาร์  (Foreign Direct Product Rule: FDPR) จะทำให้ผู้ผลิตชิปจีนจำนวนหนึ่งไม่สามารถนำเข้าอุปกรณ์การผลิตชิปจากหลายประเทศ เช่น อิสราเอล ไต้หวัน สิงคโปร์ มาเลเซีย แต่จะยกเว้นการนำเข้าจากญี่ปุ่น เนเธอร์แลนด์ และเกาหลีใต้ ก่อนหน้านี้สหรัฐได้ควบคุมการส่งออกชิปและอุปกรณ์ผลิตชิปไปจีนสำหรับปี 2565-2566 เอฟดีพีอาร์เป็นระเบียบที่สหรัฐใช้มาตั้งแต่ปี 2502 เพื่อควบคุมการค้าเทคโนโลยีของสหรัฐ โดยให้อำนาจรัฐบาลสหรัฐยับยั้งการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่ใช้เทคโนโลยีสหรัฐ ครอบคลุมถึงผลิตภัณฑ์ที่ผลิตในต่างประเทศด้วย ด้านโฆษกกระทรวงต่างประเทศจีนให้ความเห็นต่อรายงานข่าวนี้ว่า การที่สหรัฐข่มขู่ประเทศอื่นให้กดดันอุตสาหกรรมชิปของจีนเป็นการบ่อนทำลายการค้าโลกและทำให้ทุกฝ่ายเดือดร้อน หวังว่าประเทศเหล่านี้จะต่อต้านความพยายามของสหรัฐ และปกป้องผลประโยชน์ระยะยาวของประเทศ.-814.-สำนักข่าวไทย 

นิวยอร์ก 17 ก.ค.- โดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐที่กำลังหาเสียงเพื่อเป็นผู้นำอีกสมัยแสดงความเห็นว่า ไต้หวันควรจ่ายค่าคุ้มครองให้แก่สหรัฐ เนื่องจากไต้หวันไม่ได้ให้สิ่งใดตอบแทนสหรัฐเลย นิตยสารบลูมเบิร์ก บิสซิเนสวีคได้สัมภาษณ์ทรัมป์เมื่อวันที่ 25 มิถุนายนและนำบทสัมภาษณ์มาเผยแพร่เมื่อวันอังคารตามเวลาสหรัฐ ทรัมป์กล่าวในการให้สัมภาษณ์ว่า เขารู้จักคนไต้หวันเป็นอย่างดี และให้เกียรติคนไต้หวันอย่างมาก เขาคิดว่า ในเมื่อไต้หวันแย่งธุรกิจชิปของสหรัฐไปหมด ไต้หวันก็ควรจ่ายค่าคุ้มครองให้แก่สหรัฐ เพราะว่าไปแล้วสหรัฐก็ไม่ต่างจากบริษัทประกันภัย แต่ไต้หวันไม่ได้จ่ายสิ่งใดให้แก่สหรัฐเลย สหรัฐเป็นผู้สนับสนุนบนเวทีโลกรายสำคัญและผู้จัดหาอาวุธรายใหญ่ให้แก่ไต้หวัน เพราะมีข้อผูกพันทางกฎหมายที่จะต้องทำให้ไต้หวันมีหนทางปกป้องตนเอง แต่ไม่มีข้อตกลงด้านกลาโหมอย่างเป็นทางการระหว่างกัน นายกรัฐมนตรีจั๋ว หรงไท่ ของไต้หวันตอบข้อถามสื่อเรื่องบทสัมภาษณ์ของทรัมป์ว่า ไต้หวันและสหรัฐมีความสัมพันธ์อันดี แม้ว่าไม่มีความสัมพันธ์อย่างเป็นทางการ และว่าไต้หวันได้เดินหน้าเสริมสร้างงบประมาณด้านกลาโหมให้แข็งแกร่ง และแสดงออกถึงความรับผิดชอบต่อประชาคมโลก โดยเต็มใจที่จะแบกรับความรับผิดชอบมากขึ้น ขณะเดียวกันก็ปกป้องตนเองและรับประกันด้านความปลอดภัยให้แก่ตนเอง.-814.-สำนักข่าวไทย